xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” ประสาน อสส.กทม.-สื่อ กู้ชีวิตผู้ติดเชื้อโควิดชาวบางบอนรายแรก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รสนา” โพสต์เล่าเหตุการณ์ช่วยชีวิตผู้ติดเชื้อโควิด-19 ชาวบางบอน กทม. หลังตรวจพบเชื้อที่ รพ.ย่านบางแค แต่ รพ.ไล่กลับบ้าน อ้างเตียงไม่พอ ต้องให้กินฟ้าทะลายโจรก่อน แล้วประสานเพื่อส่ง รพ.สนาม ธรรมศาสตร์ แต่ก็ยังต้องรอ จนสื่อช่อง 7 ได้สัมภาษณ์ผู้บริหาร สปสช.โรงพยาบาลที่ตรวจพบเชื้อจึงส่งรถมารับ ติง รพ.ควรมีจรรยาบรรณ อย่าคอยแต่หากำไรจากการฉีดวัคซีน แต่เกี่ยงตรวจเชื้อ-รับรักษา

วันนี้ (29 เม.ย.) เมื่อเวลา 01.10 น. น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา และผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ รสนา โตสิตระกูล เกี่ยวกับการลงพื้นที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในย่านบางบอน โดยมีรายละเอียดว่า

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 รุ่นน้องโทร.มาแจ้งว่าลูกชายเพื่อนไปตรวจเชื้อโควิดที่ รพ.ย่านบางแค เมื่อวันที่ 26 เมษายน ผลตรวจออกมาวันที่ 27 พบว่าติดเชื้อโควิด แต่ไม่มีเตียง ให้กลับบ้าน รุ่นน้องปรึกษาว่าควรทำอย่างไรดี เพราะเมื่อกลับมาบ้านสมาชิกในบ้านจะพลอยติดเชื้อไปด้วย ดิฉันได้แนะนำให้กินฟ้าทะลายโจรทันที และได้ส่งฟ้าทะลายโจรไปให้สมาชิกทั้งหมดในบ้านนี้ได้กินด้วย เมื่อวานนี้ดิฉันโทร.หา ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ว่า รพ.สนามของธรรมศาสตร์ว่าจะช่วยรับคนไข้รายนี้ได้ไหม ได้รับคำตอบว่ายินดี แต่ก็ต้องผ่านการส่งต่อจาก รพ.หลักก่อน ในกรณีที่ รพ.ที่ตรวจพบเชื้อไม่ได้ส่งต่อมาเอง ก็ต้องมารอคิวเข้า รพ.ธรรมศาสตร์ก่อน หากมีอาการน้อยจึงจะส่งตัวไปอยู่ รพ.สนามอีกที แต่ชีวิตของน้องกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความเป็นความตาย จะรอช้าไม่ได้เพราะเคยมีเคสที่พบเชื้อเสียชีวิตระหว่างรอเตียง ระหว่างนั้นน้องมีอาการแน่นหน้าอกมาก ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะแม้อายุน้อย แต่มีน้ำหนักมาก อาจเกิดโรคแทรกซ้อนฉับพลันแก้ไขไม่ทัน

ดิฉันจึงรีบโพสต์บทความเรื่องนี้ลงในเพจ และเฟซบุ๊ก ก็ปรากฏว่าวันนี้มี ส.ส.กทม.จากเขตบางบอนนำเครื่องช่วยหายใจไปให้ผู้ป่วยที่บ้าน และมีนักข่าวช่อง 7 ได้ไปสัมภาษณ์ผู้ป่วยตามรายละเอียดที่ดิฉันแจ้งไป และยังเกาะติดสัมภาษณ์ผู้บริหารของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งอาจเป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้เกิดการประสานงานจน รพ.ที่ตรวจพบเชื้อได้ส่งรถไปรับผู้ป่วยไปนอน รพ.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และข่าวช่อง 7 ก็จะนำเรื่องนี้มาออกข่าวดึกหลังละครคืนวันนี้ (28 เมษายน)


นับว่าน่ายินดีที่น้องคนนี้ได้ รพ.รักษาตัว ขอภาวนาให้ปลอดภัยหายป่วยในเร็ววัน ส่วนสมาชิกคนอื่นในบ้านที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมากเพราะอยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด ดิฉันแนะนำให้ไปตรวจเชื้อโควิดโดยเร็วด้วย แต่ระหว่างรอการตรวจก็ขอให้กินยาฟ้าทะลายโจรไปพลางก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อลุกลาม

ดิฉันนึกถึงกรณีของคุณกุลทรัพย์ วัฒนผล หรือพี่อัพ VGB เกมเมอร์รุ่นใหญ่ขวัญใจน้องๆ ชาวอีสปอร์ต ที่เป็นเหยื่อโควิดรายที่ 137 เมื่อวันที่ 23 เมษายน เพราะเหตุรอตรวจเชื้อถึง 5 วัน กว่าจะได้คิวตรวจเชื้อก็ลงปอดกว่า 80% อยู่ รพ.เพียง 2 วันก็เสียชีวิต ทั้งๆ ที่คุณอัพอึดเหมือน VAGABOND (พระเอกเกาหลีที่ดิฉันก็ชื่นชอบ) อายุก็เพียง 34 ปี ถ้าตรวจพบเชื้อเร็ว เข้า รพ.เร็ว วันนี้ก็คงยังมีชีวิตอยู่กับพวกเรา

ดิฉันจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนกรมควบคุมโรคมีทีมงานพิเศษที่เรียกว่าทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT-Surveillance and Rapid Response Team) ซึ่งเป็นระบบงานเฝ้าระวังสอบสวนโรค ป้องกันและควบคุมโรคที่รวดเร็วฉับไว โดยยึดหลักการของปรมาจารย์ระบาดวิทยา นพ.สุชาติ เจตนเสน ที่ว่า “อย่าปกปิดความจริง” เพราะจะทำให้การแก้ปัญหาหลงทาง เช่น ข้อสรุปแบบกำปั้นทุบดินที่ว่าผู้เสียชีวิตจากโควิดเกิดจากโรคประจำตัวนั้นควรจะเลิกใช้ได้แล้ว เช่นในกรณีของคุณกุลทรัพย์ วัฒนผล เป็นต้น โดยต้องหันกลับมายอมรับความเป็นจริงว่า สาเหตุของการตายมาจากระบบของการเฝ้าระวังและระบบการประสานความช่วยเหลือที่ขาดประสิทธิภาพ

ดิฉันต้องขอบคุณ สปสช.ที่ได้วางระบบการรักษาไว้ได้ดี แต่คงต้องกวดขันขอความร่วมมือจากโรงพยาบาลทั้งหลาย โดยเฉพาะ รพ.เอกชนใน กทม. ซึ่งมีจำนวนมากกว่า รพ.รัฐและมีความสำคัญมากในระบบการป้องกันโรค เช่น การฉีดวัคซีน การคัดกรองตรวจเชื้อเชิงรุก และที่สำคัญคือการรักษาชีวิตผู้ป่วยโควิด

ดิฉันไม่อาจเห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และของนักการเมือง หรือนักบริหารคนใดก็ตาม ที่เรียกร้องให้ยกเลิกหลักเกณฑ์ของ สปสช.ที่กำหนดให้ รพ.ที่ตรวจพบเชื้อต้องดูแลรักษาผู้ป่วยด้วย

การโยนความผิดบาปให้กฎข้อนี้ว่าทำให้ รพ.ทั้งหลายไม่กล้ารับผู้ป่วยนั้น ดิฉันเห็นว่าผู้ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลต้องทบทวนจรรยาบรรณและบทบาทหน้าที่ของสถานพยาบาลในยามที่เกิดวิกฤตโรคระบาด ซึ่งทุกโรงพยาบาลต้องร่วมมือกันอย่างครบวงจรทั้งในด้านการรักษาโรค และการป้องกัน หาก รพ.ใดไม่มีน้ำยาตรวจเชื้อหรือตรวจเชื้อพบแล้วไม่มีเตียง ก็ควรมีระบบประสานงานส่งต่อให้ไปตรวจเชื้อหรือขอเตียงจาก รพ.ที่มีความพร้อมกว่า ไม่ใช่ไสหัวคนไข้กลับบ้าน เพราะชีวิตมนุษย์ และชีวิตของผู้ป่วยเป็นสิ่งที่ประมาณค่ามิได้ ไม่ใช่เศษผักตบชวาที่โรงพยาบาลใดจะปัดออกไปได้ง่ายๆ เหมือนปัดสวะ

ดิฉันมิได้ตำหนิโรงพยาบาล แต่ขอเรียกร้องให้ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นในการบริหารระบบสุขภาพและความปลอดภัยที่ยึดถือเอาผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง มิใช่ว่าจะร่วมมือกันแต่เฉพาะด้านการฉีดวัคซีนที่ทำกำไร แต่เกี่ยงงานตรวจเชื้อ และไม่รับการรักษาผู้ป่วยโควิด แม้ว่าในขณะนี้ยอดตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิดของไทยอาจจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ แต่ชีวิตคนไม่ใช่ตัวเลข การตายของคนคนหนึ่ง ย่อมถือว่าเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงของพ่อ แม่ ลูก ญาติพี่น้อง และเพื่อนพ้องอันเป็นที่รักเป็นจำนวนมาก

ดิฉันเชื่อมั่นว่า การเสียชีวิตของเพื่อนร่วมชาติของเราในสงครามโรคระบาดจะไม่สูญเปล่า แต่จะเป็นอนุสติเตือนใจให้พวกเราที่โชคดียังมีชีวิตอยู่ในวันนี้ สามัคคีร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าเอาชนะสงครามโควิดครั้งนี้ให้จงได้ เหมือนทุกครั้งที่เคยชนะมาแล้ว




กำลังโหลดความคิดเห็น