ส.ส.ปชป.ร่อนหนังสือจี้ กก.บห.พรรคถอนตัวจาก รบ. เหตุสื่อนอกตีข่าว ศาล รธน.ชี้ “ธรรมนัส” ไม่ขาดคุณสมบัติฉาวไปทั่วโลก ย้อนรู้อยู่แก่ใจดียังเลือกเป็น รมต. หรือกุมความลับดีลต่อรองสำคัญ ย้ำ ปชป.ต้องยึดหลักถูกเป็นถูกผิดเป็นผิด
วันนี้ (7 พ.ค.) นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค เรื่อง ขอเสนอพรรคถอนตัวเพื่อแก้ไขปัญหาของชาติ มีใจความว่า “เรียนประธานคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทั่วประเทศ โดยยกพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี วันที่ 10 ธ.ค. 2512
“ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทําให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทําให้บ้านเมืองมีความปรกติสุข เรียบร้อย จึงมิใช่การทําให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดีให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอํานาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”
ผมจึงใคร่ขอกราบอัญเชิญพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาเพื่อเตือนสติเป็นแง่คิด ให้ทุกคนเห็นแก่ประเทศชาติโดยส่วนรวม หากใครมีความเห็นอย่างไรก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ด้วยมีสื่อชื่อ “The Sydney Morning Herald” ของออสเตรเลียได้รายงานข่าวอื้อฉาวดังไปทั่วโลก ขอให้ไปหาอ่านเอาเอง แต่จะยกข้อความภาษาอังกฤษในข่าวที่สื่อได้นําเสนอการให้สัมภาษณ์ มาให้อ่านและจะแปลบางช่วงให้
Australian jail time no barrier to cabinet post, “With this shocking ruling by the Constitutional Court, now all sorts of criminals convicted in foreign courts could run for a public office in Thailand without a worry. Crimes committed outside of the motherland, no matter how serious they are, don’t count in the Thai realm of justice.” แปลว่า SMH อ้างความเห็นของสุณัย ผาสุก ว่า “คําวินิจฉัยที่น่าตกใจยิ่งของศาลรัฐธรรมนูญนี้จะทําให้บรรดาอาชญากรทั้งหลายที่ถูกพิพากษาคดีในศาลประเทศอื่น สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ในประเทศไทยอย่างไร้กังวล อาชญากรรมที่คนเหล่านี้ก่อไว้ในต่างแดน ไม่ว่าจะร้ายแรงแค่ไหน ไม่มีความหมายในกระบวนการยุติธรรมของไทย”
นอกจากนี้ สื่อออสเตรเลียยังรายงานเรื่องคําตัดสินของศาลไทยพร้อมทั้งมีคําวิจารณ์พ่วงต่อด้วยว่า โจรที่ไหนก็เข้ามาทํางานการเมืองไทยได้ ถ้าไม่ได้ทําผิดในประเทศไทย ข่าวนี้เป็นกระแสดังไปทั่วโลกเพราะทุกประเทศก็ทราบกันดีว่าองค์การสหประชาชาติตระหนักถึงความสําคัญของปัญหายาเสพติด ที่จะต้องมีความจําเป็นในการร่วมมือระหว่างประเทศในการควบคุม จึงได้มีการจัดทําอนุสัญญาด้านยาเสพติดเพื่อให้สามารถนํามาใช้เป็นเครื่องมือ (Legal instruments) ในการควบคุมยาเสพติด ทําให้มีอนุสัญญาที่สําคัญเกิดขึ้นจํานวน 3 ฉบับ ซึ่งอนุสัญญาทั้ง 3 ฉบับนี้มีประเทศต่างๆ ได้ให้การยอมรับและเข้าเป็นภาคีแล้ว โดยการให้สัตยาบันเป็นจํานวนมาก และสําหรับประเทศไทยนั้น ในฐานะที่เป็นสมาชิกขององค์กรสหประชาชาติ จึงได้ร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญา 3 ฉบับข้างต้นแล้ว รายละเอียดสามารถไปสืบค้นดูได้จาก กฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับยาเสพติดในบทที่ 3
ดังนั้น เมื่อสิ้นสุดการอ่านคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่พ้นสภาพ ส.ส. เพราะเป็นการกระทําผิดในต่างประเทศ และถูกจําคุกด้วยคําวินิจฉัยของศาลต่างประเทศซึ่งไม่เกี่ยวกับศาลไทยจึงทําให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยมีศาลรัฐธรรมนูญตกเป็นจําเลยของสังคม แม้ว่าในคําวินิจฉัยศาลจะพยายามอ้างเหตุผลพร้อมทั้งตัวบทกฎหมายอย่างไรก็ตาม แต่ดูเสมือนหนึ่งว่าสังคมไม่ยอมรับ ผมเองไม่โทษศาลรัฐธรรมนูญและก็จะไม่โทษ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แต่ผมจะโทษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะปัญหาทั้งหมดเกิดจากท่านนายกฯ ไม่ใช่หรือที่รู้อยู่แก่ใจว่าเบื้องหลัง ร.อ.ธรรมนัสเป็นอย่างไร แต่ไม่สนใจกลับแต่งตั้งมาเป็นรัฐมนตรี
การกระทําเช่นนี้เท่ากับเป็นการดูแคลนประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และเมื่อเกิดกระแสสังคมต่อต้านทําให้ ร.อ.ธรรมนัสมีความจําเป็นต้องออกมาประกาศให้สังคมทราบผ่านสื่อเมื่อ 11 ก.ค. 62 ว่า “ผมคือเส้นเลือดใหญ่ เลี้ยงหัวใจรัฐบาล ผมกุมความลับ ดีลต่อรอง หากล้มผมได้รัฐบาลก็สั่นคลอน” น่าจะเป็นเหตุผลที่ท่านนายกฯ ต้องแต่งตั้งหรือไม่ ทั้งๆ ที่เคยประกาศว่าจะต่อต้านนักการเมืองเลวๆ ในทุกรูปแบบ ซึ่งท่านไม่ได้ให้คําจํากัดความว่า นักการเมืองเลวๆ ในความหมายของท่านคืออย่างไร แล้วในพรรคร่วมรัฐบาลมีหรือไม่
สรุปแล้ว ปัญหาทั้งหมดเกิดจากใคร เกิดจากท่านนายกฯ หรือไม่ และเมื่อมีปัญหาที่ต้องแก้ไข ท่านก็โยนให้องคก์รอิสระที่มีอยู่มาจัดการแทน ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่เว้น สังคมแตกแยกกันในเรื่องความคิด ซึ่งจะนําไปสู่วิกฤตศรัทธา คงจํากันได้ ที่ผมเสนอว่าต้องร่วมรัฐบาลด้วยความจริงใจ “ทําในสิ่งถูกให้เป็นถูกผิดให้เป็นผิด” ปัญหาจะแก้ไขได้ อย่าเห็นแก่การร่วมรัฐบาล ต้องเห็นแก่ประชาชนและประเทศชาติ วันนี้รัฐบาลมีปัญหามาก สังคมวิตก ภาคเอกชนก็แสดงความจริงใจที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องวัคซีนแต่รัฐบาลก็ปฏิเสธ ปัญหาต่างๆ รุมเร้า และยังไม่มีแนวทางชัดเจนที่จะแก้ไข การที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้ท่านนายกฯ ลาออกคงเป็นไปไม่ได้ เพราะท่านคิดว่าท่านไม่ผิด คิดว่าวิกฤตทั้งหมดเกิดจากวิกฤตโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องโควิด แต่คงไม่มีใครกล้าเตือนว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากตัวผู้นํา ทั้งๆ ที่ตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วที่สหรัฐอเมริกา “ผู้นําเปลี่ยน วิกฤตเปลี่ยน” ดังนั้น เมื่อฝ่ายค้านเรียกร้องให้ท่านนายกฯ ลาออกซึ่งท่านคงไม่ออก ท่านก็คงอยู่อย่างนี้ ทุกอย่างก็คงเหมือนเดิม เพราะพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นพรรคเดิม ก็คงคิดแบบเดิมๆ แนวทางที่จะแก้ไขปัญหาก็ไม่ชัดเจน ผมจึงขอเสนอสิ่งที่ผมเคยเสนอเอาไว้หลายครั้งว่า พรรคประชาธิปัตย์ควรใช้โอกาสนี้แก้ไขปัญหาของประเทศชาติ ด้วยการถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเปลี่ยนแปลงตามกลไกของระบอบประชาธิปไตย
ด้วยความนับถือ ลงชื่อ อันวา สาและ