xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ยื่นเจรจาระงับมาตรการตอบโต้ทุ่มตลาดน้ำตาลของเวียดนาม หวั่นเสียการตลาดคู่แข่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รองโฆษกรัฐ เผย ครม.ไฟเขียวยื่นขอเจรจาระงับการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดน้ำตาลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทยของเวียดนาม หวั่นเสียความสามารถในการแข่งขันและโอกาสทางการตลาดให้คู่แข่ง

วันนี้ (5 พ.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการยื่นขอเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงเพื่อระงับการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping : AD) และการอุดหนุน (Countervailing : CVD) สินค้าน้ำตาลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทย ในรูปแบบการกำหนดราคาขั้นต่ำ หรือโควตาภาษี ตามร่างกรอบเจรจาจัดทำความตกลงเพื่อระงับการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าน้ำตาลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทยกับเวียดนาม หลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามได้ประกาศเปิดไต่สวนเพื่อกำหนดมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าน้ำตาลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563

ทั้งนี้ เวียดนามกล่าวอ้างว่าผู้ส่งออกและผู้ผลิตน้ำตาลของไทยมีพฤติกรรมการทุ่มตลาดและได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลจนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่ออุตสาหกรรมภายในของเวียดนาม และเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวียดนามได้ประกาศผลชั้นต้น กำหนดให้ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนชั่วคราวสำหรับสินค้าน้ำตาลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทยเป็นระยะเวลา 120 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 โดยกำหนดอัตราอากรตอบโต้การอุดหนุนชั่วคราวในอัตราร้อยละ 4.65, อัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดชั่วคราวในอัตราร้อยละ 44.23 สำหรับสินค้าน้ำตาลทราย และอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดชั่วคราวในอัตราร้อยละ 29.23 สำหรับสินค้าน้ำตาลทรายดิบ ซึ่งการยื่นขอเจรจาครั้งนี้เพื่อจัดทำความตกลงเพื่อระงับการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าน้ำตาลที่เวียดนามจะประกาศผลการไต่สวนชั้นที่สุดภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2564 โดยจะต้องส่งข้อมูลภายในวันที่ 12 พฤษภาคม 2564

อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยไม่ดำเนินการใดๆ ในเรื่องนี้จะส่งผลกระทบดังนี้ คือ ประเทศไทยจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในเรื่องราคาจำหน่ายเนื่องจากสินค้าต้องเสียภาษีมากกว่าคู่แข่งในประเทศอาเซียน และจะสูญเสียโอกาสทางการตลาด เนื่องจากเวียดนามเป็นตลาดที่มีความต้องการนำเข้าน้ำตาลประมาณปีละ 700,000-800,000 ตัน และในระยะยาวเวียดนามยังมีความต้องการนำเข้าน้ำตาลทรายและผู้นำเข้าของเวียดนามน่าจะพิจารณาจากประเทศในอาเซียนก่อน เช่น มาเลเซีย หรือประเทศที่มีข้อตกลงทางการค้าด้วย เช่น ออสเตรเลีย เนื่องจากน้ำตาลทรายที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศกลุ่มนี้ยังมีความได้เปรียบด้านภาษีเมื่อเทียบกับประเทศนอกกลุ่ม แต่เวียดนามน่าจะพยายามขึ้นภาษีนำเข้าน้ำตาลทราย ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่บังคับใช้กับประเทศไทย ซึ่งอัตราภาษีอยู่ที่ประมาณ 40% ก่อนที่จะลดภาษีเหลือ 5% ภายใต้ข้อตกลงการค้าสินค้าของอาเซียนหรือ ATIGA เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายของตัวเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น