“ธีระชัย” เตือน พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน แก้โควิด อย่าให้กลายเป็นบุฟเฟ่ต์สภาฯ จี้รัฐบาลตอบคำถามโครงการจำเป็นเร่งด่วนแค่ไหน จึงต้องใช้ช่องทางพิเศษตาม พ.ร.ก. มีส่วนราชการฉวยโอกาสหลบเลี่ยงการตรวจสอบหรือไม่ มีอะไรเป็นหลักประกันว่าโครงการตอบสนองความต้องการของท้องถิ่นอย่างแท้จริง
วันนี้ (26 พ.ค.) นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล แสดงความเห็นกรณ๊รัฐบาลออก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า เมื่อวานนี้ (25 พ.ค.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีคลัง แถลงชี้แจง พ.ร.ก. 5 แสนล้านบาท แต่ปรากฏว่า ชี้แจงแบบด้วน ห้วน แค่เพียงอธิบายวัตถุประสงค์ 3 แผนงาน และเงินกู้จะช่วยให้จีดีพี ปี 64 และปี 65 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 1.5%
น่าเสียดาย ไม่ได้แถลงว่า
1. หลักการรวบอำนาจการใช้จ่ายของรัฐ ให้ออกไปจากองคาพยพกำกับตรวจสอบปกตินั้น นอกจากใช้จ่ายคล่องมือแล้ว มีประโยชน์อื่นใดแก่ชาติ หรือไม่ อย่างไร?
2. สามแผนงานของท่าน มีความเร่งด่วนจนไม่สามารถออกกฎหมายในรูปพระราชบัญญัติตรงไหน?
3. วงเงินฟื้นฟู 1.7 แสนล้าน ท่านมีเผื่อไว้ให้ ส.ส.พรรคใดบ้าง? เผื่อไว้ให้รัฐมนตรีกระทรวงใดบ้าง? เผื่อไว้ปิดปาก ส.ส.หรือไม่?
ผมคัดโครงการใหญ่ ที่ ครม. พลเอก ประยุทธ์ อนุมัติ ใน พ.ร.ก. 1 ล้านล้าน มาให้ผู้อ่านรับทราบ จะเห็นได้ว่า มีโครงการของส่วนราชการมากมาย!
ทำไมส่วนราชการจึงกระตือรือล้น จะทำโครงการใน พ.ร.ก. 1 ล้านล้าน แทนที่จะเสนอตามงบประมาณปกติ?
เป็นเพราะถ้าเดินถนนปกติ ถ้าถูกตรวจสอบ อาจถูกดำเนินคดี ไม่เหมือนเดินถนน พ.ร.ก. หรือไม่?
ในเว็บไซต์สภาพัฒน์ 5 โครงการฟื้นฟูใหญ่สุด ที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐ คือ
< อันดับหนึ่ง สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จำนวนเงิน 10,629,600,000 บาท (หนึ่งหมื่นหกร้อยล้านเศษ)
= โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย)!!!
(*ครม.คงเกรงใจรัฐมนตรีนี้มาก เพราะงานเร่งด่วนแบบนี้ จะใช้ถึงแสนล้านก็ได้ ตั้งมหาวิทยาลัยทุกสี่แยก)
< อันดับสอง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวนเงิน 9,805,707,480 บาท (เก้าพันแปดร้อยล้านเศษ)
= โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่!!!
(*พรรคที่คุมกระทรวงนี้ คงมีบารมีใน ครม. น่าเสียดาย ทฤษฎีใหม่แต่ใช้เงินแค่เก้าพันล้าน)
< อันดับสาม กรมการปกครอง จำนวนเงิน 2,701,876,000 บาท (สองพันเจ็ดร้อยล้านเศษ)
= โครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ (Tambon Smart Team)!!!
(*กระทรวงนี้ คงจะเกรงใจคนรุ่นใหม่ สมารท์ตำบนตำบอน ปกติต้องใช้เงินนับหมื่นๆ ล้าน)
< อันดับสี่ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวนเงิน 1,693,500,700 บาท (หนึ่งพันหกร้อยล้านเศษ)
= โครงการปรับโครงสร้างการผลิต การรวบรวม และการแปรรูปของสถาบันเกษตรกรรองรับผลผลิตทางการเกษตร!!!
(*โครงการนี้ใช้เงินนิดเดียว ไม่ถึงระดับหมื่นล้าน ไม่สมกับชื่อโครงการ ที่ตั้งได้ลึกซึ้ง)
< อันดับห้า กรมการข้าว จำนวนเงิน 1,601,430,400 บาท (หนึ่งพันหกร้อยล้านเศษ)
= โครงการเพิ่มศักยภาพและปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์ปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ของกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์!!!
(*นี่ก็คงเกรงใจคนรุ่นใหม่มาก เพราะแค่ชื่อที่ข้ามชาตินี้ไปชาติหน้าอย่างนี้ ก็ทำโครงการได้เป็นแสนๆ ล้านแล้ว)
นี่แค่ 5 อันดับแรก และยังมีโครงการของส่วนราชการอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงโครงการของแต่ละจังหวัด ดูได้ในเว็บไซต์สภาพัฒน์
ในเมื่อ พ.ร.ก. 1 ล้านล้าน เป็นที่นิยมมากอย่างนี้ ก็คาดได้ว่า พ.ร.ก. 5 แสนล้าน จะมีลูกค้าแน่นขนัดไม่แพ้กัน
ผมจึงขอเชิญให้ พลเอก ประยุทธ์ ในฐานะนั่งหัวโต๊ะ ครม. ที่เป็นผู้อนุมัติโครงการเหล่านี้ โปรดให้มีการชี้แจงว่า
ก) โครงการเหล่านี้ ที่ต้องใช้จ่ายให้สะดวก ลื่นไหล จนต้องใช้ช่องทางด่วนพิเศษ ที่ท่านออกแบบไว้ใน พ.ร.ก. นั้น มีความจำเป็นเร่งด่วน แท้จริง อย่างไร?
ข) มีส่วนราชการที่ฉวยโอกาส ใช้ช่องทางพิเศษใน พ.ร.ก. เพื่อหลบการตรวจสอบในช่องทางปกติ หรือไม่?
ค) มีอะไรเป็นหลักประกันว่า โครงการเหล่านี้ตอบสนองความต้องการของท้องถิ่นอย่างแท้จริง พิสูจน์ไว้ หรือไม่ อย่างไร?
นี่เอง ที่ผมวิจารณ์ว่า ในวาระครบรอบวันเกิด 7 ปีของ คสช. พลเอก ประยุทธ์ ให้ของขวัญแก่คนรุ่นใหม่ เป็นหลักการคลังในอนาคต ใส่กล่องผูกโบสีดำ
ถ้าการใช้เงินรั่วไหล ถ้าการตรวจสอบหย่อนยาน ภาระหนักก็จะตกแก่คนรุ่นใหม่ ที่จะต้องช่วยกันใช้หนี้
วาระแห่งชาติ ต่อต้านฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่ พลเอก ประยุทธ์ เพิ่งจะอ้าง เพิ่งจะวางเป็นจุดขาย หลังจากนั่งหัวโต๊ะมา 7 ปี เป็นเพียงสัญญาที่ว่างเปล่า หรือไม่?
ผมขอเรียกร้องให้ประชาชนติดตาม ส่งเสียง เพื่อระวังมิให้ พ.ร.ก. เป็นกุญแจสู่ บุฟเฟ่ต์แคบิเนต หรือบุฟเฟต์สภา!
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น จะมีผลต่อลูกหลานของเราอย่างหนัก ถ้ากู้มาล้มละลาย?