อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ โต้เพื่อไทยยันโมเดล ศบค.มีเอกภาพ แก้ปัญหาจากผู้เชี่ยวชาญ มั่นใจมาตรการรัฐบาลสู้โควิด ย้ำด้านเศรษฐกิจมีอัดฉีดมาตรการเยียวยา ทั้งปล่อยกู้ซอฟต์โลนผู้ประกอบการ ขยายเวลาเราชนะ ดันคนละครึ่งเฟส 3 เตรียมตำแหน่งงานรองรับว่างงาน
วันนี้ (22 เม.ย.) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เรื่อง การแก้ไขปัญหาวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และฟื้นความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน แนะให้ลดการบริหารงานแบบรวมศูนย์มีความล่าช้า ว่า การบริหารจัดการแบบศูนย์บริหารสถานการณ์ทำให้มีความเป็นเอกภาพ และสามารถจัดการปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จ จึงคลี่คลายปัญหาได้อย่างรวดเร็วอย่างที่ปรากฏในการระบาดในระลอกแรก ในขณะที่การรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกนี้เน้นควบคุมเข้มข้นในกลุ่มจังหวัดที่แบ่งโซนสี เพื่อให้เศรษฐกิจโดยรวมยังเดินต่อได้อีกด้วย ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจากภาคเอกชนและความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนอย่างดี
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า แสดงความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลมีความพร้อมในการดูแลพี่น้องประชาชน ในเรื่องของอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ที่มีกระแสข่าวว่า ขาดแคลน โดยเฉพาะยาฟาวิพิราเวียร์ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิดนั้นยังมีสำรองอยู่ 3.4 แสนเม็ด อยู่ระหว่างเร่งนำเข้ามาในเดือน เม.ย.-พ.ค.จำนวน 2 ล้านเม็ด เดือน พ.ค.-มิ.ย.จำนวน 1 ล้านเม็ด เดือน มิ.ย.- ก.ค.จำนวน 5 แสนเม็ด ฉะนั้น จะสำรองยา 3.5 ล้านเม็ดให้ได้เร็วที่สุด ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค.ได้สั่งการให้จัดหาพร้อมสำรองเตียงรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มให้มีเกือบ 30,000 เตียง พร้อมสร้างระบบอำนวยความสะดวกให้ขยายเตียงเพิ่มได้ อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลสนามในจังหวัดต่างๆ เฉพาะ กทม. 4 แห่ง 1,200 เตียง และยังมีโรงพยาบาลสนามในมหาวิทยาลัยต่างๆ 12,000 เตียง ที่สำคัญโรงพยาบาลทุกเครือข่ายได้ร่วมกันขยายเตียงไอซียูเพิ่ม 50-100% หากผู้ป่วยมีจำนวนมาก อาจจัดตั้ง “ไอซียูสนาม” ซึ่งเตรียมการไว้ตั้งแต่การระบาดระลอกแรก และยังเตรียมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอีก 2-3 ยี่ห้อ จำนวน 35 ล้านโดส ซึ่งทำให้จะมีวัคซีน 100 ล้านโดสเพื่อฉีดให้คนไทยภายในสิ้นปีนี้
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดนั้น พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 (พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ) ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา 10 เม.ย. 64 จะประกอบด้วย 2 มาตรการ คือ มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู) และมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ (โครงการพักทรัพย์ พักหนี้) เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจ พร้อมกันนี้ ยังจัดโครงการสร้างรายได้ด้วยแฟรนไชส์ฝ่าโควิด-19 ระหว่าง พ.ค.-ธ.ค. 64 เพื่อสร้างอาชีพให้ผู้ว่างงาน กระตุ้นธุรกิจแฟรนไชส์ และ SMEs ขนาดเล็ก ในขณะที่โครงการช่วยเหลือต่างๆ ยังเดินหน้าตามแผนเดิม แต่ปรับให้เหมาะสมกับสถานกาณ์ เช่น โครงการเราชนะ ที่ขยายเวลาใช้สิทธิเพิ่มอีก 1 เดือน จนถึง 30 มิ.ย. 64 และยังมีโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และภาคการท่องเที่ยว ได้แก่ คนละครึ่งเฟส 3 เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทยอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเตรียมตำแหน่งงานว่าง 200,000 อัตรา เพื่อแก้ปัญหาคนว่างงาน และดูแลผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดสถานประกอบการให้ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยโควิด-19 โดยลูกจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวันรวมกันไม่เกิน 90 วัน
“ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา พรรคเพื่อไทยสามารถช่วยสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจและเพื่อประโยชน์ของประชาชนได้ทันที และอยากขอพรรคเพื่อไทยในช่วงนี้ให้งดรับข่าวสารที่บิดเบือนผ่านทางโซเชียลต่างๆ หากต้องการข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ครอบคลุมและเพียงพอ สามารถรับฟังจากการแถลงข่าวของ ศบค. แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ และข้อมูลจากภาครัฐ เพื่อที่พรรคเพื่อไทยจะได้นำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปบอกต่อประชาชน” น.ส.ทิพานัน กล่าว