นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมการจัดบริการที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ คิกออฟการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมกันทั่วประเทศ ตามแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทยที่เริ่มเดือนมิถุนายน รวม 6 ล้านโดส ตามแผนที่ ศบค.กำหนด
วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่สถานีกลางบางซื่อ กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ โดยนายกรัฐมนตรีได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังศูนย์บริการวัคซีนในภูมิภาค 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี นครราชสีมา และภูเก็ต พร้อมทั้งเป็นประธานและสักขีพยาน ในโอกาสกระทรวงคมนาคมมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อสนับสนุนภารกิจวาระการฉีดวัคซีนแห่งชาติให้กับกระทรวงสาธารณสุข
นายอนุทิน กล่าวว่า ในวันนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มาเยี่ยมชมการจัดบริการที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคม ร่วมกันจัดหน่วยบริการหลักในการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นการคิกออฟการฉีดวัคซีนโควิด 19 พร้อมกันทั่วประเทศ ตามแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทยที่เริ่มเดือนมิถุนายน ที่มุ่งหวังให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี “คนไทยทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยที่สมัครใจ ต้องได้รับวัคซีนโควิดทุกคนโดยไม่คิดมูลค่า” เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้กลับมาใช้ชีวิตปกติโดยเร็ว เตรียมความพร้อมเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว เพื่อช่วยฟื้นคืนเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยต่อไป
รวมทั้งนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวว่า การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ที่ประชาชนกังวลนั้น รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเจรจาจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพื่อนำมาฉีดให้กับประชาชนทุกคนที่สมัครใจ มีเป้าหมายจัดหาวัคซีนจำนวน 150 ล้านโดส แบ่งเป็น 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 เพื่อหยุดยั้งการระบาดให้ได้โดยเร็วและเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ประชาชนที่อยู่ในประเทศต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อยร้อยละ 70 และจะจัดหาเพิ่มเติมอีก 50 ล้านโดส ให้ได้ภายในต้นปี 2565 ในส่วนนี้ ยังไม่รวมถึงวัคซีนทางเลือกอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มเติมเข้ามาเป็นตัวเลือกให้กับประชาชนในอนาคต
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้เพิ่มช่องทางการเข้ารับบริการให้หลากหลาย อำนวยความสะดวกประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนให้มีความสะดวกมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการนัดหมายผ่านสถานพยาบาล / อสม./ องค์กร รวมทั้งการลงทะเบียน ณ จุดฉีดวัคซีน (On-site Registration) เช่นที่ สถานีกลางบางซื่อ กรุงเทพฯ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ระบาดและทดสอบระบบของแต่ละจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงปัจจุบัน ฉีดวัคซีนทั้งเข็มที่ 1 และครบ 2 เข็มไปแล้วมากกว่า 4 ล้านโดส สำหรับในเดือนมิถุนายนนี้ มีวัคซีนทั้งแอสตร้าเซนเนก้า และ ซิโนแวค แล้ว 3.54 ล้านโดส และจะมีวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่ทยอยส่งมอบในสัปดาห์ที่ 3 และ 4 อีก 3.42 ล้านโดส กระจายไปทุกจังหวัดต่อเนื่องทุกสัปดาห์ รวมเดือนมิถุนายนจะมีวัคซีน 6 ล้านโดสตามแผนที่ ศบค.กำหนด ทำให้ตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนจนถึงเดือนมิถุนายนจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ประมาณ 10 ล้านโดส
ทั้งนี้ ทุกจังหวัดได้เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนตามขั้นตอนมาตรฐาน มีจุดฉีดวัคซีนในจังหวัดต่างๆ มี 993 จุด, กทม.อย่างน้อย 25 จุด สำนักงานประกันสังคม 25 จุด มหาวิทยาลัยอย่างน้อย 11 จุด และจุดฉีดกลาง 10 แห่ง เช่น สถานีกลางบางซื่อ สถาบันราชานุกูล โรงพยาบาลศรีธัญญา ศูนย์การแพทย์บางรัก เป็นต้น โดยจะบันทึกผลการรับวัคซีนเชื่อมโยงเข้าระบบฐานข้อมูลวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข และหมอพร้อม ติดตามอาการหลังการฉีด และออกเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนครบถ้วน