พรรคเพื่อไทยออกจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง “การแก้ไขปัญหาวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และฟื้นความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน”ระบุว่า กราบเรียน นายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.
การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สร้างผลกระทบอย่างหนักต่อคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทย ต่อเนื่องยาวนานเกินกว่า 1 ปี ก่อเกิดปัญหาสุขภาพ ลุกลามสู่วิกฤตด้านต่างๆ โดยเฉพาะวิกฤตเศรษฐกิจที่สร้างปัญหาปากท้องให้กับคนไทยอย่างแสนสาหัส และที่สำคัญ ขณะนี้ยังไม่มีทีท่าว่าสถานการณ์จะทุเลาเบาบางจนสามารถวางใจได้ว่าประชาชนคนไทยจะกลับมามีวิถีชีวิตปกติได้
พรรคเพื่อไทย ตระหนักและห่วงใยพี่น้องประชาชน ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการระดมความคิดเห็นและประสานความร่วมมือในการช่วยกันคลี่คลายวิกฤต บรรเทาปัญหาและผลกระทบ เพื่อคืนความเชื่อมั่นและความหวังให้พี่น้องประชาชน ที่จะต้องเผชิญผลกระทบทั้งด้านสุขภาพและเศรษฐกิจปากท้องที่จะเป็นปัญหาใหญ่ตามมาในอนาคต
พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคการเมืองที่มาจากประชาชน ขอปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนของพี่น้องประชาชน นำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่างๆ ของสังคมที่มุ่งหวังที่จะให้เกิดประโยชน์กับการแก้ไขปัญหา เรียกร้องนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการ ศบค. แสดงความชัดเจนในแนวทางแก้ไขปัญหาและทางออกจากวิกฤตครั้งนี้ เพื่อคืนชีวิตและความหวังให้กับพี่น้องประชาชน ดังนี้
1. ขอให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับประชาชนในมิติของการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ครอบคลุมและเพียงพอ ซึ่งในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ ความจริงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ สร้างความตระหนัก ลดความตระหนกในหมู่ประชาชน ขณะเดียวกันควรลดการสื่อสารที่มุ่งมิติทางการเมือง เพื่อปกป้องตัวเองหรือมีลักษณะที่เป็นการโยนความผิดให้ประชาชน เพื่อลดความไม่ไว้วางใจและความไม่เชื่อมั่น โดยเฉพาะในขณะนี้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการจัดหาและกระจายวัคซีนอันเป็นปัจจัยหลักสำคัญในการแก้ไขวิกฤต รัฐบาลควรมีความชัดเจนในแผนการจัดหาวัคซีนที่มีความหลากหลายและเพียงพอต่อสถานการณ์ และมีแผนการกระจายวัคซีนที่รวดเร็ว ทั่วถึงและง่ายต่อการเข้าถึงของพี่น้องประชาชนมากที่สุด พร้อมกำหนดกลุ่มเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้เหมาะสมกับสภาพสังคมไทยและเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนที่มีความพร้อมเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด
2. ให้ความสำคัญกับการเร่งคลี่คลายอุปสรรคและแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน รวมทั้งเปิดช่องทางให้เกิดการกระจายหน้าที่ความรับผิดชอบให้หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมให้ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา อันจะเป็นหนทางที่จะนำพาประเทศให้พ้นจากวิกฤตได้ดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด พร้อมทั้งลดการบริหารงานในลักษณะรวมศูนย์ ทำนองเดียวกับการจัดการปัญหาความมั่นคง ที่ทำให้การแก้ไขปัญหาล่าช้า ไม่ทันต่อสถานการณ์
3.ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วในทุกด้าน ความรู้ใหม่เกิดขึ้นทุกนาที ทำให้ภาระหนักตกอยู่กับภาครัฐ โดยเฉพาะการจัดการข้อมูล ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในการบันทึกและรวบรวมข้อมูล เพื่อที่จะสามารถวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
ในสถานการณ์วิกฤต พรรคเพื่อไทยและสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่มีอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด เพื่อฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน ด้วยความมุ่งหมายที่จะให้มีการแก้ไขปัญหาและแสวงหาทางออกที่ดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด ลดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ฟื้นฟูเศรษฐกิจ คืนชีวิตและอนาคตที่ดีให้กับคนไทยอีกครั้ง