xs
xsm
sm
md
lg

“ล็อกดาวน์” เจ็บแล้วจบจริง !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา


เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า กระทรวงสาธารณสุข เสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค. ยกระดับมาตรการทางสังคมด้วยมาตรการดังต่อไปนี้

- จำกัดการเดินทาง อยากให้อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ แต่สามารถออกไปหาหมอ ฉีดวัคซีนได้
- ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด
- ปิดสถานที่เสี่ยงทั้งหมด
- สามารถเปิดสถานที่จำเป็นได้ เช่น ตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต

มาตรการนี้เพื่อลดจำนวนผู้ป่วย จะใช้ในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชน อย่างน้อย 14 วัน ซึ่ง ศบค. จะพิจารณาเรื่องพื้นที่และระยะเวลาในการบังคับใช้มาตรการ อย่างไรก็ตาม จะมีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ ศบค. ในวันที่ 9 กรกฎาคม และจะมีความเข้มข้นไม่น้อยกว่าเมื่อเดือน เม.ย. 63

ด้าน นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงในอีก 14 วันข้างหน้าและในครั้งนี้ต่างจาก เม.ย. 63 ที่เรามีวัคซีนมาฉีดให้ด้วย ก็จะทำให้ตัวเลขลดลงตามที่กำหนดไว้

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.ได้นัดประชุมเร่งด่วนในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้แล้ว โดยคาดว่าเป็นการพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวของกระทรวงสาธารณสุข หลังจากมีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่สุดทำสถิติใหม่ ซึ่งการประชุมดังกล่าวเป็นการร่นเวลาให้เร็วขึ้นจากเดิมที่มีกำหนดวันประชุมในวันที่ 12 กรกฎาคม

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากความเป็นไปได้ เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการระบาดและผู้ติดเชื้อ และทำให้มองเห็นแนวโน้มมีผู้ติดเชื้อมากขึ้นไปอีก ซึ่งคาดเดาได้ไม่ยากว่าในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะต้องมีการออกมาตรการควบคุมที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีการ “ล็อกดาวน์” หรือไม่ หรือจะใช้คำแบบไหนออกมา

เพราะหากมีการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบเหมือนเดือนเมษายนปี 2563 จะเป็นการในลักษณะ “ปิดประเทศ” ทุกอย่างหยุดนิ่ง รวมไปถึงการประกาศ “เคอร์ฟิว” ห้ามออกจากบ้าน ซึ่งแบบนี้ถือว่า “โหดมาก” และเชื่อว่าชาวบ้านคงรับไม่ไหว เพราะหนักเกินทน เนื่องจากสถานการณ์ “ยืดเยื้อเกินไป” เพราะหากพิจารณาจากคำจำกัดความของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เรากำลังเข้าสู่การระบาดใน “รอบที่ 4” ที่ต้องเผชิญกับไวรัสกลายพันธุ์ที่ “อันตรายมากขึ้นทุกวัน”

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากความเป็นไปได้ที่คาดการณ์ล่วงหน้า เชื่อว่า มาตรการควบคุมของ ศบค. ที่จะออกมาตามแบบที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ นั่นคือ เลือกล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ระบาดหนักหรือ “สีแดง” รวมไปถึงพื้นที่ชายแดนเพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว รวมทั้งการห้ามเคลื่อนย้ายข้ามเขตจังหวัดเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด

แม้ว่าในที่สุดแล้วจะเลือกใช้คำว่า “ล็อกดาวน์” หรือมาตรการที่เข้มงวดกว่าเดิมก็ตามที เชื่อว่าการระบาดรอบนี้ “ยังไม่จบง่ายๆ” เพราะอย่างที่รู้กันก็คือ ความหวังเดียวที่เป็น “ความหวังหลัก” ในเวลานี้ก็คือ “วัคซีน” แต่ความเป็นจริงก็คือ ยังไม่มีวัคซีนยี่ห้อไหนที่การันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ในการ “ป้องกันการติดเชื้อ” ทำได้เพียงแค่ทำให้โอกาสการเสียชีวิตน้อยลงเท่านั้น

และที่สำคัญ เวลานี้ไม่ว่ายี่ห้อไหน ไม่ว่าจะเป็น “วัคซีนเทพ” หรือ “วัคซีนจีน” มันมีจำกัด ยิ่งวัคซีนเทพที่หลายคนโหยหาหรือ “ปั่น” กันจนเกินพอดีนั้น ยังต้องรออีกนาน ช่วงปลาย สิงหา-ตุลาฯ ถึงตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเชื้อโรคมันกลายพันธุ์ไปไกลและยัง “เอาอยู่” หรือไม่ เพราะมันพัฒนาไปทุกวินาทีเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันตามรูปการณ์แล้ว ยังเชื่อว่า ในที่สุดแล้วทาง ศบค.จะต้องออกมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะ ล็อกดาวน์ หรือไม่ก็ตาม แต่คำถามก็คือ ไม่ว่าจะเข้มงวดแค่ไหน หรือจะต้องล็อกดาวน์ที่หลายคนอกว่า “ให้เจ็บแต่จบ” นั้น ในความเป็นจริงแล้วยังมั่นใจว่า “ยังไม่จบแน่นอน” ยังต้องเจอกันไปอีกนาน ซึ่งความหวังก็ต้องอยู่ที่วัคซีนที่ต้องเร่งกระจายฉีดให้ได้ตามจำนวน ซึ่งตอนนี้ยังมีจำนวนจำกัด !!


กำลังโหลดความคิดเห็น