“นพ ชีวานันท์” รองเลขาฯเพื่อไทย เชื่อ ศก.ไร้ทางฟื้น ตอก “ประยุทธ์-อนุทิน” เหลวแก้โควิดทั้งคู่ อย่าโยนบาปกันเอง เย้ยเก็บรายได้วืดเป้า ต้องลดงบฯปี 65 ซัด “ประยุทธ์” ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ แล้วยังเอาคนไม่รู้เรื่องมาบริหารอีก เชื่อไม่มีใครจะถอนเงินออมมาใช้จ่าย แนะสร้างความเชื่อมั่นให้คนนำเงิน มาลงทุน สร้างงาน-สร้างเงิน ตะเพิด “บิ๊กตู่” หยุดถ่วงประเทศ
วันนี้ (28 เม.ย.64) นายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา รองเลขาธิการ และ คณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า น่าเป็นห่วงเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มจะทรุดลงต่อไปอีก เศรษฐกิจไทยปีที่แล้วติดลบหนักถึง -6.1% ปีนี้ยังไม่มีทิศทางที่จะฟื้น เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายได้ไม่ถึง 2% และอาจจะต่ำลงได้อีก ถ้ารัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดได้ การระบาดในระลอกที่ 3 มีการระบาดอย่างหนักถึงวันละกว่า 2 พันกว่าคนมาหลายวันติดกันแล้ว จนเตียงในโรงพยาบาลเต็มหมดไม่สามารถรับผู้ติดเชื้อได้อีก ความเสียหายทางเศรษฐกิจพุ่งสูงมากถึงกว่า 450,000 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุมาจากสถานบันเทิงอโคจรที่มีข่าวว่าคนในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าไปเที่ยวจนเกิดการระบาดไปทั่ว แต่กลับไม่มีการชี้แจง และไม่มีการลงโทษ ซึ่งทำให้เกิดความเสื่อมเสียกระทบรัฐบาลอย่างมาก ยิ่งตอกย้ำความล้มเหลวในการบริหารในทุกด้าน ทั้งการความคุมการระบาดของไวรัสโควิด การบริหารจัดการวัคซีน และการบริหารเศรษฐกิจ
นายนพ กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนที่จะต้องมีการกระจายการฉีดให้ทั่วถึงเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อเปิดประเทศสำหรับการท่องเที่ยวและเปิดธุรกิจ โดยไม่ต้องกักตัว และการควบคุมการระบาดที่ล้มเหลว ทำให้มีการลงชื่อขับไล่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข แล้วกว่า 200,000 ชื่อ แต่ รมว.สาธารณสุข ได้ออกมาโยนความผิดให้ พล.อ.ประยุทธ์ โดยอ้างว่าทำทุกอย่างตามที่นายกฯสั่ง
“ความล้มเหลวและผิดพลาดนี้น่าจะเป็นความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ และ รมว.สาธารณสุข ร่วมกันทั้งคู่รวมไปถึง ครม.ทุกคนที่ไปเที่ยวสถานอโคจรที่ทองหล่อด้วย” นายนพ กล่าว
นายนพ กล่าวอีกว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการระบาดรอบ 3 ยิ่งไปซ้ำเติมความเสียหายทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์บริหารเศรษฐกิจล้มเหลวมาตลอดเกือบ 7 ปี การที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องจัดงบประมาณปี 2565 ลดลงถึง 1.85 แสนล้าน ทั้งที่ต้องเพิ่มเงินเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ และมีการกู้มากกว่าลงทุนหมายถึงต้องกู้มาใช้จ่ายกันแล้ว แสดงถึงความเสื่อมถอยและความล้มเหลวในการบริหารประเทศ จึงทำให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐไม่ได้ตามคาดหมายมาตลอด
“เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ และ รมว. กลาโหม ที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ยังคงไม่รู้เรื่อง และยังไม่รู้ตัว ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยทรุดต่ำลงอีก ประชาชนจะยิ่งลำบากกันอย่างมาก นอกจากนายกฯจะไม่มีความรู้ความชำนาญทางเศรษฐกิจแล้ว ยังเลือกบุคลากรที่ขาดความรู้ความสามารถ ขาดบารมี แย่ยิ่งกว่าทีมเศรษฐกิจเดิมของนายสมคิด (จาตุศรีพิทักษ์) ที่ว่าล้มเหลวแล้ว เข้ามาบริหารเศรษฐกิจ” นายนพ ระบุ
นายนพ กล่าวว่า ทุกวันนี้ประชาชนแทบจะไม่รู้เลยว่าแนวทางการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างไร มีแต่คิดแจกเงินสะเปะสะปะ แต่ไม่มีแนวทางการหาเงิน วันๆเอาแต่ขายฝันว่าจะมีนักลงทุนต่างประเทศจะเข้ามาลงทุน ทั้งที่ตลอดหลายปีตั้งแต่รัฐประหาร การลงทุนหดหายไปหมด แล้วเขาจะมาลงทุนในไทยทำไมตอนนี้ เพราะรัฐบาลไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้ ล่าสุด นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ยังออกมาเรียกร้องให้คนไทยนำเงินออมออกมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวให้ได้ 4% ซึ่งน่าจะเป็นแนวคิดที่แปลกประหลาด เหมือนกับรัฐบาลหมดหนทางที่จะฟื้นเศรษฐกิจแล้ว ทั้งนี้ เพราะในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่นี้ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เหลือเงินเก็บแล้ว ควักเงินเก็บมาใช้กันจนเกลี้ยงไม่เหลือแล้ว ส่วนใหญ่เป็นหนี้กันจนท่วมตัวแล้ว หนี้ครัวเรือนพุ่งขึ้นเกิน 90% ของจีดีพีแล้ว ส่วนคนที่มีเงินฝากเหลืออยู่ก็ต้องใช้อย่างประหยัดเพราะไม่รู้จะหาเพิ่มได้อีกเมื่อใด เศรษฐกิจจะฟื้นเมื่อใด ไม่มีความหวังเลยจากรัฐบาลนี้ ส่วนคนที่ร่ำรวยที่มีเงินเก็บมาก ก็จะไม่ใช้จ่ายในภาวะที่ประเทศมีความผันผวนเช่นนี้ ที่รัฐบาลไม่สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน นอกจากนี้หากคนรวยใช้เงินมากก็จะไปกระทบสภาพคล่องของระบบการเงิน ที่รัฐบาลกำลังจะต้องกู้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ อีกทั้งการใช้จ่ายดังกล่าวก็เกิดขึ้นแค่ชั่วคราว ไม่ได้สร้างให้เกิดรายได้ในอนาคต ซึ่งจะการพัฒนาจีดีพีอย่างถาวร
“รัฐบาลที่ดีควรจึงต้องสร้างความมั่นใจให้เกิด เพื่อให้คนที่มีฐานะดีมีความมั่นใจที่จะควักเงินออกมาลงทุนเพื่อสร้างงาน สร้างเงิน เพื่อเป็นรายได้สำหรับประเทศในอนาคต แต่เชื่อได้ว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หมดสภาพไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้อีกต่อไปแล้ว และล้มเหลวทุกด้าน ถึงขนาดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับเองว่ารัฐมนตรีใน ครม.ไปด่าและไปนินทาในที่การประชุมวงต่างๆ เวลาของผู้นำที่พิสูจน์ว่าล้มเหลวมาตลอดน่าจะหมดแล้ว ยิ่งอยู่นานประชาชนจะยิ่งลำบาก พล.อ.ประยุทธ์กลายเป็นปัญหาของประเทศไปแล้ว มาถึงขนาดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องรู้ตัว ต้องออกไปได้แล้ว อย่าถ่วงความเจริญของประเทศอีกต่อไปเลย” นายนพ กล่าว.