เมืองไทย 360 องศา
หากพิจารณากันโดยภาพรวมๆ แล้ว สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่เริ่มคิกออฟพร้อมกันไปทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน เป็นวันแรกที่ผ่านมา ถือว่า โอเค ไม่มีความสับสนวุ่นวายปรากฏออกมาให้เห็น อาจมีบ้างเล็กๆ น้อยๆ ที่มีปัญหารายชื่อตกหล่น ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อมองจากภาพใหญ่แล้ว ถือว่าผ่านไปได้ ทุกจังหวัดสามารถเริ่มฉีดวัคซีนได้ตามกำหนดพร้อมๆ กัน
แม้ว่าเมื่อมีการหารเฉลี่ยจำนวนวัคซีนที่ได้รับในแต่ละจังหวัดอาจจะไม่มากนัก อย่างน้อยก็ต้องเริ่มที่จำนวน 3,600 โดสทุกจังหวัด ขณะที่นอกเหนือจากนั้นก็มีเงื่อนไขอื่นประกอบ เช่น จำนวนประชากร และพื้นที่การระบาด อะไรแบบนี้ แต่ก็จะมีการทยอยส่งวัคซีนไปทุกสัปดาห์ แต่เท่าที่ได้รับทราบคล้ายๆ กันในหลายจังหวัดจะออกมาในลักษณะตรงกัน คือ การฉีดวัคซีนล็อตแรก ตั้งแต่วันที่ 7-12 มิถุนายน หลังจากนั้น ค่อยมาลุ้นกันอีกที จะได้ฉีดกันต่อเนื่องหรือไม่ เพราะยังไม่มีจังหวัดไหน หรือโรงพยาบาลไหนกล้ายืนยันว่าจะมีการฉีดต่อเนื่องไปตลอดทั้งเดือน มีแต่ประเภทให้ “รอฟัง” ว่าจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งว่าจะเป็นวันไหน
หากมองในแง่ดี ก็น่าจะเป็นเพราะยังไม่ทราบจำนวนวัคซีนที่จะได้รับจำนวนเท่าใดแน่ เพราะทางปฏิบัติท่ามกลางสถานการณ์วัคซีนมีจำกัดและทุกประเทศต่าง “แย่งวัคซีน” ถือว่ายังไม่มีใครที่จะการันตีร้อยเปอร์เซ็นต์ได้รับจำนวนเท่าไหร่ ดังนั้น จึงต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้ก่อน
แต่ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากภาพรวมจากการบริหารจัดการในการบริหารการฉีดวัคซีนในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ ถือว่าทำได้ดี ไม่วุ่นวาย และที่สำคัญ ยังไม่ค่อยเห็นความผิดพลาดจากการนัดหมายการฉีดวัคซีน และจากการเปิดเผยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เปิดเผยตัวเลขจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาไปแล้วกว่าสี่ล้านโดส และ ล่าสุด ในวันที่ 7 มิถุนายน มีวัคซีนล็อตแรกพร้อมฉีดแล้ว 3.54 ล้านโดส แยกเป็นวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้า 2.04 ล้านโดส และ ซิโนแวค 1.5 ล้านโดส ขณะเดียวกัน มีเป้าหมายในการจัดหาวัคซีนมาเพิ่มให้ครบ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยระหว่างลงพื้นตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตน มาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ว่า จะเร่งฉัดวัคซีนให้กับประชาชนตามความเหมาะสม รวมทั้งพื้นที่ที่เกิดคลัสเตอร์ หรือบุคลากรที่จำเป็น เช่น ครู และอาชีพอื่นๆ การจัดหาวัคซีนทั้งซิโนแวค และ แอสตร้าเซนเนก้า ก็จะพยายามให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
ขณะเดียวกัน ก็ได้ลงนามกับ บริษัท Johnson&Johnson เพื่อนำวัคซีนมาเพิ่มเติม 25 ล้านโดส และจะจัดหาวัคซีนซิโนแวคเข้ามาเพิ่มเติมอีก 8 ล้านโดส เพื่อให้ได้วัคซีนครบตามจำนวน 100 ล้านโดส ซึ่งเป็นรายละเอียดที่จะต้องตกลงกับบริษัทผู้ผลิต ว่าจะส่งมอบได้จำนวนเท่าไหร่และช่วงไหน
นายกรัฐมนตรี เผยอีกว่า รัฐบาลจะกระจายวัคซีนไปยังทุกพื้นที่ พิจารณาจากข้อมูล สถานการณ์ความจำเป็นและปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ในแต่ละเดือน ทั้งนี้ มั่นใจในประสิทธิภาพของจุดให้บริการฉีดวัคซีน ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งบางแห่งสามารถฉีดให้ประชาชนได้นับ 10,000 โดสต่อวัน
เอาเป็นว่า สำหรับวัคซีนที่ดรามามาหลายวัน ที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามทุกทางทั้งด้อยค่าวัคซีนจีน และพยายามโจมตีกระทบชิ่ง “สถาบันฯ” จากการผลิตของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ที่รับจ้างผลิตวัคซีนยี่ห้อแอสตร้าเซนเนก้า แต่เมื่อทุกอย่างสามารถผ่านด่าน ทั้งคุณภาพและการรับรองจากองค์การอนามัยโลก และล่าสุด ก็มีการส่งมอบและนำไปสู่การดีเดย์ฉีดตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน เป็นต้นไป ซึ่งวันแรกตามรายงานโดยรวมถือว่าเรียบร้อย เสียงโจมตีเรื่องวัคซีนก็ค่อยลดลง และหันไปโจมตีเรื่องอื่น
ซึ่งหากจับตาก็ต้องมองไปที่ร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน จำนวน 5 แสนล้านบาท ที่กำหนดเข้าพิจารณาในสภาฯวันที่ 9 มิถุนายนนี้ หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา สภาฯก็รับหลักการร่างกฎหมายงบประมาณปี 65 ไปแล้ว โดยตามธรรมเนียมก็รับรู้อยู่แล้วว่าร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายการเงินมีความสำคัญในการชี้อนาคตของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล เพราะหากถูกคว่ำ นั่นก็หมายความว่า นายกรัฐมนตรีมีอยู่ สองทางเลือกเท่านั้นคือ ไม่ลาออกก็ต้องยุบสภา
แม้ว่าพิจารณากันตามสถานการณ์และความเคลื่อนไหวที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ยังไม่เห็นความเป็นไปได้ที่จะไม่ผ่านสภาฯ แม้ว่าในระหว่างการพิจารณาที่กำหนดเอาไว้เพียง 1 วัน เนื่องจากเชื่อว่ายังไม่ใครอยากเลือกตั้ง และที่สำคัญพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นตัวแปร ยังไม่อยากเปลี่ยนแปลงในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นการ “เปลี่ยนขั้ว” หรือ “เลือกตั้งใหม่” ทุกอย่างไม่อยากเสี่ยง
ดังนั้น แม้หากพิจารณาโฟกัสไปเฉพาะร่างกฎหมายการเงินน่าจะผ่านไปได้ไม่ยาก แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องทนกับคำด่าจน “หูแฉะ” ตลอดทั้งวันของพวกฝ่ายค้าน หรือแม้แต่จากพรรคร่วมรัฐบาลบางคนที่สวมบทเป็นนักแสดง แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ !!