xs
xsm
sm
md
lg

“เพจดัง” เผยโคตร Avenger สู้โควิด-19 หลัง “ประยุทธ์” ลาออก “โบว์” ชี้ ยึดอำนาจรอบ 3 “เด็ก พปชร.” โต้ไม่จริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ โคตรทีม Avenger สู้โควิด-19 ขอบคุณภาพ จากเฟซบุ๊ก The METTAD
เย้ยเจ็บมั้ยล่ะ? “เพจดัง” ขานรับไล่ “ประยุทธ์” เปิดโฉมหน้า “โคตรทีม Avenger สู้โควิด-19” ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น “โบว์” ชี้ “บิ๊กตู่” ยึดอำนาจรอบ 3 “เด็ก พปชร.” โต้ ไม่จริง! เป็นแค่การรวบอำนาจบางเรื่องชั่วคราว เพื่อ “เอกภาพ-ทันการณ์”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (28 เม.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ภาพ “โคตรทีม Avenger สู้โควิด-19” พร้อมข้อความ ระบุว่า

“ได้เวลาสนุกแล้วสิ”

ขณะที่ “เดอะ พิซซ่า เมตตาดี” โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“เผย โคตรทีม Avenger สู้โควิด-19
ถ้าฝ่ายค้านล้มรัฐบาลสำเร็จ
#แก้ไขตามคำเรียกร้อง”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ข้อความว่า

“พรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงจี้ “ประยุทธ์” ลาออก ตั้ง รบ.ชั่วคราว! ย้อนดู 3 ตัวเลือกมาเป็นนายกฯแทน-คนไทยรับได้หรือ?

#พรรคร่วมฝ่ายค้าน #ประยุทธ์จันทร์โอชา #รัฐบาลชั่วคราว

ทั้งนี้ ยังมีรายละเอียดว่า จากกรณีที่ วันนี้ (28 เมษายน 2564) พรรคร่วมฝ่ายค้านออกแถลงการณ์ นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก

เนื่องจากการบริหารประเทศเกือบ 7 ปีเต็ม ล้มเหลวสร้างปัญหาและผลกระทบต่อประเทศ รวมถึงสร้างความทุกข์ยากแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในวิกฤตการระบาดของ โควิด-19 ไม่สามารถจัดการ จัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีน และการฉีดวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประเทศไทยอยู่รั้งท้ายของภูมิภาค รวมถึงการบริหารจัดการเรื่องเตียง ทำให้ประชาชนนอนรอความตาย อีกทั้งรัฐบาลกลับเป็นต้นต่อการระบาดในหลายระลอก

ภาพ การประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก่อนออกแถลงการณ์ให้นายกฯ-ครม.ลาออก จากแฟ้ม
ขณะที่การบริหารด้านเศรษฐกิจตลอดระยะเวลา 7 ปี ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งประเทศที่ล้มเหลวและฟื้นตัวช้าที่สุดในโลก อีกทั้งยังล้มเหลวเรื่องการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนในประเทศ สนับสนุนพวกพ้อง ทำลายคนที่เห็นต่าง กับเห็นได้ชัดและสร้างความแตกแยกในสังคมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลอกลวงประชาชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อรักษาอำนาจ

นอกจากนี้ ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 แม้จะมีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่เคยเอาผิดใครได้ จนทำให้การทุจริตคอร์รัปชันในรัฐบาลนี้สูงสุดเป็น ประวัติกาล ความล้มเหลว ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ทุจริต เพื่อตนเองหรือพวกพ้อง และไร้ทิศทางในการบริหารราชการแผ่นดิน

หากปล่อยไปรังแต่จะสร้างความเสียหายให้ประเทศและประชาชนจนไม่สามารถที่จะกอบกู้กลับมาได้ กลายเป็นความเสียหายถาวรของประเทศ ทำให้ประเทศไทยพ่ายแพ้ต่อโรคระบาดโควิด-19 และเศรษฐกิจ

ดังนั้น เพื่อระงับความเสียหายที่เกิดขึ้นรัฐบาลควรยุติบทบาทในการบริหารประเทศด้วยการลาออกทันที เพื่อเปิดโอกาสให้มีรัฐบาลที่เป็นมืออาชีพ มีความรู้ความสามารถไม่ยึดติดกับอำนาจและผลประโยชน์เข้ามาบริหารประเทศ หากต้องการก้าวไปสู่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย มีความจำเป็นที่จะต้องตัดต้นตอของปัญหาที่ประกอบด้วยรัฐธรรมนูญปี 2560 และรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ขณะที่ นายพิธา เจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้พิสูจน์แล้วว่า ปัญหาประเทศที่ล้มเหลวอยู่ในขณะนี้ไม่ได้เป็นเพราะอำนาจหรืองบประมาณ แต่เป็นเพราะความล้มเหลวไร้ความสามารถของพลเอกประยุทธ์ จึงควรที่จะยุติบทบาทด้วยการลาออก และหลังพลเอกประยุทธ์ลาออกให้มีการจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 และแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากนั้นก็ยุบสภา

ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เปิดห้องสนทนาทางแอปพลิเคชันคลับเฮาส์ ได้นำเสนอแนวคิดในการบริหารธุรกิจในสถานการณ์โควิด ผ่านการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ

โดย นายธนาธร กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่หลายคนเริ่มพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการยุบสภาเกิดขึ้น โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า ต่อให้มีการยุบสภาเกิดขึ้น ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม หากยุบสภาเวลานี้ กว่าที่จะได้รัฐบาลใหม่ขึ้นมาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน อีกทางเลือกหนึ่งที่ผมเห็นว่า เป็นไปได้และเหมาะสมมากกว่า ก็คือ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต้องลาออก ให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ารับตำแหน่งแทน

อย่างไรก็ตาม ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2563 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้พูดถึงกรณีที่ว่า หาก พลเอก ประยุทธ์ ลาออก แล้วใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 และบทเฉพาะกาล มาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ 2560 รัฐสภาต้องให้ความเห็นชอบด้วยเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของรัฐสภา ให้ผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอยู่ 3 คน ที่เป็นที่น่าสนใจที่อยู่ในบัญชี นั่นก็คือ พรรคภูมิใจไทย ที่เสนอ นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคประชาธิปัตย์ เสนอ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่วนทางพรรคฝ่ายค้าน อย่างพรรคเพื่อไทย เสนอ นายชัยเกษม นิติสิริ

ภาพ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” จากแฟ้ม
ด้าน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทวีตในทวิตเตอร์ว่า

“การให้ ครม.โอนอำนาจให้นายกฯ คุมกฎหมายอีก 31 ฉบับ ทั้งที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ให้อำนาจล้นฟ้าทุกอย่างในการบริหารสถานการณ์รองจากกฎอัยการศึกแล้ว ถือเป็นการยึดอำนาจรอบที่สาม และไม่เกี่ยวกับโควิด”

เรื่องนี้ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว ว่า

เจตนารมณ์เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโอนอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีมาเป็นของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชาหรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือฟื้นฟู ช่วยเหลือประชาชนตามกฎหมาย 31 ฉบับ เช่น พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 พ.ร.บ.ยา 2510 และ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ 2561 เป็นต้น ซึ่งต้องขอบคุณรัฐมนตรีทุกกระทรวงให้ความร่วมมือมอบความไว้วางใจให้นายกฯ ในยามวิกฤติเช่นนี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่า จะเกิดประโยชน์ต่อสถานการณ์มากกว่า

ภาพ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ จากแฟ้ม
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ประกาศดังกล่าวไม่ใช่เป็นการไปยึดอำนาจจากรัฐมนตรีมา แต่เป็นการเสริมอำนาจให้นายกฯ ให้สามารถสั่งการเฉพาะบางเรื่องได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านรัฐมนตรีที่เป็นผู้รับผิดชอบกฎหมายแต่ละฉบับ ไม่ได้เป็นการตัดอำนาจรัฐมนตรี แต่เป็นการเสริมให้อำนาจนายกฯ สั่งการได้ด้วย ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าว เป็นความมุ่งมั่นรับผิดชอบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และตั้งใจเกาะติดการแก้ไขปัญหาด้วยลงรายละเอียดให้มีการบูรณาการแบบองค์รวม แทนที่จะสั่งการและบังคับบัญชารัฐมนตรีไปตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งอาจทำให้เสียเวลา ไม่ทันการณ์ การโอนอำนาจในครั้งนี้ทำให้นายกฯ สั่งการไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบได้โดยตรง จะทำให้การแก้ไขปัญหามีเอกภาพ เกิดผลเป็นรูปธรรม ใช้เวลารวดเร็วทันเหตุการณ์

“เป็นการทำงานเชิงรุก และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ในการเร่งรัดสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ได้อย่างทันการณ์ สะท้อนภาวะผู้นำของพล.อ.ประยุทธ์ที่ลงมือทำ มากกว่าพูด แตกต่างจากนักการเมืองบางคนที่เป็นนายกฯโซเชียล ถนัดพูดขายฝันสวยหรู แต่ไม่ยอมลงมือทำ ดีแต่อ้างว่า ไม่มีอำนาจรัฐ” น.ส.ทิพานัน กล่าว

แน่นอน, การเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้ยากที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ยังนับว่าน่าสนใจ ใครจะขึ้นมาเป็นนายกฯตามรัฐธรรมนูญ 2560 และคำถามที่คงจะดังกระหึ่มประเทศพร้อมกันก็คือ นี่ล่ะหรือ คือ คนที่จะมาแก้ปัญหาโควิดได้สำเร็จ เพราะถ้าไล่ดูรายชื่อ คนที่พรรคการเมืองใหญ่เสนอเอาไว้ ต่างก็ดูสง่าราศีแพ้ “ลุงตู่” อยู่หลายขุม

นับแต่ ถ้าพรรคภูมิใจไทย เปลี่ยนขั้วไปจับมือกับฝ่ายค้าน นายกฯคือ นายอนุทิน ลืมแล้วหรือ นายอนุทิน กำลังถูก “หมอไม่ทน” ล่ารายชื่อไล่ออกจากตำแหน่ง

และถ้าพรรคประชาธิปัตย์ เปลี่ยนขั้วบ้าง นายกฯคือ นายอภิสิทธิ์ ถามจริงๆ ว่า ถ้านายอภิสิทธิ์ ดีจริง ประชาชนนิยมจริง ทำไมประชาธิปัตย์จึงแพ้เลือกตั้งที่ผ่านมา?

ส่วนพรรคเพื่อไทย ที่เสนอ นายชัยเกษม ก็ดูเหมือน ไม่มีความน่าสนใจ ที่จะเป็นนายกฯได้

เพราะอะไรรู้หรือไม่ เพราะนายกฯคนใหม่ถูกตั้งความหวังเอาไว้อย่างอันสูงส่ง และต้องมีคุณสมบัติในการบริหารประเทศ เหนือกว่า พล.อ.ประยุทธ์ หลายเท่าในทุกด้าน จึงจะเป็นไปตาม ที่ นายธนาธร จุดประเด็นขึ้น กล่าวคือ แก้โควิด-19 ได้ แก้ปัญหาการเมืองเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ 60 ได้ แก้เศรษฐกิจได้ ในช่วงเวลาที่ทันสถานการณ์ด้วย โอ้โห..ต้องฝีมือขั้นเทพ หรือ แม้แต่ “เทพ” ก็อาจทำให้ไม่ได้

ที่สำคัญ 3 ชื่อดังกล่าว เป็นเบอร์ 1 ใน 3 คน ที่กฎหมายกำหนดให้เสนอได้ด้วย ชื่อรองลงไปก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า เหมาะสมหรือไม่?

หรือ จะใช้วิธีทางลัด ปฏิวัติ หรือวีธีนอกรัฐธรรมนูญ หรือ ยกเว้นบังคับใช้รัฐธรรมนูญ ก็ต้องบอกว่า เพิ่งด่าทหาร ด่าพวกฉีกรัฐธรรมนูญอยู่หยกๆ จะเอาอย่างนั้นหรือ เอาได้อย่างไรก็เรื่องใหญ่อีก

แล้วเมื่อไหร่ นายกฯจะได้โชว์ฝีมือแก้โควิด-19! ไม่อยากบอกว่า ถ้าเป็น “ธนาธร” คนไทยจะรับได้หรือไม่?

สุดท้าย ข้อเรียกร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้าน มันก็แค่สะใจที่ได้ปลุกกระแส “ไล่บิ๊กตู่” ได้ป่วนสถานการณ์ ไม่ให้มีสมาธิแก้ปัญหาหรือไม่ เพราะคนเหล่านี้ มี “วาระ” อยู่แล้ว ที่ต้องการให้ “บิ๊กตู่” ล้มเหลวในการแก้ปัญหาบ้านเมือง แล้วพวกเขาก็จะได้ประโยชน์

รวมทั้งถ้าวิเคราะห์ให้ดี มันไม่เพียงแค่ข้อเรียกร้องที่เลื่อนลอย หากแต่มัน “หลุดโลก” ไปไกลจนกู่ไม่กลับแล้ว หรือว่าไม่จริง!?


กำลังโหลดความคิดเห็น