ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ติดโควิดโชว์จนกลายเป็นเทรนด์!! “ดารา-นักร้อง-ดีเจ-ยูทูปเปอร์ดัง” รัฐมนตรีเสี่ยงเป็นโหล-ตำรวจก็งอมกันระนาว เทศกาลสงกรานต์ก็ตัวใครตัวมันดีที่สุด
โควิดระลอกใหม่ ลามเร็วและแพร่กระจายในวงกว้าง แค่ใน กทม.นี่ก็พบผู้ติดเชื้อรวม 267 ราย (3-6 เม.ย.) มีทั้งพนักงาน คนมาเที่ยว และผู้สัมผัสเสี่ยงที่มีความเชื่อมโยงกับสถานบันเทิงหลายแห่งกระจายใน 9 เขต จากสถานบันเทิง 22 แห่ง
ไม่เฉพาะแต่กรุงเทพฯ ดูอย่าง “คัลเลอร์” ที่ภูเก็ต “วอร์มอัพ” ผับดังของเชียงใหม่ ก็เป็นแหล่งที่มีผู้ติดเชื้อถ้วนทั่ว เรียกว่า “คลัสเตอร์สถานบันเทิง” เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ สร้างปัญหาให้สังคมอย่างใหญ่หลวง
ขณะที่ผู้ที่ตรวจพบเชื้อตอนนี้มีจำนวนมากที่เป็นคนดัง เดี๋ยวคนนั้นติด คนนี้ติด กลายเป็นเทรนด์ใหม่ ใครที่ติดโควิดจะโชว์สเตตัสกันอยู่บนโลกออนไลน์เป็นรายชั่วโมงกันเลยทีเดียว
ก่อนหน้ามีนักร้องดัง “แสตมป์ อภิวัชร์” ก็ตามมาด้วย “กัสจัง” ดาราสาว ค่าย “นาดาว” ก็วุ่น ผู้บริหารติดโดวิดต้องปิดค่ายกักตัวนักแสดง ดีเจชื่อดัง “เพชรจ้า” ที่ออกงานร่วมกับพริตตี้ก็ติด ขณะที่วงการยูทูปเปอร์ดัง “ไวท์ สอดอ” และ “แก้ม Gamgy” บิวตี้บล็อกเกอร์ ก็พบติดเชื้อ
ขณะที่ในวงคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ระทึกไม่แพ้ชาวบ้าน นำโดย “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม ตรวจพบเชื้อโควิดต้องแอดมิตที่โรงพยาบาล ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่จัดว่าเสี่ยงต้องเข้าคอร์สกักตัว เรียงหน้ามาตั้งแต่ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา “ตรีนุช เทียนทอง” รมว.ศึกษาธิการ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.เกษตรและสหกรณ์ “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช” รมช.ศึกษาฯ “น.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์” รมช.ศึกษาฯ “มนัญญา ไทยเศรษฐ์” รมช.เกษตรฯ “วีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” รมช.คมนาคม “อธิรัฐ รัตนเศรษฐ” รมช.คมนาคม กว่า 12 คน
... นี่เป็น ครม.ที่นับเป็นปรากฏการณ์กักตัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นพร้อมกันคราวเดียวจำนวนมากแบบนี้ ดูๆ แล้ว “ลุงตู่” คงจะต้องอยู่อย่างเหงาๆ ไปอีกพักใหญ่
ในจำนวนกลุ่มคนติดโควิดเที่ยวนี้ ยังมีตำรวจติดตามรัฐมนตรี และในพื้นที่ สน.ทองหล่อ อีกนับสิบๆ นายที่ตรวจพบติดเชื้อ และกว่า 24 คนต้องกักตัว
คนดังที่ว่ามาก็ส่วนหนึ่ง และตามไทม์ไลน์ที่ยังเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงยังรอผลตรวจอยู่อีกจำนวนมาก ก็คาดว่าแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน
มาถึงตรงนี้ จากผับ บาร์ เลานจ์ดังย่านทองหล่อ ผับดังในต่างจังหวัด อย่าง “คัลเลอร์” ภูเก็ต หรือ “วอร์มอัพ” เชียงใหม่ จุดที่เหมือนกันที่ทำให้เกิดซูเปอร์สเปรดเดอร์ ก็คือ การอยู่ร่วมกัน สัมผัสกันใกล้ชิด นัวเนียกันแบบก็ไม่น่าประหลาดใจ แต่อย่างที่รู้ๆ กัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าสถานบันเทิงเหล่านี้เสี่ยงมาก แต่ก็ถูกผ่อนคลาย ละเลยกันโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ... รอจนเกิดเรื่องก็ค่อยมาเข้มงวด ซึ่งทุกครั้งก็ตามด้วยมาตรการคุมเข้มที่เหมารวม “ร้านอาหาร” สถานบริการ ที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย คนที่เดือดร้อนและน่าเห็นใจก็คือ คนกลุ่มธุรกิจร้านอาหารเหล่านี้ ผลกระทบที่จะตามมาที่ผ่านมาก็แทบสิ้นเนื้อประดาตัวกัน พอใกล้ๆ จะฟื้น ยิ่งเทศกาลสงกรานต์ใกล้จะเข้ามาถึง แทนที่จะเป็นโอกาสสร้างรายได้ ประกอบกิจการดีบ้าง ก็ต้องมาลุ้นใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ รัฐจะเอาอย่างไร เหมารวมอีกมั้ย?
ดูๆ แล้วแนวทางการจัดการของรัฐก็น่าจะอิลักอิเหลื่อ เหลือทางให้ทำไม่มาก จะล็อกดาวน์ก็กลัวกระทบท่องเที่ยว กระทบเศรษฐกิจ ขอประชาชนการ์ดอย่าตก แต่ดูอย่างรัฐมนตรี สถานบันเทิงที่เป็นต้นตอแพร่เชื้อคราวนี้ก็รู้ว่า “เอาไม่อยู่” มาตรการป้องกัน การตรวจตราให้เป็นไปตามมาตรฐานการควบคุมโรคหย่อนยาน ความไว้วางใจภาครัฐ แทบจะพึ่งพาไม่ได้แล้ว
ทางเดียวทางรอดที่จะหยุดการแพร่เชื้อในเทศกาลก็คงมีหนทางเดียว คือ “หยุดอยู่บ้าน” หยุดการเคลื่อนที่ของประชาชน แต่จะทำได้หรือ? นั่นคือคำถาม
งานนี้ดูแลรักษาตัวเอง ตัวใครตัวมันดีที่สุด
** “ชัชชาติ-บิ๊กแป๊ะ” เต็ง 1 เต็ง 2 ผู้ว่าฯ กทม. เจอแผนเตะสกัดดาวรุ่ง ทั้งจากระดับ ผอ.เขต ยันไปถึงผู้นำชุมชน ไม่รู้ว่า “บิ๊กวิน” ผู้ว่าฯ กทม.ตัวจริง จะรู้บ้างหรือไม่
แม้ว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ก็คาดหมายกันได้ว่าอีกไม่นาน อย่าช้าที่สุดก็ไม่เกินช่วงปลายปีนี้ จับสัญญาณได้จากความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ ทั้ง ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย และก้าวไกล ก็เริ่มจัดทำนโยบาย วางแผนหาเสียงกันอย่างคึกคัก เพียงแต่ยังไม่เปิดตัวผู้สมัครออกมาเท่านั้น ...ส่วนพลังประชารัฐ ชัดเจนจากปาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคแล้วว่าจะไม่ส่งผู้สมัคร
แต่ในส่วนของผู้สมัครอิสระที่เปิดตัวลงพื้นที่มาข้ามปี ก็มี “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” บุรุษที่แกร่งสุดในปฐพี อดีต รมว.คมนาคม ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และล่าสุด “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อสัปดาห์ก่อน พร้อมสโลแกน “ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมสร้าง สะอาด ปลอดภัย แก้ปัญหาฉับไว”
เมื่อประกาศตัวออกสตาร์ทแล้วก็ต้องลงพื้นที่หาเสียง แนะนำตัวเสนอนโยบาย อยู่ใกล้ชิดประชาชน ประกอบกับผลโพล บอกว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร แต่เต็ง1 และ เต็ง 2 ก็ยังเป็น “ชัชชาติ” และ “บิ๊กแป๊ะ” แถมยังบอกว่าจะเลือกผู้สมัครอิสระมากกว่าผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมือง ก็เลยทำให้ทั้งคู่มีกำลังใจในการลงพื้นที่หาเสียง ...
แต่แล้วทั้ง “ชัชชาติ” และ “บิ๊กแป๊ะ” ก็ต้องเจอแผน “เตะสกัดดาวรุ่ง” จากเจ้าหน้าที่ กทม. ตั้งแต่ระดับ ผอ.เขต ยันไปถึงผู้นำชุมชน... ปัญหาที่เจอคล้ายๆ กัน นั่นคือไม่ได้รับความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นการขอใช้สถานที่ การนัดรวมกลุ่มคนในชุมชน กระทั่งการอำนายความสะดวกเรื่องการจราจร
จนมีการตั้งข้อสังเกตกันว่า คนเหล่านี้ที่เป็นข้าราชการ อาจเกรงใจผู้ว่าฯ กทม.ตัวจริงที่ยังอยู่ในอำนาจ อย่าง “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมืองจึงไม่กล้าทำอะไรที่ดูล้ำเส้น จนอาจถูกตำหนิได้ ... ที่สำคัญคือยังไม่มีความชัดเจนจาก พล.ต.อ.อัศวิน ว่าจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ แม้จะพอรับรู้รับทราบมาบ้างแล้วว่า “บิ๊กวิน” มีความสนใจที่จะ “สานงานต่อ”
ดังนั้น ทางทีดีต้องใช้วิชา “รู้รักษาตัวรอด” ไว้ก่อน แบบว่าไม่ขัดขวาง แต่ก็ไม่สนับสนุน ไม่อำนวยความสะดวก เพราะยังไม่มีสัญญาณชัดลงมา จึงกลายเป็นว่าเมื่อวางเฉยก็เหมือนไม่ให้ความร่วมมือ
ไม่รู้ว่า “บิ๊กวิน” จะได้ยินได้ฟังเรื่องเหล่านี้บ้างหรือไม่ หรือถ้าได้ยินแล้วก็น่าจะมอบนโยบายลงไปให้ชัดว่าคนของ กทม.ทำอะไรได้แค่ไหนอย่างไร เพื่อเป็นการส่งเสริมบรรยากาศการเลือกตั้งในครั้งนี้ให้มีความโปร่งใส ไม่ให้มีข้อครหา หรือเข้าใจผิดว่าเป็นแผน “สกัดดาวรุ่ง” เป็นการใช้วิชามารของผู้ครองอำนาจ