ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เปิดตัว 1 ใน 6 ลูกไฮโซ คลัสเตอร์ทองหล่อ “บอสคิว” ลูกเจ้าพ่อกาสิโน กับสัมพันธ์แนบแน่น “บิ๊กตำรวจ” ผู้ที่ ผบ.ตร.รู้จักดี
สองสถานบันเทิง “คริสตัล-เอมเมอรัลด์” อันเป็นต้นเหตุของ “คลัสเตอร์ทองหล่อ” ยังคงอยู่ในความสนใจของสังคม โดยเฉพาะเจ้าของที่แท้จริงคือใคร? ในประเด็นนี้แม้เงื่อนปมต่างๆ ค่อยๆ คลี่ชี้ตรงไปยัง เกียรติพงษ์ คำต่าย หรือ “อ๊อด มิยาบิ” ซึ่งปรากฏรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของคริสตัล และเอเมอรัลด์ โดยขณะนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ส่งหมายเรียกมาให้ปากคำในวันที่ 3 พ.ค.นี้แล้ว สิ่งที่หลายคนคาดหวังคือความเสียหายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะต้องมีผู้ชดใช้นั้น กำลังใกล้ความจริงเข้ามาทุกขณะ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ “ไอ้โม่ง” ตัวการสำคัญที่ช่วยสนับสนุนใช้อำนาจหน้าที่ร่วมรู้เห็นเป็นใจก็ต้องขุดคุ้ยกันต่อไป โดยเฉพาะหุ้นส่วนของ “มิยาบิ” ร่วมกับอ๊อด ที่มีชื่อ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. ช่วยราชการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งว่ากันว่าเป็นนายตำรวจผู้กว้างขวางคนหนึ่ง และเป็นมือเป็นไม้ให้กับ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอภิมหาสถานบันเทิงพันล้าน อันเป็นผู้กำเนิดตำนาน “คลัสเตอร์ทองหล่อ” หรือไม่?
เพราะเมื่อต่อ “จิ๊กซอว์” ชิ้นสำคัญแล้ว จะเห็นได้ว่ายังคงมีเงื่อนปมต่างๆ ให้ค้นหาโดยเฉพาะสถานบันเทิงคริสตัลคลับ นอกจากเป็นแหล่งหย่อนใจของนักการเมือง นักธุรกิจ และไฮไซแล้วยังเป็นที่รวมตัวของบรรดาผู้ประกอบการพนันออนไลน์รายใหญ่
โดดเด่นที่สุดคือ เครือข่าย “ตือ คอสโม่” หรือ “สมบูรณ์ สุขเจริญไกรศรี” นักธุรกิจค้าน้ำมัน และยังเป็นเจ้าพ่อกาสิโน โดยเป็นเจ้าของบ่อนหลายแห่งตามตะเข็บชายแดนไทย กับเพื่อนบ้าน อาทิ บ่อนสตาร์เวกัส ด้านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว กิจการบ่อนอีกแห่งที่ด่านผักกาด จ.จันทบุรี หรือบ่อนสตาร์เมียวดี ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นต้น
“ตือ คอสโม่” ถือเป็นเจ้าพ่อหมายเลข 1 ของจริงในบรรดาผู้ประกอบการสีเทา เส้นทางของเขาเริ่มจากการค้าน้ำมันมีโรงกลั่นที่ จ.เพชรบุรี แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก ช่วง “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี “เสี่ยตือ คอสโม่” ใช้วิธีเดินทางลัดอิงอำนาจรัฐในตอนนั้นแม้จะเข้าไม่ถึงตัวทักษิณ แต่สามารถเข้าถึงคนรอบๆ ตัวอดีตนายกฯ คือบรรดาเครือญาติ และ “พล.ต.อ.ชัจจ์ กุลดิลก” โดยทำธุรกิจร่วมกันในนามบริษัท อุทัยคำ มีชื่อ “สุรศักดิ์ สุขเจริญไกรศรี” ถือหุ้นร่วมกับนางวิมลรัตน์ กุลดิลก หรือ “เจ้อี่” ภรรยาของ พล.ต.อ.ชัจจ์ คนใกล้ชิดอำนาจในช่วงนั้นนั่นเอง นอกจากธุรกิจน้ำมัน บ่อนพนันรอบๆ ประเทศไทยแล้วยังมีที่ดินแปลงสวยจำนวนมากทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในธุรกิจบันเทิงยังเคยเปิดโรงเบียร์ฮอลแลนด์ ซึ่งปัจจุบันเลิกราไปแล้ว
สำหรับกิจการบ่อนพนันสตาร์เวกัส ของ “เสี่ยตือ คอสโม่” นั้นได้ขายกิจการให้กับกลุ่มธุรกิจกาสิโนประเทศอินโดนีเซียไปแล้วมูลค่าหลายพันล้านบาท และได้นำมาสร้างกาสิโนครบวงจรแห่งใหม่อยู่ไม่ไกลกันนัก ชื่อ “บ่อนแกแลคซี่” นอกจากการพนันปกติทั่วไปแล้วยังขยายฐานลุยตลาดบ่อนพนันออนไลน์ในทุกรูปแบบเช่นกัน โดยให้ “บอสคิว” ลูกชายเป็นผู้ดูแล ซึ่งในช่วงโควิดระบาด บ่อนพนันต่างๆ ในประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งบ่อนแกแลคซี่ของเสี่ยตือได้รับผลกระทบอย่างหนัก ต้องปิดตัวลงตามคำสั่งรัฐบาลฮุน เซ็น แต่ยังมีบ่อนออนไลน์รองรับและมีรายได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่าทั้งที่ทางการไทยมีนโยบายกวาดล้างอย่างจริงจัง แต่ทำไมบ่อนออนไลน์ในเครือข่ายของ “ตือ คอสโม” ซึ่งมักจะใช้ชื่อพ่วงท้ายว่า “แกแลคซี่” มีทั้งบาคาร่า ป๊อก รูเล็ต เกมชิงโชค หวยใต้ดินทุกประเภท ทั้งหวยไทย หวยฮานอย หวยลาว หวยจับยีกี จึงยังลอยนวลไม่มีหน่วยงานใดไปแตะต้อง โดยเฉพาะศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.)
คำตอบอยู่ที่ “เสี่ยคิว” มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ “บิ๊กตำรวจ” นายหนึ่งที่มีบทบาทอย่างสูงในกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ เป็นที่รู้กันในวงการบ่อนออนไลน์ว่าช่วง “เปิดตัว” ของหน่วยงานดังกล่าวจะมีการระดมกวาดล้างอย่างจริงจังเว้นให้เพียงเครือข่ายบ่อนออนไลน์ของ “ตือ คอสโม่” ยังคงเปิดบริการมอมเมาประชาชนคนไทยตามปกติ
และเชื่อกันว่า “6 ลูกไฮโซ” ที่มาใช้บริการใน “คริสตัลคลับ” จนเกิดเป็น “คลัสเตอร์ทองหล่อ” นั้น 1 ใน 6 คือ “เสี่ยคิว” ลูกชาย “เสี่ยตือ” คนนี้นี่เอง โดยว่ากันว่า 6 ลูกไฮโซ เปิดห้องวีไอพี 7 พร้อมกับน้องๆ คอยบริการจำนวนหนึ่ง
สำหรับประวัติหุ้นส่วนมิยาบิ ของ “อ๊อด มิยาบิ” ที่มีชื่อ พันธนะ นุชนารถ หรือ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. ที่สังคมต้องการความกระจ่างชัดนั้น เป็น นรต.รุ่น 48 ชื่อเล่น “เม่น” แต่เพื่อนๆ ชอบเรียก “เม่นใหญ่” เพราะป้องกันความสับสนเนื่องจากมีเพื่อนร่วมรุ่นชื่อ “เม่น” เช่นเดียวกันคือ พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ปัจจุบันเป็น ผบก.สส.บช.น. เส้นทางรับราชการล้วนอยู่ในพื้นที่เกรดเอทั้งสิ้น เป็นนายตำรวจที่มีความใกล้ชิดกับ “บิ๊กเม่น” พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น อดีตนายตำรวจคนดัง เคยเป็น ผกก.สส.จังหวัดชลบุรี เป็น ผกก.ท่องเที่ยว จ.ขอนแก่น คุมภาคอีสาน เป็นต้น และการขึ้นมาเป็น ผบก.สืบสวน สตม. นับว่าไม่ธรรมดา มีอำนาจเปิด-ปิดด่านต่างๆ รวมทั้งด่านชายแดนทั่วประเทศ
งานนี้สายแข็งกันทั้งนั้น ทั้งลูกไฮโซ ลูกเจ้าพ่อบ่อนกาสิโนที่แนบแน่นกับ “บิ๊กตำรวจ” ที่ ผบ.ตร.รู้จักดีอีกต่างหาก นาทีนี้ก็ไม่ต้องถามกันแล้วละว่า เหตุใดสถานบันเทิงย่านทองหล่อจึงเปิดได้ โดยไม่ได้อยู่ในโซนนิ่ง ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าเรื่องคลัสเตอร์ทองหล่อนี้จะจบลงอย่างไร
แน่นอนว่า “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.” ต้องเป็นผู้ให้คำตอบแก่สังคม
** “บิ๊กปั๊ด” สั่งสอบกราวรูด พล.ต.ท.ถึง ส.ต.ต.249 นาย บกพร่องปล่อยให้มีบ่อนภาคตะวันออกต้นตอแพร่โควิด เรื่องเกิดตั้งแต่ต้นปีจะมาฟิตสอบอะไรกันตอนนี้ หรือเพื่อกลบกระแส “คริสตัลคลับ” ที่ทำท่าจะลามไปถึง “บิ๊กตำรวจ” ระดับสูง
กรณี “บ่อนระยอง” ของ “หลงจู๊สมชาย” ที่แพร่เชื้อโควิดกระจายลามไปจังหวัดใกล้เคียง ทั้งชลบุรี จันทบุรี ตราด รวมทั้งกรุงเทพฯ ด้วย กลายเป็นกระแสสังคมกดดันให้รัฐบาลต้องออกแอ็กชัน เพราะเป็นที่รับรู้กันว่า “บ่อนภาคตะวันออก” นั้น อยู่ใต้ร่มเงาของตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
ทำเอา “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ก้นร้อน ต้อง “สละเบี้ยเพื่อรักษาขุน” ทยอยสั่งย้ายผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 รวมทั้ง “ผู้การ” ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด และตั้งกรรมการสืบสวน โดยมี “พล.ต.ท.มโนช ตันตระเธียร” จเรตำรวจ (สบ 8) เป็นประธานกรรมการฯ
ซึ่งต่อมา “พล.ต.ท.มโนช” ได้สรุปรายงานผลการสืบสวนไปเมื่อ 10 มี.ค. 64 ว่ามีบ่อนการพนันที่บริเวณพื้นที่หลังสถานีขนส่ง (ขนส่งเก่า) จ.ระยอง จริง และยังมีบ่อนการพนันบริเวณพื้นที่ตลาดนำชัย หรือร้านนำชัย และร้านเฉลิมกรุง พัทยาเหนือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่เริ่มลักลอบเปิดบ่อนการพนัน จนเป็นเหตุให้มีการแพร่เชื้อโรคโควิด กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ
ผลการสืบสวนยังพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าวว่ามีส่วนร่วม หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ซึ่งถือว่ามีความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปรามอบายมุข
ล่าสุด “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้ลงนามคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพิ่มเติมไปเมื่อ 2 เม.ย. 64 โดยมีข้าราชการตำรวจ ที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยครั้งนี้ มีตั้งแต่ระดับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (พล.ต.ท.) รองผู้บัญชาการฯ ผู้การจังหวัด ไปจนถึงลูกแถวยศสิบตำรวจตรี จำนวน 249 นาย โดยคำสั่งดังกล่าวมีการระบุชื่อ ยศ ตำแหน่ง ของผู้ที่ถูกสอบทั้งหมดด้วย
เช่น พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม, พล.ต.ท.วีระ จิระวีระ, พล.ต.ท.ธีระพล จินดาหลวง, พล.ต.ท.ณพวัฒน์ อารยางกูร, พล.ต.ต.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร, พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์, พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์, พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์, พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์, พล.ต.ต.ประกาศ พงษ์พานิช, พล.ต.ต.ฉลอง สุขจันทร์, พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย, พ.ต.อ.พรชัย แก่นเพชร, พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์, พ.ต.อ.เมฆาวิศ ประดิษฐ์ผล, พ.ต.อ.พัฒนา ปรีชานันท์, พ.ต.อ.พีระพงษ์ เหล่าธนาวิน เป็นต้น
หลังมีการเผยแพร่คำสั่งดังกล่าวออกไปก็มีคำถามตามมาว่า เหตุเกิดตั้งแต่ปลายปี 63 ต่อเนื่องต้นปี 64 ทำไม “บิ๊กปั๊ด” เพิ่งจะมาฟิตสั่งสอบเอาตอนนี้
หรือเป็นเพราะต้องการกลบกระแส “คลัสเตอร์ทองหล่อ” แหล่งแพร่เชื้อโควิดระลอกใหม่ที่กำลังลุกลาม สร้างความเสียหายไปทั่วประเทศในขณะนี้ ที่ตำรวจต้องรับไปเต็มๆ!!
เพราะ “คริสตัลคลับ” ต้นตอแพร่เชื้อ และร้านอาหารที่ “อ๊อด มิยาบิ” ดูแลอยู่นั้น ปรากฏว่ามีชื่อ “พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ” ผบก.สส.สตม.เป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย ... ซึ่งต่อมา พล.ต.ต.พันธนะ ยอมรับว่าเป็นหุ้นส่วนร้านอาหารจริง แต่ก็ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “คริสตัลคลับ”
ขณะเดียวกันก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้าง หึ่งไปทั้ง สตช.ว่า พล.ต.ต.พันธนะ นั้นเป็น “เด็กนาย” มีความสนิทสนมรับใช้ใกล้ชิดกับ “บิ๊กสีกากี” ในระดับสูงขึ้นไปอีก
การสั่งสอบตำรวจ 249 นายครั้งนี้ จึงน่าจะเป็นปฏิบัติการ “สละเบี้ยเพื่อรักษาขุน” อีกครั้งหนึ่ง!!