นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณ ปี 2565 มีเรื่องที่ไม่อาจยอมรับให้ผ่านได้ ใน 4 ประเด็น คือ หนึ่ง จัดลำดับความสำคัญของงบประมาณไม่ตรงกับปัญหา ไม่ตรงเป้า ไม่ลดความรุนแรงของปัญหาและไม่บรรเทาความเดือดร้อน เพราะรัฐบาลจัดสรรงบให้กับกระทรวงกลาโหมมากที่สุดใน ระดับท็อปไฟว์ และมีวงเงินงบประมาณมากกว่ากระทรวงสาธารณสุข ถึง 5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ พบว่าการจัดสรรงบประมาณผูกพันปี 2565-2568 ของ 3 เหล่าทัพ ที่เกี่ยวกับการซื้ออาวุธ รวมถึงเกือบ 9 หมื่นล้านบาท ขณะที่กระทรวงมหาดไทยมีการตั้งงบประมาณเพื่อสร้างบ้านพักหลังใหม่ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชการในสังกัด กว่า 217 ล้านบาท ขณะที่มีประชาชนจำนวนมากที่ไม่มีที่อยู่ และตกงาน นอกจากนั้น ยังพบว่ามีงบก่อสร้างและตกแต่งศูนย์ราชการ และศาลากลางจังหวัด 12 แห่ง รวม 614 ล้านบาท มีค่าก่อสร้างปรับปรุงที่ว่าการอำเภอที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน อีกกว่า 1 พันล้านบาท และงบเพื่อเช่ารถประจำตำแหน่ง กว่า 106 ล้านบาท
สอง งบประมาณไม่คำนึงความทุกข์ของประชาชน เพราะพบว่างบของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ถูกปรับลดหลายรายการ อาทิ งบสวัสดิการผู้สูงอายุ ถูกลด 5 หมื่นล้านบาท งบสำนักงานประกันสังคม ถูกลด 30%
สาม งบประมาณขาดการวางแผน ขาดวิสัยทัศน์ และเตรียมตัวให้ประเทศออกจากวิกฤต โดยไม่พบการจัดงบเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล การฟื้นฟูกลุ่มเอสเอ็มอี ทั้งนี้ ยังพบว่างบเพื่อสนับสนุนกลุ่มเอสเอ็มอี บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม และธนาคารเอสเอ็มอี ถูกหั่น
สี่ แผนงบประมาณไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น และทำให้เห็นว่าเป็นการบริหารจัดการที่ไม่เป็นมืออาชีพ เพราะจัดงบแบบชนเพดานทุกมิติ
ผู้นำฝ่ายค้านอภิปรายเพิ่มเติมว่า การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้มีคนตกงาน และมีอัตราการว่างงานที่น่ากังวล คนไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงสุดในประวัติศาสตร์ชาติ และยังทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหายกว่า 1 ล้านล้านบาท รวมถึงเศรษฐกิจไทยยมีแนวโน้มดิ่งลงไม่รู้จุดหมาย ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นพิสูจน์ให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ มือไม่ถึง บริการจัดการไม่ได้ การจัดสรรงบประมาณที่ไม่มียุทธศาสตร์ ทำให้จีดีพีของประเทศตกต่ำ จัดเก็บไม่ตรงตามเป้าอย่างรุนแรง
