xs
xsm
sm
md
lg

"คดีโรงพักร้าง-สุเทพ" ไม่รู้ว่า "วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์" รู้หรือยัง? ** "สมยศ"ปลดตัวเอง ก่อนปลด"นิชิโนะ" ดีมั้ย? กู้วิกฤตศรัทธาบอลไทยได้ชัวร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**เจ้าข้าเอ๊ย! มีคนคิดใช้วิชามารลากถ่วง เอามือปิดฟ้า "คดีโรงพักร้าง-สุเทพ" ไม่รู้ว่า "วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์" รู้หรือยัง?

คดีที่ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" อดีตแกนนำ กปปส. ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิด สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามอนุมัติจากโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนมูลค่า 5,800 ล้าน แต่ท้ายที่สุดผู้รับเหมาก่อสร้างทิ้งงาน ปล่อยให้เป็น "โรงพักร้าง"ที่เล่าขานเป็นตำนานฉาวโฉ่ในสตช. กันมานับ10 ปี

แว่วว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมป.ป.ช.ได้ลงความเห็นให้ส่งสำนวนคดีที่ใช้เวลานานในการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ หลังจากชี้มูลความผิดไปเมื่อปี'62 หรือสองปีมาแล้วนั้น เสนอให้ "อัยการสูงสุด" รับไม้ต่อไป ส่วนจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง “กำนันสุเทพ” ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของอัยการสูงสุด และหากอัยการจะสั่งไม่ฟ้อง ป.ป.ช.ก็มีสิทธิ์ที่จะฟ้องเองได้ตามกฎหมาย

เรื่องนี้ต้องบอกว่า เกิดขึ้นมาเนิ่นนานมาพอสมควร ต้องเท้าความทบทวนที่มาที่ไปกันสักนิด ทบทวนความจำ ว่า ช่วงปี 2552 สมัยที่ “รองฯสุเทพ” ขณะนั้นเข้ามาดูสตช. ก็มีเรื่องการก่อสร้างสถานีตำรวจ หรือโรงพักทดแทน 396 แห่ง โดยบริษัท พีซีซี ดีเวลล๊อปเมนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะประมูลรับเหมาก่อสร้างรายเดียว

สุเทพ เทือกสุบรรณ
จากการไต่สวนของคณะกรรมการป.ป.ช. ก่อนจะลงมติ 8: 0 ชี้มูลความผิดด้วย พบว่า “สุเทพ” ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ได้สั่งให้เปลี่ยนวิธีการประมูลการจัดสร้างโรงพักทดแทน จากเดิมที่ใช้วิธีแยกประมูลสัญญาเป็นรายภาค มาเป็นรวมศูนย์การประมูลเป็นแห่งเดียวในปี 2552 ทั้งที่เมื่อเสนอเข้า ครม.ไปแล้วถูกทักท้วง จากครม.ขณะนั้น โดยสั่งให้ไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณก่อน แต่ “สุเทพ” ไม่ดำเนินการตามที่ถูกทักท้วง โดยยืนยันจะใช้วิธีการประมูลแบบรวมศูนย์ อ้างว่าเป็นไปตามระเบียบของกรมบัญชีกลาง ที่อนุญาตให้ทำได้

เมื่อดันทุรังจะสร้าง แต่ผู้รับเหมาเจ้าเดียว โดยโครงการก่อสร้างเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนมีนาคม2554 แต่เมื่อใกล้สิ้นสุดสัญญาในปี 2556 การก่อสร้างโรงพักกลับไม่คืบหน้า เมื่อผู้รับเหมาทะยอยทิ้งงาน ...งานก็เลยเข้า! เมื่อโรงพักกลายเป็นโรงพักร้าง

ทั้งหลายทั้งปวง “สุเทพ” ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาเป็นต้นทางจาก ผลงานการแก้ไขสัญญาของเขานั่นเอง กระทั่งนำไปสู่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สมัย "ธาริต เพ็งดิษฐ์" เป็นอธิบดี ดีเอสไอ เข้ามาตรวจสอบ ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการในที่สุด

ระหว่างนั้น “ธาริต” ก็กลายเป็นมวยคูอาฆาตกับ “สุเทพ” ถูกสุเทพฟ้องและกลายเป็นผู้ต้องหาในเวลาต่อมา

วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์
เรียกว่า วันนี้ มหากาพย์โรงพักร้างคดีคืบไปอีกขั้น แต่ขณะที่รอดูกันว่า อัยการสูงสุดจะเห็นด้วยกับ ป.ป.ช.หรือไม่นี้ ปรากฏว่า มีคนตาดีแอบเห็น และได้ยิน ชายสองคนคุยกันในโรงแรมแห่งหนึ่งในกลางกรุง จับประเด็นได้ว่า ฝ่ายแรกพยายามขอให้อีกฝ่ายใช้วิชามาร "ลากถ่วง" คดีออกไป หรือดีที่สุดช่วย "เอามือปิดฟ้า" เป่าให้หายไปในอากาศยิ่งดี!
ส่วนชายสองคนนี้เป็นใคร? ก็ต้องบอกว่า ขออุบไว้ก่อน ใบ้ได้แค่ว่าเปิดหน้ากันออกมาอาจจะมีคนผงะ เพราะคาดไม่ถึง หรือ คนวงในที่พอจะคุ้นเคยกับพฤติกรรมกับสองคนนี้ก็จะบอกว่า ..เอาอีกแล้วหรือ ? เพราะหนึ่งในนี้เป็นตัวละครสำคัญที่มีส่วนช่วย "คดีบอส" กระทิงแดงให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง ตามรายงานการสอบสวนสำนวนคดีที่ อ.วิชา มหาคุณ สรุปนั่นละ
ของพรรค์นี้ปิดกันได้ไม่นานหรอกก็ต้องติดตามกันต่อไป ส่วน ตรงนี้ถือเสียว่า เป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ที่ดังมาเตือน ทำนอง กะจ่องง่องๆ.." เจ้าข้าเอ๊ย"!!!...ขอร้องให้สังคมได้รับรู้จะช่วยกันจับตาดูบทสรุปของโรงพักร้างกันให้ดีๆ
เขาเล่นกันแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่า ท่านอัยการสูงสุด "วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์" รู้หรือยัง ?



** "สมยศ"ปลดตัวเอง ก่อนปลด"นิชิโนะ" ดีมั้ย? กู้วิกฤตศรัทธาบอลไทยได้ชัวร์

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
ว่ากันว่า เวลานี้วงการฟุตบอลไทยกำลังเข้าสู่ยุคมืด มองไม่เห็นอนาคตหลังต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ภายใต้การบริหารจัดการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ของ "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ

โดยเฉพาะล่าสุด “ทัพช้างศึก” ทีมชาติไทย ทำผลงานอย่างย่ำแย่ ในการแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 โซนเอเชีย โดยจบอันดับ “รองบ๊วย” ของตารางการเข่งขัน ไม่ผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งที่เคยทำได้ตลอดในระยะหลัง

ทั้งที่คู่แข่งในกลุ่มเดียวกันล้วนแต่มาจากชาติอาเซียน คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และคู่ปรับในยุคปัจจุบันอย่าง เวียดนาม มีเพียง “ยูเออี” สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เท่านั้นที่มาจากชาติตะวันออกกลาง ถือว่าประตูเปิดกว้างสำหรับไทยที่ถือเป็น “ตัวเต็งแห่งอาเซียน” ในการผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย

ที่หนักกว่านั้นคือทีมชาติไทยย่ำแย่ถึงขนาดพ่ายแพ้ทั้ง 2 นัด ที่พบกับทีม “เสือเหลือง” มาเลเซีย ที่เป็นลูกไล่ผูกปีชนะมาตลอด

เมื่อ “ทัพช้างศึก” คอตกกลับบ้าน “บิ๊กอ๊อด” ก็ประกาศปลดกุนซือชาวญี่ปุ่น “อากิระ นิชิโนะ” พร้อมทีมงานทั้งหมดทันที และเตรียมกลับมาใช้บริการโค้ชชาวไทยเพื่อกู้วิกฤตศรัทธา

“นิชิโนะ” เคยสร้างชื่อจากการนำทีมชาติญี่ปุ่น โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในศึกฟุตบอลโลกหนล่าสุด เมื่อมารับหน้าที่ “เฮดโค้ช” ทีมชาติไทย จึงถูกคาดหวังว่าจะมาเป็นผู้ยกระดับทีมชาติไทย แต่ผลงาน 10 นัดหลังสุด กลับพาทีมเอาชนะคู่แข่งได้แค่นัดเดียวเท่านั้น แถมยังถูกแฟนบอลวิจารณ์เละเทะว่าเล่นบอลแบบ “ไม่มีทรง” ไม่ได้ใจกองเชียร์

การปลด “นิชิโนะ” จะว่าไปแล้วก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ “ปลายเหตุ” เพราะ“ต้นตอ” ปัญหาเกิดจากการบริหารสมาคมฟุตบอลฯ ภายใต้การนำของ “บิ๊กอ๊อด” นายกฯ 2 สมัยคนปัจจุบันนั่นต่างหาก

เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น เป็นบทพิสูจน์แล้วว่า “บิ๊กอ๊อด” ไม่เข้าใจในศาสตร์และศิลป์ ตลอดจนจิตวิญญาณในเกมลูกหนัง

อากิระ นิชิโนะ
“บิ๊กอ๊อด” อาสาเข้ามาสมัครเป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ หลังเกษียณอายุราชการจากตำแหน่ง ผบ.ตร. เมื่อปี 2558 เพื่อหาที่ยืนในสังคมหลังเกษียณ รอจังหวะเข้าสู่ถนนการเมือง โดยมีขาใหญ่ในแวดวงการเมืองและวงการฟุตบอลอย่าง “เนวิน ชิดชอบ” เป็นแบ็กสนับสนุน
เมื่อเข้ามากุมบังเหียนสมาคมฟุตบอลฯแล้ว ก็มีการ “ล้างไพ่” ทีมบริหาร จะเกิดความระหองระแหงกับคนของสมาคมในยุคก่อน... ว่ากันว่ายุค “บิ๊กอ๊อด” ให้ความสำคัญด้าน “ธุรกิจการค้า” จนส่งผลกระทบกับการพัฒนาด้านกีฬา
โดยเฉพาะเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ที่หักกลุ่ม “สยามสปอร์ต” แล้วตกมาเป็นของคนใกล้ชิดกันตนเอง ...เมื่อถึงยุคโควิดระบาด ต้องพักการแข่งขัน ก็มีปัญหากับ “ทรู” แบบจบไม่สวย หรือล่าสุดกับ “เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์” ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำคอนเทนท์กีฬามาก่อน ก็คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลไทย เป็นเวลา 8 ปี ด้วยมูลค่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำสัญญายาวนานขนาดนี้
ในการด้านพัฒนาทีมฟุตบอล จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากว่า “บิ๊กอ๊อด” ให้ความสำคัญกับเฉพาะทีมใหญ่ที่อยู่ในเครือข่ายใกล้ชีด โยไม่เผื่อแผ่ไปถึงทีมเล็ก หรือการพัฒนาสโมสรในระดับล่างเพื่อมาเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติในอนาคต
เมื่อมารวมกับผลงานล่าสุดของ “ทีมช้างศึก” นอกจากจะปลด “นิชิโนะ” แล้ว “บิ๊กอ๊อด” ก็ควรจะพิจารณาตัวเองด้วย ...
ผลงานในฐานะนายกสมาคมฟุตบอลฯ ที่ทำได้แค่นี้ แม้ท่านจะไม่อาย แต่แฟนบอลและประชาชนคนไทยอายครับ !!




กำลังโหลดความคิดเห็น