วันนี้(3 มิ.ย.)นายธวเดช ภาจิตรภิรมย์ หัวหน้าพรรคแนวทางใหม่ กล่าวว่า การรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 สะท้อน วิสัยทัศน์รัฐบาลทั้งคณะที่ไม่มองประชาชนอยู่ในสมการเลย เชื่อว่า ตลอด 3 วันที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนที่ติดตามการอภิปรายน่าจะเห็นตรงกันว่า ร่างงบปี 65 ไม่ควรผ่านเพราะมองไม่เห็นความจริงใจในการจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตโรคระบาดในประเทศไทยที่คู่มากับเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจ
“ยกตัวอย่างง่ายๆ ปีที่ผ่านมากรมควบคุมโรคได้รับการจัดสรรงบ 4 พันล้านบาท แต่ปีนี้เหลือเพียง 3.5 พันล้านบาท ทั้งที่เป็นกรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ ภารกิจเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ที่สำคัญคือทางกรมควบคุมโรคได้เสนองบประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดซื้อวัคซีน 70 ล้านโดส มาฉีดให้ประชาชนทั้งประเทศ แต่กลับถูกตัดออก เพื่อให้ไปใช้งบกลางหรืองบเงินกู้ การวางงบประมาณแบบนี้คือการมองไม่เห็นและทำร้ายประชาชนให้ต้องรอคอยและมีความเสี่ยงกับโรคระบาดโดยไม่รู้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อกันตาย กันแพร่เชื้อ เมื่อไหร่ เพราะการได้ฉีดวัคซีนจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่นั้นจะทำให้เปิดประเทศได้ ทำมาค้าขายได้ เศรษฐกิจของประชาชนก็จะกลับมามีความหวังได้อีกครั้ง”
นายธวเดช กล่าวต่อไปว่า ในฐานะประชาชนที่ติดตามการอภิปรายมาตลอด คาดหวังว่าการจัดสรรงบประมาณปี 65 จะเป็นไปตามสถานการณ์ของประเทศ ซึ่งปีนี้ประเทศไทยยังคงเผชิญกับมหาวิกฤตโควิด สิ่งที่คิดไว้คือการทุ่มสรรพกำลังลงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลเรื่องโควิด หนีไม่พ้นกระทรวงหลัก นั่นก็คือ กระทรวงสาธารณสุข แต่งงเหลือเกินที่ดูเหมือนนายกรัฐมนตรีจะเห็นตรงข้ามกับประชาชนเพราะตัวเลขที่เห็นไม่เป็นเช่นนั้น งบกระทรวงสาธารณสุขถูกตัดงบไปกว่า 4 พันล้านบาท ค่าตอบแทน อสม. สำนักงบประมาณก็โอนมาให้ไม่ครบ และงบบัตรทองที่เอาไว้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก็ถูกตัดลงอีก ทั้งที่จะมีคนตกงานอีกจำนวนมากที่ต้องมาพึ่งกองทุนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลครั้งนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลจัดสรรงบไม่ตอบโจทย์วิกฤติที่เกิดขึ้น ทั้งด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ อีกประการหนึ่งก็คือ ครั้งนี้เป็นการจัดสรรงบโดยไม่สนใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชนเลย
“รู้ไหมว่าประชาชนทั้งประเทศต่างลุ้น ต่างรอว่าจะมีการปรับลดงบกระทรวงกลาโหม งบซื้ออาวุธ ยกเลิกซื้อเรือดำน้ำ แล้วเอาไปเพิ่มให้กระทรวงสาธารณสุขเพื่อควบคุมโควิดรวมถึงเพิ่มงบเยียวยาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการสั่งปิดของรัฐ มีการจัดสรรวัคซีนให้พี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว แต่กลายเป็นกระทรวงกลาโหมยังคงได้งบมากถถึง 2.3 แสนล้านบาท มากกว่ากระทรวงสาธารณสุขเกือบ 5 หมื่นล้านบาท นี่คือสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ว่ารัฐบาลไม่มีทางจะฟื้นฟูประเทศได้ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน”
นายธวเดช กล่าต่อไปว่า ความจริงไม่อยากพูดว่าให้พี่น้องประชาชนอดทนต่อไป เพราะประชาชนอดทนมากนานกว่า 7 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเรายังคงต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป ก็ขอให้ทุกท่านอย่าหมดหวัง ตนในฐานะที่อาสาเข้ามาเป็นตัวแทนของทุกท่านจ ะพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวแทนประชาชนที่แท้จริงต้องทำหน้าที่อย่างไร ขอให้ทุกท่านเชื่อในแนวทางใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากนี้ต่อไป