“อนุทิน” จวก “มาดามเดียร์” ใช้ข้อมูลตัดแปะ ไร้ความจริง บอกต้องมีการทำการบ้านก่อน ไม่ใช่เห็นไมค์แล้ววิ่งเข้าใส่ ย้ำความสัมพันธ์พรรคร่วมระดับผู้ใหญ่หวานแหว๋วกันดี บอก “บิ๊กป้อม” โทร.มาผิด สงสัยคิดถึง ยันโหวตผ่านร่าง พ.ร.ก. กู้เงิน
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายการใช้งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข ในระหว่างการพิจารณา พ.ร.ก. กู้เงิน 5 แสนล้าน ว่า เป็นข้อมูลตัดแปะ ไม่มีความจริง โดยรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติได้ออกมาชี้แจงแล้ว ดังนั้น ใครอภิปรายจะต้องมีการทำการบ้านก่อน ไม่ใช่เห็นไมค์แล้ววิ่งเข้าใส่
เมื่อถามว่า เหมือนความขัดแย้งกับพรรคภูมิใจไทยยังไม่จบ เพราะมีการพุ่งเป้าไปที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเราจบมาตลอด เมื่อมีคนไข้เข้ามาเราก็รักษาจนหาย เคสบายเคส ไม่ต่อความยาวสาวความยืด เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประชาชน
“ไม่มีอะไร ผู้ใหญ่เขาหวานแหววกันจะตาย เมื่อวาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โทรศัพท์มาผิดมิสคอล แล้วผมโทรกลับไป ท่านก็บอกว่าโทรผิด สงสัยคงคิดถึง” นายอนุทิน กล่าว
ส่วนการกระทบกระทั่งกันระหว่าง ส.ส.นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนลิ้นกับฟัน
เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้ ส.ส.ดาวฤกษ์ พ้นโทษแบน 3 เดือน ส่วนตัวพอใจแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเป็นคนละพรรคกัน ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำอีกว่าไม่ได้ติดใจในกรณีนี้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ใส่ใจมากกว่า เป็นเรื่องของผู้บริหารที่เขาจะไปดำเนินการเอง
เมื่อถามถึงประเด็นปัญหาการอภิปราย พ.ร.ก. กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ส.ส. ภูมิใจไทย ยังอภิปรายโจมตีรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นการอภิปรายเพื่อวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ อย่าว่าแต่ ส.ส.ภูมิใจไทย ส.ส.ทุกพรรคไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ถ้าอภิปรายเกี่ยวกับการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์เป็นสาระ ตนพร้อมรับฟังและพร้อมจะนำมาสานต่อ ซึ่งสิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ เพราะทุกคนต้องหวังดีต่อบ้านเมือง ต่อให้ไม่หวังดีซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ เป็นรัฐบาลต้องโหลดผ่าน พ.ร.ก.แน่นอน อภิปรายอย่างราชสีห์โหวตอย่างหนู
ราชสีห์กับหนูอยู่มากกว่า 1,000 ปี ไม่เช่นนั้น คงไม่อยู่ในนิทานอีสป เพราะมีความสำคัญทั้งคู่ ขาดกันไม่ได้” นายอนุทิน