ข่าวปนคน คนปนข่าว
**งานนี้"โทนี่"เสียหมาโหน "พิมรี่พาย" หวังบลั๊ฟการเมือง เจอตอกกลับเจ็บ ถูกด่าเพราะมึงพูด อย่าเอาไปเหน็บแหนมใครให้ซวย ยังไม่อยากตายที่ต่างประเทศ
เรียกว่าโดน "ถอนหงอก" หมดรูป หมดราคากันไปเลยทีเดียวสำหรับ "โทนี่ -ทักษิณ ชินวัตร" ที่ออกมาพูดในคลับเฮ้าส์ เอามันโหนกระแสโควิด กะจะขวิดรัฐบาลสอนมวยแก้ปัญหาโดยยกตัวอย่างการสร้างโรงพยาบาลสนามของ "พิมรี่พาย" หรือ พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ แม่ค้าออนไลน์ขายทุกอย่าง ยูทูปเปอร์เบอร์ดังแห่งโลกโซเชียลฯ
"โทนี่" ที่โหน "พิมรี่พาย" ก็หมายมั่นว่า ความคิดของตัวเองจะบลั๊ฟฝ่ายตรงข้ามให้ได้อาย กรณีอย่างเช่นคลัสเตอร์เรือนจำ ที่มีนักโทษติดโควิดจำนวนมาก ทักษิณก็เสนอว่าภายในเรือนจำมีสนามฟุตบอล มีโรงอาหาร สามารถเปลี่ยนมาเป็นโรงพยาบาลสนามชั่วคราวได้หรือไม่ หรือถ้าตั้งโรงพยาบาลสนามมันแพง ก็ไปขอ "พิมรี่พาย" ตั้งให้
พอเรื่องนี้ไปเข้าหู "พิมรี่พาย”คนที่ถูก"โทนี่" พาดพิง ยูทูปเบอร์และแม่ค้าออนไลน์ชื่อดังจึงออกมาพูดผ่านไลฟ์สดขณะขายสินค้าถึง "Tony Woodsome" แบบเจ็บๆ คันๆ ว่า อย่านำตนเองไปเป็นเครื่องมือเหน็บแนมใคร จะพลอยเอาความซวยมาให้เธอ
"พิมรี่พาย" พูดถึงกรณีที่"ทักษิณ" พูดถึงตัวเองว่ายังไง เผื่อ"โทนี่ไ จะไม่ได้ฟัง ก็ขอยกมาแบบเต็มๆ ที่พิมรี่พาย ว่า...
"ดิฉันขอพูดถึงคุณโทนี่หน่อยนะคะ คุณโทนี่ที่ดิฉันหมายถึงคือคุณทักษิณ ชินวัตร นะคะ พูดถึงดิฉันเมื่อคืน ดิฉันไม่ทราบนะคะเพราะไม่ได้เล่นโซเชียลฯอะไร เพราะดิฉันไม่ว่าง ดิฉันทำงาน ทำบุญ มีคนส่งคลิปมาให้ดิฉันเยอะมาก บอกว่าคุณทักษิณพูดถึงดิฉัน ดิฉันขอพูดหน่อยนะคะ ท่านอยู่ข้างนอกประเทศ ท่านจะพูดอะไรก็ได้ แต่คนข้างในประเทศเนี่ยจะซวยเอานะคะ ได้โปรดอย่าลากดิฉันไปเกี่ยวข้องนะคะ กราบขอร้องทุกๆคน หรือทุกๆสื่อ ทุกๆ ทีมงาน
ดิฉันยังอยากทำบุญต่อ อย่าให้ดิฉันซวยเลยค่ะ ท่านพูดทีนึง อีกฝั่งนึงก็ด่าดิฉัน ดิฉันรู้เรื่องมั้ยคะ อีกฝั่งนึงพูดอีกทีนึง ก็ด่ากูอีก กูรู้เรื่องมั้ย กูถาม กูขายน้ำปลาร้างกๆ ต้องมาโดนด่ามั้ย มันใช่เรื่องมั้ย มันสมกับที่กูทำมั้ย กูทำความดีต้องมาโดนด่ามั้ย เพียงเพราะว่ามึงพูด ฉันอยากอยู่ในประเทศนะคะ ฉันไม่อยากไปตายที่ต่างประเทศ ฉันอยากอยู่ต่อค่ะ ฉันอยากทำความดีต่อ ฉันมีโปรเจกต์ความดีมากมาย ขอความกรุณานะคะ เลิกเอาดิฉันไปเป็นเครื่องมือเหน็บแนม อย่าแปลเจตนาดิฉันผิด ขอบพระคุณค่ะ"
สรุปว่า "พิมรี่พาย" เธอมองว่า เป็นคนทำมาหากิน เงินที่ได้มาจากการค้าขายก็เอากำไรแบ่งคืนสู่สังคม และรู้สึกทนไม่ได้ที่จะนอนกินเงิน ใช้ชีวิตหรูหรา ในขณะที่สังคมเดือดร้อน เลยอยากคืนให้สังคมบ้าง เจตนามีแค่นี้ ก็ขอ"โทนี่" ช่วยกรุณาทำความเข้าใจ และเลิกเอาไปเปรียบเทียบการเมืองสักที ศักยภาพของเธอไม่ถึงขั้นนั้น เป็นแค่แม่ค้าธรรมดาตัวคนเดียวไม่ได้มีทีมงานที่จัดการเรื่องต่างๆ บริหารระดับประเทศได้
งานนี้ "โทนี่"ก็เสียหมากันไป เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ !!
** ตรรกะวิบัติ!! แม่ทัพภาค 2 บอกการสอบวินัย "พันตรีหญิง" ร่วมแก๊ง "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" ต้องดูว่าได้แต่งชุดทหาร -ใช้เวลาราชการไปทำผิดหรือไม่ ...อย่างนี้ก็พูดออกมาได้ !!
คดีฉ้อโกงประชาชนครั้งมโหฬาร มูลค่าความเสียหายทะลุหลักพันล้านบาท ที่มี "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" ประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือเอ็มกรุ๊ป และประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน เป็นหัวหน้าเครือข่าย มีผู้ร่วมกระทำผิดหลายคน หนึ่งในนั้นมีทหารรวมอยู่ด้วยคือ "พ.ต.แพทย์หญิง อมราภรณ์ วิเศษสุข" สังกัดกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ช่วยราชการโรงพยาบาลค่ายสุรนารี รับบทเป็นประธาน "โครงการเที่ยวเพื่อชาติ" หลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุน
หลัง "พ.ต.แพทย์หญิง อมราภรณ์" ถูกตำรวจกองปราบฯ จับกุม และได้ประกันตัวออกมาเมื่อสองวันก่อน "พล.ท.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม" แม่ทัพภาค 2 ในฐานะผู้บังคับบัญชา บอกว่าเบื้องต้น เจ้าตัวจะต้องกลับเข้ามาทำงาน และรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน จากนั้นจะมีการพิจารณาความผิด ซึ่งจะต้องแยกเป็น 2 ประเด็น คือ ความผิดคดีอาญา กับ ความผิดวินัยทหาร
ในความผิดทางอาญานั้น หากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งสำนวนคดีให้กับอัยการ และอัยการพิจารณาส่งศาล ทางกองทัพภาคที่ 2 ก็จะมีคำสั่งให้ พักราชการทันที
ส่วนความผิดวินัยทหาร ทางกองทัพภาคที่ 2 จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง
แต่ที่ฟังแล้วทะแม่งๆชอบกล ก็คือ "แม่ทัพภาค2 " อธิบายถึงกรอบความผิดวินัยทหาร ต้องดูว่า "พ.ต.แพทย์หญิง อมราภรณ์" ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของกองทัพเสียหายหรือไม่ มีการใช้เวลาราชการ หรือแต่งชุดทหารเข้าไปร่วมทำธุรกิจหรือไม่... แต่เบื้องต้นจากการสอบถามทราบว่าเป็นการใช้เวลานอกเวลาราชการไปทำธุรกิจ ซึ่งมองได้ว่าเรื่องนี้เป็นความผิดส่วนตัวในทางคดีอาญา
เหมือนจะบอกว่า ถ้าไม่ได้แต่งชุดทหาร และใช้เวลานอกเวลาราชการไปทำผิด ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับเรื่องวินัยทหาร หรือกองทัพ
พูดแบบนี้ก็ "ทัวร์ลง" ที่แม่ทัพภาค 2 และทหารในภาพรวมทันที ว่าอย่างนี้ก็ได้หรือ...ยังไม่ทันได้สอบก็ออกอาาการปกป้องพวกกันเองเสียแล้ว!!
ยิ่งก่อนหน้านี้ "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ได้ออกมาแฉว่า "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" อยู่เบื้องหลัง และให้การสนับสนุนขบวนการปฏิบัติการข่าวสารของกองทัพ หรือเรียกกันว่า"ไอโอทหาร" ซึ่ง"ประสิทธิ์" ก็ยอมรับว่ามีการใช้เซอร์ฟเวอร์ของบริษัทของตนเองในปฏิบัติการไอโอ จริง แถมยังย้อนว่า ทำไมจะทำไม่ได้เพราะไม่ได้ใช้เงินหลวง และเป็นการทำความดีตามหน้าที่ของคนรักสถาบันฯ
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อย้อนดูเส้นทางของ "ประสิทธิ์" ที่ไต่เต้ามาจากนักธุรกิจ"สีเทา" แล้วใช้ช่องทางในการเสนอหน้า เสนอตัว เข้าไปในพื้นที่ใกล้ชิดคนมีตำแหน่ง หนึ่งในนั้นก็คือนายทหารของกองทัพ... ไปร่วมงาน ไปถ่ายรูปกับบุคคลสำคัญๆ ของกองทัพ
ไม่ว่าจะเป็น"ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี " พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร" อดีตรองนายกฯ รวมทั้ง"พล.อ.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้" ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน ล้วนมีภาพร่วมเฟรมกับ"ประสิทธิ์" มาแล้วทั้งนั้น
อีกปัจจัยและโอกาสที่ทำให้ "ประสิทธิ์" สร้างคอนเนกชั่นได้รวดเร็ว และมีจังหวะก้าวไปได้ราบรื่น มีการมองว่า คือการไปร่วมหลักสูตรจิตอาสา รุ่นที่ 3 เมื่อปี 2562 อีกทั้งได้เป็นวิทยากร บรรยายในหลักสูตรดังกล่าวนี้ด้วย
เรื่องราวเหล่านี้ ได้ถูก "ประสิทธิ์" นำไปใช้สร้างภาพลักษณ์ว่าใกล้ชิด สนิทสนมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพ สร้างความน่าเชื่อถือในการทำธุกิจ ส่วนผู้หลักผู้ใหญ่จะสนิทสนมด้วยหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ก็ถูกประสิทธิ์ "เคลม" ไปแล้ว
เมื่อ"พ.ต.แพทย์หญิง อมราภรณ์" ซึ่งอยู่ในเครือข่าย ร่วมขบวนการโกงของ "ประสิทธิ์" แล้วแม่ทัพภาค 2 ออกมาพูดเช่นนั้น จึงทำให้มีน้ำหนักที่สังคมจะวิพากษ์วิจารณ์ว่า บทสรุปคงหนีไม่พ้นปกป้องพวกพ้องกันเอง
ทางเดียวที่จะรักษาภาพลักษณ์ของกองทัพ รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวโยงกับ "ขบวนการโกง" นี้ ก็ต้องทำความจริงให้ปรากฏ การสอบสวนทางวินัย ก็ต้องยึดหลักวินัยทหารอย่างเคร่งครัด
ไม่ใช่บอกว่า ไม่ได้แต่งชุดทหารไปทำผิด...ไม่ได้ใช้เวลาราชการไปทำผิด ถือว่าไม่ผิดวินัยทหาร...ตรรกะและเหตุผลเช่นนี้ สังคมรับไม่ได้ !!