xs
xsm
sm
md
lg

ดรามา “เลื่อนฉีดวัคซีน” ต้องโทษลุง “Single Command” ไม่พูดความจริงสักที ! ** เรื่องของคนบ้าแสง-โหนแสง “อุ๊บ วิริยะ” ไม่เข็ด ไม่จำ โดนแซะจนต้องเบรกโปรเจกต์จับแม่น้องชมพู่ แปลงโฉมใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รศ.พญ.เยาวนุช คงด่าน - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - วิริยะ พงษ์อาจหาญ - แม่น้องชมพู่
ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ดรามา “เลื่อนฉีดวัคซีน” ต้องโทษลุง “Single Command” ไม่พูดความจริงสักที! กรณี “รพ.เอกชน” ไฝว้ สธ.- กทม. ก็ยันไม่มีหน้าที่จัดสรร สุดท้ายคำตอบวนกลับไปที่เดิม ..ทำตาม ศบค.สั่ง!!

กลายเป็นปมที่โยนกันไปมาหาคำตอบกันไม่ได้ วนเป็นงูกินหาง กรณีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งใน กทม. ออกมาประกาศเลื่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนผ่านระบบ “หมอพร้อม” ในรอบวันที่ 14-20 มิถุนายนนั้น ต้นสายปลายเหตุเกิดจากตรงจุดไหนกันแน่

เรื่องนี้เป็นดรามาหนักขึ้นมา เริ่มมาจากเพจของโรงพยาบาลนมะรักษ์ หนึ่งใน รพ.เอกชน ที่ประกาศเลื่อนฉีดวัคซีน โดยระบุเหตุผลว่า สำนักอนามัยกรุงเทพฯไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุข โดยที่เป็นหัวข้อ “เมาต์” กันในโลกออนไลน์ว่า “ช่างกล้า” ก็คือ ข้อความตอนท้ายที่ รพ.แห่งนี้ประกาศว่า “หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อ “รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข” เพื่อสอบถามสาเหตุถึงความไม่พร้อมของวัคซีน

ต่อมา “รศ.พญ.เยาวนุช คงด่าน” ผู้ร่วมก่อตั้งโรงพยาบาลนมะรักษ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Youwanush Kongdan ระบุใจความว่า อารมณ์เสียหลังโดนโทร. ปลุกแต่เช้า จากโพสต์ของโรงพยาบาลเรื่องการเลื่อนนัดฉีดวัคซีน มีคนแจ้งให้ติดต่อกลับด่วน และลบโพสต์ มิฉะนั้น จะ... มองว่า คือเรื่องไม่เป็นเรื่อง เอาเวลาไปทำงานให้ประชาชนดีกว่า หรือถ้ายังไม่จบเธอก็เตรียมจะไลฟ์ชี้แจงความจริงต่อไป

จากนั้น “รศ.พญ.เยาวนุช” จึงไลฟ์เบื้องหลังโพสต์ที่กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ในโลกออนไลน์เข้าไปอีกว่า การโพสต์ของโรงพยาบาลนมะรักษ์ ตัวเองเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ทุกเรื่องมีที่มาที่ไป เรื่องวัคซีนทุกคนอยากจะได้รับ แต่ของมีจำนวนจำกัด หลายฝ่ายจึงอยากให้เรื่องนี้รัฐออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเป็นเรื่องยากที่โรงพยาบาลจะโทร. ไปเลื่อนเองกับคนจองวัคซีน ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งคนที่เข้าใจและคนที่ไม่พอใจ

ทุกคนต้องการข้อเท็จจริงว่า ตกลงวัคซีนมีเท่าไหร่ ใช้เกณฑ์จัดสรรไปแต่ละพื้นที่จำนวนเท่าไหร่ ทำไมโรงพยาบาลถึงไม่ได้รับวัคซีน แล้วจะได้รับเท่าไหร่ เพื่อจะไปชี้แจงกับประชาชน

ถ้า สธ.ไม่เกี่ยวเรื่องการจัดสรรวัคซีน แต่เป็น ศบค. ก็ขอให้ออกมาชี้แจง ขอวิงวอนว่าขอรัฐบาลให้ข้อเท็จจริงวัคซีนจะมีหรือไม่มี จะมาเมื่อไหร่ หากพูดความจริง ประชาชนเข้าใจได้

เรื่องนี้ “นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์” อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงตามมาว่า กรมควบคุมโรค กระจายวัคซีนตามคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) หลังจากนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือกรุงเทพมหานคร เป็นผู้บริหารจำนวนวัคซีน

ส่วนที่โรงพยาบาลในพื้นที่ กทม. เลื่อนฉีด เพราะไม่ได้รับวัคซีนจะต้องไปสอบถามข้อมูลจากสำนักอนามัยกรุงเทพฯ ว่า จัดสรรไปในแต่ละแห่งอย่างไรบ้าง

ย้ำว่า การกระจายวัคซีนออกไปเป็นไปตามคำสั่งของ ศบค. ที่ได้เห็นชอบ

ขณะที่ กรุงเทพมหานคร ที่ถูกพาดพิงก็ไม่นิ่งเฉย ใช้สิทธิพาดพิงโดยสำนักงานประชาสัมพันธ์แจงสี่เบี้ย งัดตัวเลขต่างๆ มาโชว์ ที่ สธ.แจ้งว่าได้ให้วัคซีน กทม. มาแล้ว 1 ล้านโดส ตามแผนเดือน มิ.ย. 64 นั้น กทม.ก็จัดไปทั้ง AstraZeneca และ Sinovac นั่นละ

เอาเป็นว่า งานนี้ กทม.ก็ตีกรรเชียงหนี ยีนยันหัวชนฝาว่า ไม่ใช่ผู้ควบคุมและผู้ที่จัดสรรวัคซีนเช่นกัน

ระหว่างที่ รพ.เอกชน-สธ. และกทม.ถกเถียงกัน “ชมรมแพทย์ชนบท” ก็ได้โพสต์ในหัวข้อ “ลับลวงพราง วัคซีนโควิด : โกลาหลวัคซีนกรุงเทพฯไม่พอ คนรับผิดชอบไม่ใช่ สธ.นะ

โดยว่า การจัดสรรวัคซีนในขณะนี้ เป็นหน้าที่ ศบค.คือ “นายกฯ ประยุทธ์ และเลขาฯ สมช.” มานานแล้ว ตั้งแต่ที่นายกฯ แต่งตั้งตัวเองเป็นประธาน ศบค.

ดังนั้น การตัดสินใจสุดท้ายว่าจะจัดสรรอย่างไร จะจัดแบ่งโควตากันอย่างไร สธ.ไม่ใช่คนตัดสินใจ เมื่อ ศบค.ตัดสินใจแล้วก็สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข ให้จัดส่งวัคซีนกระจายต่อไปโรงพยาบาลต่างๆ ตามโผ

ในส่วนของ กทม.คนที่จัดสรรโควตาให้ กทม. ก็คือ ศบค.อีกเช่นกัน สธ.ยิ่งไม่เกี่ยว เป็นเรื่องภายในของ ศบค. และ กทม. รวมถึงโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลเอกชนต่างๆ ที่ตั้งใน กทม. ต้องหารือกันเองว่าจะกระจายอย่างไร และตามยอดจัดสรรรอบที่แล้ว ศบค. มีมติจัดวัคซีนเดือนมิถุนายนให้ กทม. 1 ล้านโดส ซึ่ง สธ.ก็ส่งให้ 5 แสนโดส ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว จึงได้ฉีดกันอย่างกว้างขวาง มีความสุขในพื้นที่กรุงเทพฯ (ซึ่งปัจจุบันคงฉีดจนใกล้จะหมดแล้ว ส่วนอีก 5 แสนโดส ยังต้องรอเพราะยังไม่มีวัคซีนจะให้)

อันนี้จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับ “รมต.อนุทิน” ด้วย เพราะ “นายกฯ ประยุทธ์” ได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่งตั้งตัวเองเป็นผู้บัญชาการ ควบคุมโควิดใน กทม.ไปแล้ว ดังนั้น ความโกลาหลจากการขาดแคลนวัคซีนในกรุงเทพฯ หรือการกระจายวัคซีนในกรุงเทพฯ ที่ไม่ตรงกลุ่มที่ควรจะได้ เช่น “ไทยร่วมใจ” มาแรงแซงคิวผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังนั้น ก็ต้องไปวิพากษ์ให้ถูกคน นั่นคือ วิพากษ์ “นายกฯ ประยุทธ์” นั่นเอง ไม่ใช่ความรับผิดชอบของ “รมต.อนุทิน”

สรุปว่า เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ “การบริหารจัดการ” ที่คลุมเครือของรัฐบาล กรณีการจัดสรรวัคซีนเป็นเรื่องของ ศบค. ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” สั่งการแบบ “Single Command” กลัดกระดุมผิดมาตั้งแต่เม็ดแรก และไม่พูดข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรสักที จึงทำให้เกิดเป็นปัญหา และดรามาถกเถียงกันไม่จบ...แบบนี้

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้



**เรื่องของคนบ้าแสง-โหนแสง “อุ๊บ วิริยะ” ไม่เข็ด ไม่จำ โดนแซะจนต้องเบรกโปรเจกต์จับแม่น้องชมพู่ แปลงโฉมใหม่

หลัง “อุ๊บ วิริยะ” วิริยะ พงษ์อาจหาญ นักปั้นดารา ได้โพสต์ภาพแปลงโฉม “แม่น้องชมพู่” พร้อมแคปชันว่า คุยกับ #แม่สา แล้ว..จะจับคุณพ่อคุณแม่แปลงโฉมเป็นสาวสวย หนุ่มหล่อ..ในเร็วๆ นี้ (รอให้อะไรๆ มันดีขึ้นก่อน..อย่าเพิ่งดรามานะบางคน ยังไม่ตอนนี้ครับ) ไม่ได้คิดจะปั้นพ่อแม่น้องชมพู่ให้เป็นดาราหรอกครับ แต่มันเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา ที่พวกเขาทั้งสอง จะได้มีรูปสวยๆ หล่อๆ ติดโชว์ที่บ้าน

และงานนี้ มีค่าตัวให้คนละ 1 หมื่นบาท อย่างน้อยๆ พวกเขาก็จะมีรายได้มาเสริม เป็นการทำงานจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง มันภูมิใจมากกว่าที่ไม่ได้แบมือขอใครด้วยครับ #พี่อุ๊บก็แค่อยากจะช่วยให้พวกเขามีรายได้กันครับ # และงานในวงการก็เป็นงานสวยๆ งามๆ ที่พี่อุ๊บถนัดครับ #และชีวิตทุกคนต้องอยู่ต่อเพื่อความอยู่รอดและปากท้องครับ #แฟนคลับว่าไงกันบ้างครับ

แต่พอข้ามวัน เห็นว่า “อุ๊บ วิริยะ” ต้องโพสต์รอบ เล่าว่า ขอเบรกโปรเจกต์ ด้วยกระแสไม่เป็นอย่างที่คิด แถมพ่อแม่น่องชมพู่ ไม่ค่อยสบายใจ ทักมาบอกว่า ขอระงับโครงการนี้ก่อน

แม้ว่า “อุ๊บ วิริยะ” ที่ก่อนนี้โหนกระแสข้างฝ่าย “ลุงพล” ไชย์พล วิภา จะออกตัวว่ากรณีมาจับพ่อแม่น้องชมพู่แปลงโฉม ขออย่าดรามา แต่เรื่องนี้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันขรม ถึงความบ้าแสง โหนแสง ไม่รู้จักเข็ดของนักปั้นดาราคนนี้ ที่ไม่รู้จักความเหมาะสม น่าจะปล่อยให้ตัวละครบ้านกกกอก อยู่ตามวิถีชีวิตของเขาน่ะดีอยู่แล้ว

อีกอย่าง สังคมวันนี้ก็เบื่อหน่ายกับคนบ้าแสงทั้งหลายที่เข้ามากระพือ “ซีรีส์บ้านกกกอก” อย่างเกาะติดจนกลายเป็น “ความบ้าบอ” ของสังคมที่นิยมดรามามากกว่าความเป็นจริง

โดนแซะครั้งนี้ ก็ได้แต่หวังว่า “อุ๊บ วิริยะ” จะได้คิด อย่าหาทำในเรื่องที่สังคม หรือแม้แต่แม่น้องชมพู่ไม่เอาด้วยเลย คนเขารู้ทัน มีสติกันแล้ว ไหนๆ ก็ยอมรับเองว่า ครั้งหนึ่งเคยทำผิดพลาดมาแล้ว ทำให้สองผัวเมียคู่นั้นเด่นดัง

ถึงเวลาที่คดีนี้ควรจะปล่อยให้ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรมเสียที พอกันทีเถอะ คนบ้าหิวแสงทั้งหลาย!!




กำลังโหลดความคิดเห็น