พักนี้มาถี่! “โทนี่-ปู” โผล่สิงคโปร์ “อัษฎางค์” แชร์ภาพมีคนส่งข่าว แง้ม นัดพบพลพรรคการเมือง? หลังแซะการแก้ปัญหาวัคซีนของ “ลุงตู่” พร้อมเสนอแนะนักธุรกิจสองค่ายใหญ่ช่วยเจรจารวมทั้งตัวเอง “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ขอ “อย่าจิตใจเน่า”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (25 เม.ย. 64) เฟซบุ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค ของนายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ โพสต์ภาพ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่” ชื่อใน “คลับเฮาส์” และ “ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พร้อมข้อความ ระบุว่า
“มีคนส่งข่าวว่า โทนนี่มาสิงคโปร์
ภาพถ่ายเมื่อวานนี้
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า มาเพื่อนัดพบกับพลพรรคด้วยจุดประสงค์ทางการเมืองแน่นอน
โดยมีการนัดแนะกับพลพรรคไว้เรียบร้อย”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 64 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นักโทษหนีคุก เผยกับบีบีซีไทยว่า กำลังเสนอกระทรวงสาธารณสุขไทยพิจารณาทดลองใช้ชุดตรวจเร็วโดยใช้สารคัดหลั่ง และเครื่องตรวจดีเอ็นเอในการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่รัฐบาลอังกฤษซื้อจากบริษัทของเขา
โดยนายทักษิณกล่าวจากนครดูไบ ผ่านแอปสนทนาคลับเฮาส์เมื่อ 20 เม.ย.ว่า คณะทำงานของเขาอยู่ระหว่างการประสานงาน ส่งชุดทดสอบนี้ให้สำนักงานอาหารและยา (อย.) ของไทยทดสอบ เพราะเป็นเครื่องมือแพทย์ ขณะเดียวกับก็กำลังยืนขอจดทะเบียนไปที่ สำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ เช่นกัน
“กำลังเตรียมการเข้ามาทดสอบดูก่อนว่า พอใจหรือไม่ เอาเครื่องอ่านมา 10 ตัว เครื่อง cartridge มาร้อยกว่าตัว เพื่อมาทดลองควบคู่กับการตรวจ PCR lab เพื่อให้ อย.ได้เห็นว่า สิ่งนี้ได้ผลเท่ากัน 100% เราก็มานั่งดูว่า ทางรัฐจะเอาอย่างไร มูลนิธิไทยคมจะบริจาคยังไง ค่อยว่ากันอีกที” นายทักษิณตอบคำถามของบีบีไทย
และวานนี้ (20 เม.ย.) นายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดคลับเฮาส์ Tony Woodsome อีกครั้ง โดยมีการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ฟังในการก้าวข้ามวิกฤตโควิด-19 ในระลอกของเดือนเมษายน
ช่วงหนึ่งของการสนทนา มีคำถามถึงการบริหารจัดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในประเทศไทย ว่ามีความล่าช้า ทั้งที่ฝั่งรัฐบาลย้ำมาตลอดว่า เป็นไปตามแผน นายทักษิณระบุว่า แผนจะเขียนอย่างไรก็ได้ พร้อมยกตัวอย่าง “ยูเออี” ที่มีวัคซีนทุกยี่ห้อ แถมยังให้ฟรี ทำไมไทยไม่สั่งและยังจำกัดเพียงแค่ 2 ยี่ห้อ ทั้งชี้ให้เห็นว่าหากรู้จริงจะเข้าใจว่า “แอสตร้าเซนเนก้า” มีผลข้างเคียงมากกว่ายี่ห้ออื่น
“ก็แผนใครกันล่ะ แผนจะเขียนยังไงก็ได้ คือ วางแผนและนิ่งไว้ ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น สรุปกรณียูเออี วัคซีนมีทุกยี่ห้อ แล้วให้ฟรี ทำไมเขาทำได้ ทำไมเราไม่สั่ง เราทำไมต้องจำกัดแค่ 2 ยี่ห้อ ถ้าเรารู้จริงจะเข้าใจว่า แอสตร้าเซนเนก้า จะมีผลข้างเคียงมากกว่ายี่ห้ออื่น ส่วนไฟเซอร์ และโมเดอร์นา มีปัญหาน้อยสุด ของจีนนั้นซิโนฟาร์ม ค่อนข้างใช้อย่างกว้างขวาง แต่เรากลับเลือกซิโนแวค”
“วันนี้ปัญหาคือ วัคซีนต้องมีเพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน ถ้าเกิดผลข้างเคียง ต้องนึกถึงอันตรายว่า ใครเหมาะสม ระยะยาว ผลข้างเคียงเราไม่รู้ ผมไม่เลือกซิโนฟาร์ม แต่วิธีของซิโนฟาร์มเป็นแบบเดิมที่ใช้กันมานาน เลยเลือกก่อน แล้วดูว่าเพิ่มไว้ได้แค่ไหน แล้วก็กินสังกะสี วิตามินซี กินอาหาร เพิ่มภูมิคุ้มกัน”
นอกจากนี้ “ทักษิณ” ยังกล่าวย้ำถึง “เสรีวัคซีน” ที่เปิดให้ภาคเอกชนสามารถนำเข้ามาได้ โดยรัฐบาลจะต้องเปิดช่องทางสนับสนุน
จากนั้น นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการแพทยสภา หนึ่งในผู้ร่วมสนทนา ถามความเห็นนายทักษิณว่า หากนายทักษิณอยากบริจาคหรือเจรจากับบริษัทวัคซีนเพื่อช่วยคนไทย เพื่อไม่อยากให้เกิดภาพแบบประเทศอิตาลี ที่ปล่อยผู้ป่วยรอความตายท่ามกลางการรองรับไม่พอ
“ทักษิณ” มองว่า ไม่จำเป็นต้องไปร่วมกับหลายประเทศ เพราะนักธุรกิจไทยหลายคนมีความสามารถและความสัมพันธ์มากพอที่จะไปเจรจากับบริษัทผลิตวัคซีน และแนะนำให้นักธุรกิจแต่ละคนไปช่วยกันเจรจา อีกทั้งยังเสนอตันเอง หากอยากให้ไปช่วยเจรจากับ “วลาดีมีร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซียก็ได้ ส่วนรัฐบาลหากได้วัคซีนมาต้องรีบกระจาย โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและร้านอาหาร
“สำหรับกรณีวัคซีน ผมว่าต้องไปร่วมกับหลายประเทศ นักธุรกิจหลายคนมีขีดความสามารถที่จะไปเจรจากับบริษัทผลิตวัคซีน เช่น จีน สิงคโปร์ รัสเซีย อย่างตะวันออกกลางใช้ซิโนฟาร์มเยอะมาก นักธุรกิจชั้นนำของไทยมีคอนเนกชั่นมากมาย ขอให้แต่ละคนช่วยกันเจรจาสิครับ”
“เช่น เจ้าสัวธนินท์ ขอให้ท่านไปช่วยเจรจากับประเทศจีน เจ้าสัวเจริญ ไปเจรจากับสิงคโปร์ หรือจะให้ผมไปช่วยคุยกับปูติน รัสเซียก็ได้ สรุปคือ รัฐบาลเองจะต้องตื่นตัวมากกว่านี้ พอได้มาก็รีบกระจายวัคซีน ไม่ใช่กระจุกอยู่ที่เดียว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและร้านอาหารต้องฉีดก่อน”
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอของทักษิณ ที่เสนอการแก้ปัญหาด้วยการให้ภาคเอกชนช่วยติดต่อ และทักษิณเสนอเป็นคนไปติดต่อวัคซีนของรัสเซียมาให้นั้นว่า อย่าเอาคำถามและเรื่องของคนที่ไม่อยู่ในประเทศนี้มาถามตนเอง “ผมไม่รู้จักและไม่รู้เรื่องของเขา”
ด้าน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก วันนี้ ระบุว่า
“อย่ามัวแต่โทษกัน
โควิดระบาดหนักพอแรงแล้ว อย่ามัวแต่ชี้หน้ากล่าวโทษ คนนั้นผิดคนนี้แย่ ดีกว่าไหม หากเราจะหันหน้ามาร่วมมือกัน กัดฟันสู้ฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน
ไม่มีประเทศใดในโลกปลอดพ้นจากภัยโควิด ไม่แม้แต่มหาอำนาจที่ว่าแน่ๆ ไทยสู้มาได้อย่างดีตลอดหนึ่งปี มันต้องมีความดี ทั่วโลกยกย่องในมาตรการต่อสู้ของไทย
ความผิดพลาดที่เกิดระบาดครั้งนี้
มาจากความบกพร่องการ์ดตกของคน ไม่ใช่จากมาตรการล้มเหลว
คนไทยมักชอบจับผิด ไม่ชอบยกนิ้วยอมรับว่า คนอื่นเก่งกว่า เล่นการเมืองแบบน้ำเน่า
เสียงเรียกร้องให้ลุงตู่ล็อกดาวน์อีกครั้ง เอาเฉพาะจังหวัดหรือพื้นที่ ที่ระบาดรุนแรง ลุ่งตู่ว่าไง ร่วมแรงร่วมใจกันอีกสักที
เชื้อโรคร้ายก็พอแรงแล้ว อย่าจิตใจเน่าเลย”
แน่นอน, สิ่งที่หลายคนจับตามองก็คือ การเคลื่อนไหวของนายทักษิณ หรือ โทนี่ โดยเฉพาะผ่าน “คลับเฮาส์” ซึ่งพักหลังมาถี่ มาแต่ละครั้ง หนีไม่พ้นแขวะ แซะ รวมทั้งโจมตีการบริหารประเทศของ “ลุงตู่” ขณะเดียวกัน ก็ “ยกตนข่มท่าน” พูด “เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้ลุงตู่” อย่างที่สุภาษิตไทย ว่าไว้ไม่ผิด อาศัยว่า เคยมีผลงานในยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู นโยบายประชานิยม เห็นผล ก็เลยพอเชื่อขนมกินได้
คำถามที่หลายคนอยากรู้คำตอบก็คือ ตกลงนายทักษิณ จะกลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่ จะกลับประเทศไทยอีกหรือไม่ กลับได้อย่างไร?
คำตอบจากคำถามเหล่านี้ น่าสะท้อนผ่านการเคลื่อนไหวที่เป็นอยู่ได้เหมือนกัน
นั่นคือ การที่ทักษิณจะกลับไทยได้ และได้กลับมาเล่นการเมือง ทางเดียวก็คือ มีการแก้รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้มีการนิรโทษกรรม จึงไม่แปลกที่ “ทักษิณ” จะพูดเสมอว่า ต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญ 60 และสนับสนุนทั้งม็อบ 3 นิ้ว และผลักดันในสภา
รวมทั้งสังเกตให้ดี ทุกครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกมรสุมการเมืองรุมเร้าจนเป๋ไปเป๋มา นายโทนี่จะมาทันที ก่อนที่จะได้ชื่อโทนี่ก็มาเหมือนกัน ช่วงที่ม็อบ 3 นิ้วเหมือนว่าวติดลมบน จนมีคนเชื่อมโยงว่า มีนักการเมืองลี้ภัยในต่างประเทศหนุนหลังม็อบ และเป็นท่อน้ำเลี้ยงใหญ่อีกท่อหนึ่ง ผสมโรงกับ “อีแอบ” บางคณะที่อยู่เบื้องหลัง จริงหรือไม่เจ้าตัวน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี
ช่วงนี้ก็เช่นกัน พล.อ.ประยุทธ์ เจอมรสุมโรคระบาดโควิด-19 ระลอกสาม จนเป๋ไปเป๋มา ครั้งนี้นอกจากคนในวงการบันเทิงเอาเชื้อมาแพร่แล้ว ยังมีข่าวว่ารัฐมนตรีบางคนก็เอามาฝากเหมือนกัน ขณะที่จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้เรื่องว่า เป็นมาอย่างไร ซึ่งถ้าเป็นคนธรรมดาจะถูกไล่บี้จนหนีไม่ออก กรณีอย่างนี้เข้าข่ายอุ้มกันเองหรือไม่ ก็ลองคิดดู
ที่สำคัญเมื่อการแพร่ระบาดลุกลามบานปลายไปกันใหญ่ เรื่องการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลประยุทธ์ก็กำลังถูกโจมตีอย่างหนัก โดยเฉพาะฝ่ายค้าน เวลานี้วิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก เพราะพูดอย่างไรก็ถูก เพราะรัฐบาลตอบสนองความต้องการเร่งด่วนไม่ทัน
ด้วยเหตุนี้หรือไม่ ที่ “ทักษิณ” มองเห็นแสงสว่างวูบวาบขึ้นมาทันทีว่าจะเดินเกมอย่างไรในช่วงนี้ และแน่นอน แม้ไม่สามารถตีให้ตายในทันทีได้ แต่การนวดไปเรื่อยๆจนตาย ก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์ของคนที่รอได้ และอดทนได้เหมือนกัน ถึงกระนั้นก็ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไปว่ามาสิงคโปร์เพื่ออะไรกันแน่!?