xs
xsm
sm
md
lg

“ชัยพฤกษ์-กมล” นั่งที่ปรึกษา รมต.ศึกษาฯ ทั้งที่มีเอี่ยวคดีทุจริตอยู่ ป.ป.ช. **“สิระ” หน้าแหกหลังเปิดวอร์กับ “หมอเหรียญทอง” มั่วกฎหมาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**“ชัยพฤกษ์-กมล” นั่งที่ปรึกษา รมต.ศึกษาฯ “ตรีนุช-กนกวรรณ” ทั้งที่มีเอี่ยวคดีทุจริตอยู่ ป.ป.ช. แบบนี้ก็ได้หรือ?

คนในแวดวงราชการโดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ ต่างพากันอึ้งกิมกี่ เมื่อ ครม.มีมติสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งสองอดีต “บิ๊ก ขรก.” ที่มีชื่อพัวพันกับคดีใหญ่ในกระทรวงศึกษาฯ มาเป็นที่ปรึกษาของสองรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง

คนแรก “ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์” อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ คัมแบ็กกลับมานั่งเป็นประธานที่ปรึกษา “รมว.ตรีนุช เทียนทอง” และ เป็นประธานฝ่ายนโยบายและแผนของอาชีวะ

คนที่สอง ดร.กมล รอดคล้าย อดีตเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กลับมานั่งเป็นที่ปรึกษา “รมช.กนกวรรณ วิลาวัลย์”

ตรีนุช เทียนทอง
เหตุผลในการตั้งเป็นที่ปรึกษาไม่อาจจะทราบได้ทั้ง “ตรีนุชและกนกวรรณ” เสนอเอง หรือมี “ผู้ใหญ่” ขอมา แต่ที่สร้างความประหลาดใจให้ข้าราชการในกระทรวง เพราะทั้ง “ชัยพฤกษ์ และกมล” นั้นมี “ตำหนิ” อาจจะพูดได้ว่ามีข้อสงสัยที่รอการพิสูจน์ตัวเองอยู่ทั้งคู่
 
“ดร.ชัยพฤกษ์” มีคดีอยู่ที่ ป.ป.ช. เรื่องทุจริตอควาเรี่ยมสงขลา หรือที่ชาวบ้านเรียกขาน “อควาเรียมหอยสังข์” มูลค่า 1,200 ล้านบาท ของวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ อ.เมืองฯ จ.สงขลา ที่ล่าช้ามานานกว่า 10 ปี เป็น “มหากาพย์” ในการก่อสร้าง และมีเรื่องร้องเรียนข้าราชการระดับสูงเกี่ยวข้องกับการทุจริต เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน พฤติการณ์มีทั้งการแก้ไขเปลี่ยนแบบแปลนหลายครั้ง ทั้งที่อนุมัติจ่ายเงินให้เอกชนผู้รับเหมาไปแล้ว แม้งานยังไม่เสร็จเรียบร้อย หรือตรวจรับงานจ้างเพื่อขอวงเงินในงวดเพิ่มเติมอย่างน่าสงสัย
 
จนสมัย “หมอธีร์” นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงมีคำสั่งย้าย “ดร.ชัยพฤกษ์” แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้ทุจริต และยึดประโยชน์ราชการ แต่เรื่องนี้ก็ต้องรอดูที่ ป.ป.ช. จะพิจารณาอย่างไร

ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์
ว่ากันว่า เบื้องต้น ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏชื่อของข้าราชการระดับสูงเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยหลายคน รวมถึง “ดร.ชัยพฤกษ์” ซึ่งย่อมปฎิเสธไม่ได้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดขณะนั้น
 
เรื่องนี้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ทราบดีเพราะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนลงนามเอง
 
ขณะที่ “ดร.กมล รอดคล้าย” มีคดีทุจริตเรื่อง CCTV ภาคใต้ กลับมาเป็นที่ปรึกษา “รมช.กนกวรรณ” นั้น ตามประวัติเคยถูกย้ายจากเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

กนกวรรณ วิลาวัลย์
ส่วนสาเหตุก็ว่ากันว่า มาจากกรณีการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด หรือซีซีทีวี ในโครงการเซฟ โซน สคูล 12 เขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณ 577 ล้านบาท ภายหลังมีผู้ร้องเรียนว่าการติดตั้งกล้องซีซีทีวี ไม่ดำเนินการตามข้อกำหนดการว่าจ้าง ซึ่งในช่วงนั้น “ดร.กมล” เป็นเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)
 
ว่ากันว่า การจะย้ายข้าราชการระดับสูง ระดับ ซี 10-11 หรือลงโทษทางวินัย ไม่ใข่เรื่องง่าย ต้องมีหลักฐานแน่น มีสองคณะกรรมการสอบสวน ตามระบบราชการ เสร็จแล้วก็ต้องผ่าน ครม. นายกฯ ลงนามพิจารณาตัดสินทางวินัย
ส่วนเรื่องคดีเป็นขั้นตอนตามมา แต่ก็ถูกดองอยู่ที่ ป.ป.ช. จนเงียบหายไปกับสายลม กระทั่งทั้งสองคนเกษียณอายุราชการไปแล้ว

กมล รอดคล้าย
การวกกลับมาโผล่ที่กระทรวงศึกษาฯครั้งนี้ของทั้งสองคน ว่ากันว่า ทั้ง “ดร.ชัยพฤกษ์ และ ดร.กมล” ยังคงมีบารมี และเดิมทีได้ชื่อว่าเป็นบิ๊กขรก. ระดับ “มือโปร” ในกระทรวง ยิ่งนั่งที่ปรึกษา รมต.แบบนี้ ย่อมมีข้าราชการให้ความเกรงอกเกรงใจมากขึ้นกว่าเดิม ก็น่าเป็นห่วงเรื่อง “การขัดแย้งทางผลประโยชน์” หรือการมีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งเรื่องของคดี และการวิ่งเต้นโยกย้ายข้าราชการที่ยังอยู่ในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับคดี เพื่อการช่วยเหลือ “พวกพ้อง”
งานนี้ก็ให้จับตากันดีๆ ผลจะตามมาเป็นพรวนหรือไม่?
ทั้ง “ตรีนุช-กนกวรรณ” ต้องเตรียมคำตอบให้สังคมไว้ได้เลย.. ตั้งที่ปรึกษาแบบนี้ก็ได้หรือ ?
เรื่องนี้เรื่องใหญ่ จะสั่นสะเทือนกระทรวงศึกษาฯ แค่ไหนโปรดติดตามกันต่อไป



** “สิระ” หน้าแหกหลังเปิดวอร์กับ “หมอเหรียญทอง” มั่วกฎหมาย เจอกางราชกิจจาฯ ยันกลับ รพ.สนามโควิดไม่ต้องขอใบอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา
ว่าด้วยการตั้งโรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดินของ “หมอเหรียญทอง” พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ที่ต่อมา “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ตรวจสอบอ้างว่าได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้เปิดฟรีเพื่อประชาชน และไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมาย หรือขออนุญาตใคร โดย “สิระ” กับ “หมอเหรียญทอง” ตอบโต้กันไปมาอย่างดุเดือด มีการท้าทายให้ฟ้องร้องกันตามมาด้วย

งานนี้ “สิระ” ที่อีกฐานะหนึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร หวังโชว์เพาเวอร์ที่ “หมอเหรียญทอง” เรียกเรตติ้งตามสไตล์ถนัดเต็มที่ แต่ก็ต้องบอกว่า “หน้าแหก” หงายเงิบไปเรียบร้อย เมื่อมีผู้สันทัดกฎหมายได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวตอบโต้ “สิระ” โดยระบุอ้างอิงประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ...ยกเว้นใบอนุญาตให้โรงพยาบาลสนามสำหรับโควิด-19 เป็นกรณีพิเศษ พร้อมทั้งทิ้งท้ายด้วยแฮชแท็ก #มันจบแล้วครับสิระ #หน้าแหก

สิระ เจนจาคะ
ว่ากันว่า มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและการตอบกลับข้อความดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เห็นด้วย และตำหนิ “สิระ” ว่าเป็นถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประธาน กมธ.กฎหมายฯ สภาผู้แทน แต่กลับไม่รู้ข้อกฎหมาย

แบบนี้ไม่รู้จะเรียกว่า “โชว์โง่” ได้หรือเปล่า..ทั่นประธาน!!




กำลังโหลดความคิดเห็น