สวนดุสิตโพลสำรวจสภาพจิตใจคนไทยยุคโควิด ส่วนใหญ่เครียดวิตกมากที่สุด เหตุเพราะการแพร่ระบาดรุนแรง ดูแลจิตใจด้วยการใช้ชีวิตอย่างระวัง แนะเร่งฉีดวัคซีนโดยเร็ว ส่วนมากคงพยายามแก้ปัญหาเพื่อให้อยู่ได้
วันนี้ (30 พ.ค.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี “สภาพจิตใจของคนไทยในยุค โควิด-19” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,713 คน สำรวจวันที่ 24-27 พฤษภาคม 2564 พบว่าประชาชนรู้สึกเครียดและวิตกกังวลมากที่สุดร้อยละ 75.35 รองลงมาคือรู้สึกแย่ สิ้นหวัง ร้อยละ 72.95 สิ่งที่ทำให้สภาพจิตใจแย่ลง คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงมากขึ้นร้อยละ 88.33 สภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ทำมาหากินลำบาก ร้อยละ 74.53 วิธีการดูแลสภาพจิตใจ คือ การใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง มีสติ ร้อยละ 91.03 ศึกษาวิธีป้องกันดูแลด้วยตัวเอง ร้อยละ 60.82 สิ่งที่อยากให้รัฐบาล/หน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชนเข้ามาช่วยมากที่สุด คือ เร่งการฉีดวัคซีนโดยเร็ว ร้อยละ 74.96% เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ร้อยละ 60.52 จากปัญหาที่เกิดขึ้นโดยภาพรวมประชาชนพยายามอดทน แก้ปัญหาเพื่อให้อยู่ได้ร้อยละ 41.97
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยจากผลโพลที่สำคัญพบว่า ประชาชนรู้สึก “ท้อถอยที่สุด/เกินจะรับมือได้” ร้อยละ 3.79 หากเทียบเป็นประชาชน 100 คนจะมีประชาชนเกือบ 4 คนที่รู้สึกรับมือกับปัญหาต่อไปไม่ไหว ปัญหาโควิด-19 ทำให้กระทบต่อรายได้ การทำมาหากินจนทำให้เกิดความเครียดหนัก ซึ่งตั้งแต่เกิดโควิด-19 ระบาดอัตราการฆ่าตัวตายของประชาชนก็เพิ่มสูงขึ้นคล้ายกับช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งอีกด้วย สัญญาณนี้รัฐบาลไม่ควรจะนิ่งเฉย ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือดูแลสภาพจิตใจของกลุ่มเปราะบางโดยเร็ว
ผศ.พัศรินท์ ก่อเลิศวรพงศ์ อาจารย์ประจำหลักสูตรจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 พบว่า ประชาชนมีความเครียดและวิตกกังวลที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีการปรับตัวอย่างมาก ทำให้เกิดภาวะสุขภาพจิตต่างๆ ตามมา ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเครียดและวิตกกังวลดังกล่าวเกิดจากปัจจัยทางด้านสังคมและสภาพแวดล้อม เช่น การแพร่ระบาดในระลอกใหม่ สภาพเศรษฐกิจและอัตราการว่างงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งวิธีจัดการกับภาวะสุขภาพจิตสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้สติในการดำเนินชีวิต การผ่อนคลายความเครียด เป็นต้น โดยสิ่งที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาช่วยมากที่สุด คือ การฉีดวัคซีนและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยภาพรวมประชาชนใช้ความอดทนและพยายามแก้ปัญหาต่างๆ อาจเพราะประชาชนยังมีความหวังว่าจะกลับมาใช้ชีวิตในสภาวะปกติได้ในเร็ววัน และยังมีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต โดยหมั่นใส่ใจดูแลสุขภาพจิตของตนเองและคนรอบข้างให้มีความเข้มแข็ง มีพลังใจในการต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ถือเป็นภูมิคุ้มกันทางใจที่มีความสำคัญที่จะสามารถผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้ด้วยดี