หากินผิดกฎหมายต้องยอมเป็นทาสตำรวจ!!?? ตะลึง!!ลีลารีดส่วยสุดแยบยลมีไว้รองรับ วีไอพี.ขี้เหนียว เทียบกรณีบ่อนตะวันออก ผบ.ตร.ล้างทั้งบางแต่รอบนี้แค่ละครตบตา
เรียกว่ายิ่งสาวยิ่งเจอ ยิ่งขุดยิ่งพบพิรุธกรณี “คลัสเตอร์ทองหล่อ”โดยสถานบริการผับเถื่อนผิดกฎหมาย “คริสตัล “และ”เอมเมอรัล”กลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19 จนลุกลามไปทั่วประเทศในขณะนี้แม้กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยพล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 ลงนามคำสั่งย้าย พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ ซึ่งเป็นลูกเขยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร.และมีศักดิ์เป็นหลานเขย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พี่ใหญ่ในแวดวงอำนาจและทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในรัฐบาลแต่ดูเหมือนว่าคำสั่งย้าย หรือดำเนินคดีกับ 2 ผจก.เพื่อหวังดับกระแสนั้นยังคงมีการขยี้ข่าวอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดพบว่ามีรายชื่อหุ้นส่วนคนหนึ่งเป็นนายตำรวจใหญ่แม่ว่าจะเป็นในส่วนของร้านอาหารญี่ปุ่นแต่ต้องนับว่าอยู่ในเครือข่ายจนเกิดเป็นประเด็นใหม่ขึ้น
จากการตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้นบริษัทกินซ่า เอ แอนด์ ที จำกัดพบว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือนายเกียรติพงษ์ คำต่าย หรืออ๊อด มิยาบิ มากถึง 44% มูลค่า 1,760,000 บาทและพบว่ามีชื่อนายพันธนะ นุชนารถ ร่วมถือหุ้นด้วย 15% มูลค่า 600,000 บาทโดยชื่อหุ้นส่วนรายนี้ตรงกับ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม ต่อมาเมื่อมีผู้สอบถามเจ้าตัวจึงยอมรับว่าเป็นคนเดียวกันแต่เป็นผู้ถือหุ้นในส่วนของร้านอาหารญี่ปุ่นเท่านั้นไม่เกี่ยวกับคริสตัลผับที่เกิดเรื่อง
ประวัติพอสังเขปของนายตำรวจผู้นี้เป็น นรต.รุ่น 48 รับราชการวนเวียนอยู่ในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกระทั่งล่าสุดรับตำแหน่ง ผบก.สส.สตม ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดปรารถนาของตำรวจทุกคนแต่ถึงกระนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ยังขอยืมตัวไปทำหน้าที่ชุดเฉพาะกิจที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ ซึ่งก่อนหน้ามีผลงานกวดล้างบ่อนพนันออนไลน์อย่างหนักแต่ต่อมาค่อยๆ ซาไปโดยมีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาทำนองว่ามีตำรวจใหญ่อักษรย่อ “ ม.ใหญ่”เป็นคนรับหน้าเสื่อเคลียร์บ่อนพนันออนไลน์ทุกชนิดและบางครั้ง หากมีการเลี้ยงรับรองแขกวีไอพี.ที่ประสงค์เที่ยวดื่มกินแต่ไม่ประสงค์ออกค่าใช้จ่ายก็จะเรียกบรรดาเจ้าของบ่อนพนันออนไลน์มาเป็นเจ้ามือจ่ายให้อย่างไม่อั้นโดยทุกครั้งจะมาที่ผับ-เลาจน์ ชื่อดังในซอยทองหล่อ ประมาณว่าไม่ยอมให้เม็ดเงินตกหล่นกระเด็นไปที่อื่นแม้แต่บาทเดียว
มาถึงตอนนี้คงจะมีคำถามว่าการที่ตำรวจน้อยใหญ่ของ สน.ทองหล่อ ปล่อยปละละเลยให้มีสถานบริการเถื่อนผุดขึ้นในท้องที่ตลอดซอยทองหล่อ หรือสุขุมวิท 55 ทะลุไปจนถึงถนนเอกมัย กระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ลุกลามไปทั่วทั้งประเทศสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน และเป็นการเผชิญหน้ากับสงครามไวรัสล้างโลกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนการดำเนินคดีกับ 2 ผจก.ซึ่งก็ทราบกันดีว่าเป็นเพียงแพะโดยละเว้นเจ้าของตัวจริง ซึ่งในวันนี้ปรากฏชัดแล้วว่าเป็นใครสังคมไทยจะยอมให้ผู้มีอำนาจบงการซ้าย ขวาตามอำเภอใจหรือ นอกจากนั้นการสั่งย้าย พ.ต.อ.ดวงโชติ หรือที่สื่อประชดว่าเป็นราชบุตรเขย ราชหลานเขยไปแขวนไว้ชั่วคราวที่ บก.น.5 นั้นเหมาะสมเพียงพอต่อความบกพร่องหรือไม่เนื่องจากไม่เพียงปล่อยให้มีสถานบริการเถื่อนเท่านั้นแต่ยังไม่นำพาว่าในช่วงรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันโรคติดต่อในฐานะเจ้าหน้าที่บ้านเมืองผู้บังคับใช้กฎหมาย ผับ บาร์ หรือเลาจน์เถื่อนดังกล่าวยังเปิดบริการเกินเวลาจนใกล้สว่างของวันใหม่ เป็นแบบนี้ต่อเนื่องมานานหลายเดือนกระทั่งถูกไวรัสโควิด-19 ประจานความเหลวแหลก
เมื่อเทียบเคียงกับกรณีการแพร่ระบาดในบ่อนพนันภาคตะวันออกช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา คราวนั้นยังมีกรณีแรงงานต่างด้าวที่ จ.สมุทรสาคร แต่ก็ยังไม่หนักหนาเหมือน “คลัสเตอร์ทองหล่อ”แบบเทียบกันไม่ติดแต่พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ใช้วิธีเชือดอย่างถึงพริกถึงขิง ถึงลูกถึงคนมีการทยอยสั่งย้าย พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์ ผบก.ภ.ระยอง พล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.ชลบุรี พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตต์กุล ผบก.ภ.จันทบุรี และพล.ต.ต.เสถียร บุญค้ำ ผบก.ภ.ตราด ซึ่งต่อมายังสั่งย้ายพล.ต.ท.จีระ จิรวีระ ผบช.ภ.2 ซ้ำยังให้สอบเอาความผิดทางวินัยร้ายแรงพ่วงด้วยความผิดทางอาญา ส่วนนายสมชาย จุติกิตติ์เดชา หรือหลงจู้สมชาย ถูกดำเนินคดี”เพียบ”ทั้งเปิดบ่อน ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฟอกเงินและขุดคดีจ้างวานฆ่ามาเป็นของแถม ขณะที่นายทุนตัวจริงของผับอิทธิพลกำลังจะลอยนวลต่างกันราวฟ้ากับเหว