xs
xsm
sm
md
lg

นายกสภาแพทย์แผนไทยฉะ “บิ๊กตู่” ลืมคำพูด เมินดึงแพทย์แผนไทยร่วม กก.บูรณาการสู้โควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พลเรือเอก ชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทย (แฟ้มภาพ)
นายกสภาการแพทย์แผนไทย เขียนจดหมายเปิดผนึกฉะรัฐบาลลืมคำพูดสมัย คสช.เคยบอกจะสนับสนุนสมุนไพรไทยสู่สากล แต่คําสั่งนายกฯ ที่ 7/2564 แต่งตั้ง กก.บูรณาการด้านการแพทย์และสาธารณสุขสู้โควิด กลับไม่มีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เรียกร้องแก้ไขคำสั่งด่วน พร้อมจัดให้มีแพทย์แผนไทยและการใช้ยาแผนไทยในระบบการรักษาผู้ป่วยโควิด-19

วันนี้ (10 พ.ค.) พลเรือเอก ชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทย ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนคนไทยทุกคน เรื่อง การกีดกันการนําภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมาใช้ในการแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 มีเนื้อหาโดยละเอียดดังนี้

สืบเนื่องจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ในปัจจุบันนับว่าเป็นการต่อสู้ในสงครามโรคระบาดที่เป็นมหันตภัยร้ายแรงสมควรที่จะระดมทรัพยากรในประเทศทั้งหมดเพื่อเอาชนะ ผมได้พยายามสื่อถึงรัฐบาล และ ศบค.มาโดยตลอด เพื่อให้รัฐบาลนําภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ซึ่งเป็นการแพทย์หลักของประเทศควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบันมาใช้ในการแก้ปัญหาโควิด-19 ด้วยทั้งโดยส่วนตัวและในนามของสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตั้งแต่การระบาดรอบแรกเมื่อต้นปี พ.ศ. 2563 จนกระทั่งถึงการระบาดรอบที่ 3 ณ ขณะนี้ มีประชาชนเสียชีวิตและเดือดร้อนจํานวนมาก การนําภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมาใช้ คือ การพึ่งพาตนเองและเป็นความมั่นคงทางยา ไม่ควรฝากอนาคตของประเทศและประชาชนไว้ในกํามือของผู้อื่น ในขณะที่ประเทศไทยมีภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมีสมุนไพรไทยที่ใช้ในการดูแลปัญหาสุขภาพของประชาชนได้ ซึ่งผมพร้อมที่จะยืนยันและพิสูจน์ข้อมูลในสิ่งที่ผมกล่าวร่วมกับแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านทั้งประเทศที่ทําหน้าที่ปิดทองหลังพระโดยปราศจากการสนับสนุนใดๆ จากรัฐบาลทั้งสิ้นด้วยจิตอาสาและยึดหลักปรัชญา คือ ยาขอหมอวาน แต่ไม่มีการตอบสนองจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใดๆ

ผมเห็นใจ เข้าใจ และให้กําลังใจรัฐบาลที่พยายามแก้ปัญหาอย่างสุดความสามารถ ผมเคยศรัทธา ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยรัฐบาล คสช. ที่ท่านกล่าวในที่สาธารณะหลายครั้งเรื่องส่งเสริมสนับสนุนการแพทย์แผนไทยสมุนไพรไทยสู่สากล มีเขียนในแผน ยศ.ชาติ แผนปฏิรูปประเทศและอีกหลายๆ แผน ฝันกระทั่งประเทศไทยจะเป็น Medical Hub แต่เมื่อถึงจังหวะที่ควรใช้อย่างยิ่งท่านอาจลืมคําพูดของตนเองโดยสิ้นเชิง และสิ่งที่ผมไม่สามารถยอมรับได้คือคําสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 7/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบูรณาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ลงนามเมื่อ 5 พ.ค. 64 คําสั่งนี้มีกรรมการรวมทั้งสิ้น 36 คน มีหน่วยงานภายในกระทรวงสาธารณสุขเกือบทั้งหมดแต่ไม่มีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยโดยตรงและเป็นหน่วยงานที่ได้ผลักดันการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจร อย่างจริงจังจนประสบความสําเร็จแล้วการบูรณาการด้านสาธารณสุขจะเกิดขึ้นได้อย่างไร

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาตรา 55 เขียนไว้ว่า “รัฐต้องดําเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึงเสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค และส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการพัฒนาภูมิปัญญาด้านแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด” หมายความว่า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องทําทุกทางส่งเสริมสมุนไพรให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยคือยาแผนไทย สมุนไพรไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ยาแผนไทยได้มีการประกาศให้เป็นยาสามัญประจําบ้าน ซึ่งประชาชนสามารถซื้อใช้ได้โดยทั่วไปและยาในบัญชียาหลักแห่งชาติซึ่งสามารถใช้ในสถานพยาบาลของรัฐและผู้ป่วยสามารถเบิกจ่ายได้จากงบประมาณของรัฐซึ่งควรจะส่งเสริมให้ใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้าโรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel ได้ ซึ่งมียาแผนไทยที่รักษากลุ่มอาการที่เป็นอาการพื้นฐานของโควิด 19 เช่น กลุ่มยาแก้ไอ กลุ่มยารักษาอาการของระบบทางเดินหายใจ (อาการไข้ อาการหวัด) ยาบํารุงโลหิต เป็นต้น ทําไมถึงไม่ใช้ยาแผนไทยเหล่านี้รักษาผู้ป่วยตามอาการถ้าจะใช้เหตุผลว่าไม่มีงานวิจัยสําหรับการรักษาโรคโควิด-19 โดยตรง ก็ไม่น่าจะถูกต้องกับยาสามัญประจําบ้านและยาในบัญชียาหลักแห่งชาติซึ่งไม่ใช่เป็นการใช้เพื่อเหตุฉุกเฉินเหมือนวัคซีนหรือยาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งก็ไม่ได้มีผลวิจัยการรักษาโรคโควิด-19 ตามขั้นตอนครบถ้วนจนถึงขั้นประกาศใช้ได้ ที่สําคัญคือยาแผนไทยมีค่าใช้จ่ายถูกกว่ากันมาก ประมาณ 10 เท่า

ประการสุดท้าย ซึ่งผมเห็นว่ามีความสําคัญคู่กับประวัติศาสตร์ชาติ จะเห็นว่าภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยนั้นมีมาแต่ครั้งสุโขทัยสมัยพ่อขุนรามคําแหงมหาราช ครั้งอยุธยา สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ครั้งรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ 3 ได้ฟื้นฟูและรวบรวมองค์ความรู้ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยอย่างเป็นปึกแผ่นไว้ที่วัดพระเชตุพนฯ หรือวัดโพธ์ ทรงได้รับการเชิดชูว่าเป็นพระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย นอกจากนั้น พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงได้รับพระนามว่าหมอพรจากประชาชนที่ได้รับการรักษาจากพระองค์ท่าน ดังนั้นควรเป็นหน้าที่ที่คนไทยทุกคนควรภูมิใจรักษาไว้และนํามาใช้ให้เกิดประโยชน์

บทสรุปคือผมอยากให้ประชาชนได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือ การกีดกันการนําภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยไปใช้ในการแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 อย่างชัดเจน ผมมีความเห็นว่าประเทศไทยเป็นของประชาชนทุกคน ไม่ควรมีระบบผูกขาดโดยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพราะผู้ที่ถูกสังเวยคือประชาชนที่ไม่เคยรู้และไม่มีโอกาสเลือก ที่สําคัญคือ ประเทศไทยอันเป็นที่รักของทุกคนได้เสียโอกาสการพึ่งพาตนเองและมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ผมขอส่งข่าวสารนี้ไปยังประชาชนคนไทยทุกคน และขอวิงวอนไปยัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ผู้มีอํานาจเด็ดขาดดังนี้

1. แก้ไขคําสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 7/2564 ให้มีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเพื่อเป็นตัวแทนของการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยอยู่ในคณะกรรมการด้วย

2. จัดให้มีแพทย์แผนไทยและการใช้ยาแผนไทยในระบบการรักษาผู้ป่วยโควิด-19

3. กําหนดเป็นนโยบายนําภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านไปใช้ในโรงพยาบาลสนามเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถพึ่งพาตนเอง

4. กําหนดให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกรวบรวมข้อมูลเพื่อเพื่อที่จะใช้ให้ประโยชน์ เป็นที่ยอมรับของประชาชนต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อให้ประชาชนรับทราบและขอความกรุณาเผยแพร่ไปยังสื่อมวลชนทุกแขนงเท่าที่สามารถจะทําได้เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ให้มากที่สุดอันจะยังประโยชน์ต่อแผ่นดินประเทศชาติและประชาชนสืบไป








กำลังโหลดความคิดเห็น