ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย จี้รัฐบาลเผยแอกชั่นแพลนก่อนเปิดประเทศ บี้เปิดสัญญาซื้อวัคซีนกับแอสตร้าฯเพื่อความโปร่งใส วอนเยียวยาช่วยกลุ่มอาหาร-เครื่องดื่มให้รอดจากวิกฤโควิด ด้าน “สาธิต” แจง “นายกฯ” ประกาศเปิดประเทศเพื่อเรียกขวัญใจคนไทย แนะรอดูแผนที่ชัดเจน ย้ำ คนไทยต้องร่วมมือช่วย รบ.ด้วย แจง รบ.เปิดสัญญาฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะละเอียดอ่อน ยังมั่นใจเอสตร้าฯส่งวัคซีนครบตามกำหนด พร้อมนำข้อเสนอเยียวยากลุ่มเครื่องดื่มเข้า ศบค.
วันนี้ (17 มิ.ย.) นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กระทู้ถามด้วยวาจา กับนายกรัฐมนตรี เรื่องการติดเชื้อโควิด-19 ว่า กรณีที่ผู้นำบริหารผิดพลาดจนเกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพประชาชนและเศรษฐกิจ ควรต้องแสดงความรับผิดชอบ การที่บอกว่ารับผิดชอบเองบ่อยๆ แต่ไม่มีการกระทำอะไรที่ดีๆ ติดตามมา ก็ไม่มีความหมาย และสร้างความเชื่อมั่นอะไร เช่น ประกาศวันที่ 7 มิ.ย.เป็นวาระแห่งชาติ แต่สุดท้ายคนไทยก็ไม่ได้ฉีดวัคซีนเพราะเลื่อนออกไป และเมื่อวานก็ประกาศว่าอีก 120 วัน จะเปิดประเทศ คำถามคืออยากรู้ว่าจะเปิดประเทศอย่างไร มีแอกชั่นแพลนที่ชัดเจนอย่างไร ทั้งจำนวน เวลา และมีมายด์สโตนอย่างไร
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ตอบคำถามว่า การที่นายกฯประกาศกับคนไทยว่า จะกำหนดการเปิดประเทศภายใน 120 วัน เป็นการประกาศให้ชัดเจนว่า 4 เดือนต่อจากนี้ไป รัฐบาลจะดำเนินการทั้งการควบคุมโรค และฉีควัคซีนให้ครอบคลุมจำนวน 70 เปอร์เซ็นต์ ตามแผนการจัดซื้อทั้งวัคซีนต้นทุนหลักและวัคซีนทางเลือก รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขและเครือข่ายควบคู่กันไป
“ที่นายกฯกล้าประกาศเพื่อเป็นขวัญกำลังใจของคนทั้งประเทศ ว่า เราจะเดินหน้าสู่กับโควิดไปด้วยกัน เรื่องโควิด หรือวัคซีนไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของคนไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน การเดินหน้าไปสู่การเปิดประเทศได้มีหลายปัจจัย หรือที่เรียกว่าแอกชั่นแพลน ซึ่งไม่ใช่จะเกิดได้จากฝั่งรัฐบาลฝ่ายเดียว ในแผนทั้งหมดต้องติดตามว่านายกฯจะประกาศอย่างไร อาจจะมีความแตกต่างกันในแต่ละส่วน การจะเปิดประเทศให้ได้ภายในกำหนด บนพื้นฐานของการจัดหาวัคซีนประมาณ 50 ล้านคน หรือประมาณ 100 ล้านโดส และสถานการณ์การติดเชื้อในต่างจังหวัดก็เริ่มดีขึ้น แต่ต้องควบคุมคลัสเตอร์ใน กทม.และปริมณฑล ถ้าควบคุมได้เป้าหมายก็จะสำเร็จ”
นพ.เรวัต ถามต่อว่า รัฐบาลได้ทำสัญญากับ บ.แอสตร้าเซนเนก้า อยากทราบว่ามีเงื่อนไขอย่างไร หากไม่สามารถส่งได้ตามกำหนด และทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อประชาชน อยากทราบว่า เราสามารถทำการปรับ หรือฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้มากน้อยแค่ไหน และเปิดเผยสัญญาให้ประชาชนทราบได้หรือไม่ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส หากเปิดเผยไม่ได้เพราะอะไร
ซึ่ง นายสาธิต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีการทวงถามเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว ซึ่งตอนช่วงเจรจาที่เราเจรจาทำสัญญากับ บ.เอสตร้าเซนเนก้า ยอมรับว่า ยังมีความเสี่ยงในการค้นคว้าวิจัยว่าจะสำเร็จหรือไม่ และสัญญาที่ทำกันมีความละเอียดอ่อนอย่างมาก ทั้งการเจรจา สัญญาเรื่องจำนวน วันเวลาที่ชัดเจน แต่เขาไม่ได้ขายให้ไทยประเทศเดียว การเปิดเผยข้อมูลต่างๆ จึงเป็นความร่วมมือระหว่างเรากับบริษัท ถือเป็นความละเอียดอ่อนที่จะมาพูดตรงนี้ แต่ข้อตกลงหนึ่ง คือ บ.เอสตร้าเซนเนก้าต้องส่งวัคซีนต้นทุนหลักให้เรา 61 ล้านโด้ส โดยในเดือน มิ.ย. ส่ง 6 ล้านโดส จากนั้น เดือนละ 10 ล้านโดส จนถึงเดือน ธ.ค.จึงจะครบจำนวน
“โดยในเดือนนี้ล่าสุดส่งมาเมื่อวาน (16 มิ.ย.) อีก 6 แสนโดส และสัปดาห์หน้าอีก 1 ล้านโด้ส โดยรวมแล้วประมาณ 4 ล้านโดส ดังนั้น ผมจึงยังเชื่อมั่นว่า บ.เอสตร้าเซนเนก้า จะปฏิบัติตามแผนการฉีดวัคซีน ให้คนไทย 61 ล้านโดส ตามที่เคยตกลงกัน ส่วนเรื่องสัญญาผมต้องขออภัยจริงๆ ที่ไม่สามารถตอบท่านได้”
ด้าน นพ.เรวัต กล่าวว่า ตนคงไม่กดดันที่จะต้องมาเปิดสัญญา แต่พอจะทราบหรือไม่ว่าหากการผลิตไม่ต่อเนื่อง และไม่สามารถส่งได้ตามกำหนด เราสามารถฟ้องร้องได้หรือไม่ และตนได้รับการเรียกร้องจากประชาชนบางกลุ่มที่อยากให้รัฐบาลเยียวยาทั้งเรื่องการชำระภาษี ประเภท อาหารและเครื่องดื่ม ด้วยการจ่ายเป็นงวดๆ หรือลดการจัดเก็บบางประเภท หรือออกมาตรการแก้ไขกฎหมายให้ขายแอลกอฮอล์ให้ร้านอาหาร ให้โฆษณา รวมถึงขายออนไลน์ หรือซื้อกลับบ้านได้หรือไม่
นายสาธิต กล่าวว่า ตนต้องขอบคุณ นพ.เรวัต ที่นำเรื่องนี้มาพูดในสภา เพราะต้องยอมรับว่า การเยียวยาของรัฐบาลยังมีบางกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึง ดังนั้ นก็จะมีการนำเข้า ศบค. เพื่อพิจารณาและนำเข้า ครม. เพื่อพิจารณาหามาตรการว่าเยียวยาได้แค่ไหน อย่างไรตามหลักเกณฑ์