คุ้นๆ นะ ปลุกให้คนกลัว..แต่ตัวเองฉีด “ประวิตร” ทำปากดี เหยียด “วัคซีน” รุนแรง ไม่รอดทัวร์ลง สื่อนอกยัน “ซิโนแวค” ต้านสายพันธุ์อินเดีย-อังกฤษได้ “เพจสามกีบ” ยังโจมตีรัฐหลอกลวง “แก้วสรร” วิเคราะห์ “สมการแห่งหายนะ”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (21 พ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 64 นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ข่าวสดอิงลิช ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ @PravitR เปิดเผยว่า จะฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรก ซึ่งเป็นการฉีดของซิโนแวค ในวันพรุ่งนี้ (21 พ.ค. 64) โดยมีรายละเอียดว่า
“พรุ่งนี้ผมจะฉีดวัคซีนโดสแรก ไม่ต้องถามผมว่า ยี่ห้ออะไร เพราะไม่มีทางเลือก แต่อย่างที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่าผมเลือกที่จะลดภาระความเสี่ยงสังคม และโหลดงานบุคลากรทางการแพทย์ จึงเลือกฉีดแทนที่จะรอ แม้วัคซีนที่จะฉีดประสิทธิภาพต่ำกว่ายี่ห้ออื่น ป.ล. ถ้าไม่ตายจะมาเล่า”
ต่อมา วันที่ 21 พ.ค. 64 นายประวิตร โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ @PravitR อีกครั้งว่า “เริ่มรู้สึกไม่สบายแล้วครับ หัวใจเต้นแรงผิดปกติ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กลัวจะมีอาการคล้ายอัมพฤกษ์ที่ไม่ใช่อัมพฤกษ์ - นี่ขนาดยังไม่ฉีด ผลการให้แต่ข้อมูลลบเกี่ยวกับวัคซีน ‘เสินเจิ้น’ หรือ ซิโนแวค ด้านเดียวซ้ำๆ ทางโซเชียลมีผลต่ออาการหลอนก่อนฉีดจริงๆ”
หลังจากนั้นไม่นาน ได้มีคนจำนวนมากที่ทนเห็นการเหยียดหยามของ นายประวิตร ไม่ไหว และได้เข้ามาโพสต์โจมตี มากมาย
เช่น “แซะเก่งเหมือนตอนอยู่เนชั่นเลยนะคะคุณประวิตร” “สาธุ…ขอให้ฉีดแล้วเป็นอย่างนั้น”
“ดีแล้วที่หัวใจยังเต้น จะได้มีแรงเชียร์นายฝรั่งได้ยาวๆ ส่วนแรงไม่แรงมันน่าจะเป็นเพราะแรงอิจแรงแค้นมากกว่า ใจร่มๆ ไม่มีอคติ ก็น่าจะผ่านไปได้ครับ”
“ลองไปเสินเจิ้นในปัจจุบันนี้ หรือลองหาข้อมูลรูปภาพดูรึยังครับ ??? เสินเจิ้น ณ ปัจจุบันนี้ เจริญกว่ากรุงเทพมหานคร ที่เป็นเมืองหลวง เมืองที่เจริญที่สุดในประเทศไทย เสียอีกนะครับ เอาตรงไหนไปเที่ยวดูแคลนเขา ว่าด้อยกว่าคุณ !!!”
อ่านต่อได้ที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/49130/?anm
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ข้อความระบุว่า
“ถือว่ากำลังเป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก เมื่อมีประชาชนจำนวนมาก รวมถึงคนที่มีความน่าเชื่อถือในสังคม รวมถึงดาราคนมีชื่อเสียง เริ่มแห่ไปฉีด “วัคซีนซิโนแวค” และที่สำคัญ ไม่มีใครได้รับผลกระทบข้างเคียง ตามที่กลุ่มสามกีบพยายามปลุกปั่นไว้ตอนแรก ส่งผลให้ทางด้านของกลุ่มสามกีบโดนลดความน่าเชื่อถือจากกลุ่มตัวเองลงเป็นอย่างมาก
ล่าสุด ในวันนี้ (21 พ.ค. 64) เพจสาธารณะ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ซึ่งเป็นเพจหลักในการขับเคลื่อนของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน และ นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง สองแกนนำคณะราษฎร ในการเคลื่อนไหวนัดหมายทางการเมืองตลอดระยะเวลาที่มีการชุมนุม ได้โพสต์ประเด็นว่า
รัฐบาลกำลังหลอกลวงประชาชน และการฉีดวัคซีนซิโนแวคไม่ใช่การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งชัดเจนว่า ต้องการปลุกความเชื่อผิดๆ ให้คนในกลุ่มตัวเองนำไปกระจายต่อ
ซึ่งในวันเดียวกัน (21 พ.ค. 64) ทางด้านของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Thakrit Rungreungthanja ได้โพสต์ข่าวต่างประเทศ 2 ข่าว ซึ่งมีเนื้อหาใกล้เคียงกันโดยมีรายละเอียดว่า
ศูนย์ควบคุมโรคของจีน ระบุว่า วัคซีนของจีน (เขาใช้คำพหูพจน์ ไม่ระบุยี่ห้อ ซึ่งจีนใช้วัคซีนหลักสองตัว คือ ซิโนฟาร์ม และซิโนแวค) สามารถต้านสายพันธุ์อินเดียได้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากอินโดนีเซีย ซึ่งมีการใช้วัคซีนซิโนแวคในจำนวนมาก ก็ยืนยันว่า ซิโนแวคมีฤทธิ์ต้านสายพันธุ์อังกฤษและอินเดียได้เช่นเดียวกัน คำพูดคือ “สายพันธุ์อินเดียกับสายพันธุ์อังกฤษนั้น แตกออกมาจากการกลายพันธุ์แบบเดียวกัน (S mutation) ขณะที่ซิโนแวคทำจากตัวไวรัสทั้งตัว เพราะฉะนั้น มันยังคงป้องกันได้”
อ่านต่อได้ที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/49158/?anm
วันนี้เช่นกัน นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการชื่อดัง ได้ออกบทความเรื่อง “อนาคตโควิดไทย” สมการแห่งหายนะ
พร้อมภาพตารางเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจน ถึง “อนาคตโควิดไทย” (ตามภาพ)
แน่นอน, เชื่อว่า คนไทยรับได้กับความเห็นต่างของผู้คนในสังคม และเคารพในความเห็นต่างมาตลอด อยู่แล้ว และรู้จักประชาธิปไตยดี โดยไม่ต้องมีใครมา “ยัดเยียด” ให้อีก
แต่ที่รับไม่ได้ และไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่โต้แย้ง ก็คือ ความเห็นที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่มีเหตุผลรองรับ และไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่พูดอย่างแท้จริง ต่อให้อ้างว่า เป็นนักประชาธิปไตยตัวยงก็ตาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่ต้องการอธิบายด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ อย่างโรคระบาด โควิด-19 เรื่องวัคซีน เรื่องผลข้างเคียงจากวัคซีน เรื่อง ประสิทธิภาพวัคซีน ฯลฯ แปลกที่คนไม่มีความรู้ยังกล้าวิพากษ์วิจารณ์
ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นทันที ก็คือ การมีอคติ การเอาความไม่ชอบ ไม่เชื่อมั่นส่วนตัว และอารมณ์เหนือเหตุผลใดๆ มาจับ ยิ่งถ้าเป็นพวกเครือข่ายม็อบ 3 นิ้ว หรือ พวกสามกีบ รวมทั้งผู้สนับสนุนและสาวกทั้งหลาย อยู่ในข่ายนี้หมด
แต่โปรดจำไว้ว่า นี่คือ ความเป็นความตายของประชาชนทั้งประเทศ ใครก็ตามจะเอาเรื่องอคติส่วนตัวมาล้อเล่นไม่ได้ ไม่รู้จริง จะเอาข่าวลือ ข่าวปล่อย มาทำให้เสียขบวนในการเฝ้าระวังป้องกัน และรักษาของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่เรื่องการเมือง เพียงแต่อาจมีผลพลอยได้เท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัยของคนทั้งประเทศ มันเทียบกันไม่ได้ ที่จะต้องเอาการเมืองมาเล่นเกมทำให้การดูแลรักษา และการระงับยับยั้งการแพร่ระบาด หรือ ดีที่สุดคือ หายไปจากสังคมไทย
ดังนั้น สิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่แสดงออกถึงความต้องการในเวลานี้คือ “หุบปาก” แล้วเดินไปฉีดวัคซีนซะ จากนั้นก็กลับมาเฝ้าสังเกตตัวเองและครอบครัวว่ามีปัญหาข้างเคียงหรือไม่ ถ้ามีก็ไปรักษา ถ้าไม่ก็รอเข็มที่สองต่อไป
ถ้าทำได้แค่นี้ คนไทยก็จะเทคะแนนให้โดยไม่ต้องไปเล่นเกมกับใคร หันมาเล่นการเมืองแบบใหม่ ให้สมกับที่บอกว่า เป็นนักการเมืองคนรุ่นใหม่เสียที
เหนืออื่นใด ถ้ายังคงวิพากษ์วิจารณ์วัคซีนอยู่อย่างนี้ ท่ามกลางสาวก และฐานมวลชนถูกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเอาไว้เรียบร้อย มันจะมีประชาชนส่วนหนึ่ง ที่ชอบดูทีวีช่องเดียว เสพข้อมูลด้านเดียว รักพรรคการเมืองพรรคเดียว มีนายกฯในดวงใจคนเดียว และถ้าทีวีช่องนั้น ฝ่ายของตัวเองว่าอย่างนั้น ก็จะเชื่อมั่นโดยไม่ฟังข้อมูล หรือ ความจริงจากฝ่ายอื่นเลย
เชื่อหรือไม่ ว่าสังคมไทยเดินมาถึงจุดนี้แล้ว และเป็นจุดที่ยากลำบากที่สุดในการแก้ปัญหาโควิด-19 อยู่ในเวลานี้ ไม่เชื่อก็ลองทบทวนกันดู!!!