“แรมโบ้” ซัด “ศิริกัญญา” ก้าวไกล อย่าคอยแต่จ้องจับผิด บิดเบือนข้อมูล เป็นผู้แทนประชาชนต้องเปิดใจฟังรอบด้าน ย้ำ การเยียวโควิด-19 ใช้งบทั้งประกันสังคม และเงินกู้ อย่ากังวลว่า นายกฯ หรือรัฐบาล จะใช้เงินผิดวัตถุประสงค์
วันนี้ (29 มิ.ย.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล วิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการออกประกาศล่าสุด ใช้เงินประกันสังคม แทนที่จะใช้จากงบประมาณตาม พ.ร.ก.เงินกู้ฯ โดยระบุว่า เรื่องนี้ นายกฯ ได้ชี้แจงแล้วว่า การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบครั้งนี้ จะนำงบประมาณจากเงินกู้ และเงินจากกองทุนประกันสังคม รวมแล้วประมาณ 7.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นเงินรัฐบาลจัดเตรียมไว้ 4,000 ล้านบาท เงินประกันสังคม 3,500 ล้านบาท โดยไม่ใช่เงินประกันสังคมเพียงอย่างเดียว
และการที่ประกันสังคมเข้าไปเยียวยาให้กับแรงงานนั้น ตนเองมองว่า เป็นไปตามระเบียบของประกันสังคมอยู่แล้ว ส่วนนายจ้างผู้ประกอบการนอกระบบประกันสังคมนั้น หากไปขึ้นทะเบียนเพื่อที่จะรับเงินเยียวยา ภาครัฐก็จะอำนวยความสะดวกให้อยู่แล้ว และลูกจ้างนอกระบบประกันสังคม เมื่อนายจ้างขึ้นทะเบียนประกันสังคมจะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,000 บาทเช่นกัน ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามระบบที่มีอยู่
นายเสกสกล ยังมองว่า งบประมาณในส่วนของเงินกู้นั้น รัฐบาลยังจะต้องเตรียมเอาไว้สำหรับการเยียวยาให้กับประชาชนในกลุ่มอื่นอีก รวมถึงยังเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการแพทย์และสาธารณสุข และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ โควิด-19 ด้วย
“นายกฯ ย้ำมาโดยตลอดว่า จะต้องนำงบประมาณมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และต้องคุ้มค่ามากที่สุด และสิ่งสำคัญจะต้องมีความโปร่งใส ดังนั้น น.ส.ศิริกัญญา ไม่ต้องกังวลว่านายกฯจะนำไปใช้อย่างอื่น หรือผิดวัตถุประสงค์ ยืนยันนายกฯ ให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างมาก
“ขณะเดียวกัน ผมก็มองว่า สิ่งที่ น.ส.ศิริกัญญา ควรจะทำในขณะนี้คือลงพื้นที่ไปรับฟังความเห็นของประชาชน และช่วยเหลือประชาชนจะดีกว่ามากังวลในเรื่องการใช้งบประมาณของภาครัฐ เพราะนายกฯ รัฐบาล รู้ดีว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรในการให้ความช่วยเหลือประชาชน”
“การจะอาสามาเป็นผู้แทนของประชาชน ควรเปิดหูเปิดตาฟังข้อมูลให้รอบด้าน ไม่ใช่พอเป็นฝ่ายค้านก็ใช้นิสัยค้านแบบไม่มีเหตุผล และไม่ใช่นิสัยที่ดีของนักการเมือง ที่คอยจับผิดหรือจ้องบิดเบือนใส่ความเป็นเท็จจนทำให้ประชาชนสับสน ถ้าแกนนำก้าวไกลยังไม่ปรับปรุงแนวคิดใหม่ เลือกตั้งสมัยหน้า ผมทายได้เลยว่า ไม่เหลือ ส.ส.แม้แต่คนเดียวในสภาอย่างแน่นอน”