ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เละตุ้มเป๊ะ!! โควิดระลอกใหม่ จากคลัสเตอร์ทองหล่อ “น้องฟ้าใส แสนดี” ดาวดังผับไฮโซ “คริสตัล” รับติดเชื้อ -นักร้องดัง “แสตมป์” ถึง รมต.ลุง วงแตก แห่กักตัวกันวุ่น
เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เมื่อวาน (6 เม.ย.) ที่พุ่งขึ้นมากว่า 250 ราย แล้วก็น่าเป็นห่วง นี่ไม่ต่างอะไรกับหนังสยองม้วนเก่าวนมาฉายซ้ำ โดยเฉพาะ “คลัสเตอร์ทองหล่อ” สถานบันเทิงที่เป็นต้นตอหลัก สร้างปัญหามาตั้งแต่ครั้งแรกๆ ยังต่อเนื่องถึงการระบาดระลอกใหม่นี้ ที่ระบุว่า มีถึง 118 รายเข้าไปแล้ว
เรียกว่า “สถานบันเทิง” ทำให้ผวากันต่อเนื่อง มีนักเที่ยวทุกวงการที่ไปเที่ยวแล้วนำไปแพร่ระบาดต่อเป็น “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” อย่างแท้จริง
ที่เป็นไวรัลแชร์กันให้ว่อน ก็ต้องยกเคส “น้องฟ้าใส แสนดี” พีอาร์สาวดาวดังของ “คริสตัล คลับ” ที่ได้ออกมาโพสต์ ยืนยันผลการตรวจหาเชื้อโควิด ว่า ตัวเองติดเชื้อไปเรียบร้อย
“ฟ้าใส” ได้โพสต์ขอโทษหลังตรวจติดเชื้อ พร้อมเปิดไทม์ไลน์เที่ยว 3 ผับดังในย่านทองหล่อ-สีลม-รัชดาฯ และยังขอใครอยู่ใกล้ หรือสัมผัสฟ้า ก็ขอให้รีบไปตรวจ
โพสต์ของเธอทำเอานักเที่ยวหนาวๆ ร้อนๆ กันไปเป็นแถว รวมไปถึงกลุ่มที่ไปเที่ยวชมงาน “มอเตอร์โชว์” ซึ่งตอนหลังเช็กไทม์ไลน์แล้ว “พริตตี้” ดาวดังไม่ได้ไปร่วมงาน แต่ก็ต้องถือว่า อย่างน้อยๆ “ฟ้าใส” ก็ยังรับผิดชอบต่อสังคม
นาทีนี้ ผับชื่อดังที่ปรากฏในไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อ คงไม่มีที่ไหนจะเทียบเท่าผับที่ชื่อว่า “คริสตัล คลับ” ซึ่งว่ากันว่า เป็นอัครสถานบันเทิงใหญ่ใจกลางกรุง แหล่งดึงดูดกลุ่มลูกค้าเกรดพรีเมียม ทั้งไฮโซ นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ รวยระดับพันล้าน หมื่นล้าน และล่าสุด ก็ตามข่าวที่ลือกันว่า แม้แต่คนใหญ่คนโต ระดับรัฐมนตรีก็มาเที่ยวด้วย
จุดเด่นของ “คริสตัล คลับ” ว่ากันว่า สาย EN ใครต่อใครต้องมาเที่ยวก็เพราะเป็นแหล่งรวม “พริตตี้” “โคโยตี้” สาวสวยจำนวนมาก ที่ในมุมของคนทำมาหากินในอาชีพนี้ แม้จะเสี่ยงสูงแต่ด้วยรายได้ที่สูง จ่ายกันวันต่อวัน การันตีตั้งแต่ วันละ 3,000-10,000 บาท ไม่นับดื่ม ดริงก์ละ 300-340 บาทอีกต่างหาก ก็ต้องไขว่คว้าไว้ เป้นเรื่องที่พอเข้าใจได้
ถัดมาอีกราย นักร้องดัง “แสตมป์” อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ได้ไปเล่นดนตรีในงานที่ รร.แกรนด์เซนเตอร์พอยท์ ทองหล่อ และเปิดเผยว่า ผลตรวจพบว่าตัวเองติดเชื้อโควิด และขอกักตัว 14 วัน พร้อมยกเลิกงานทั้งหมด
จากนี้ สิ่งที่ต้องถามดังๆ ไปยังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ คือ จะจัดการปัญหาของสถานบันเทิงอย่างไร ?
แน่นอนว่า สถานบันเทิงกับการแพร่ระบาดที่ซ้ำซากนี้ สิ่งที่รัฐบาลทำได้อย่างมาก ก็คือ การสั่งปิดชั่วคราว 14 วัน จากนั้นก็กลับมาเปิดกันใหม่
เรื่องจะจัดระเบียบคุมเข้มกันจริงๆ จังๆ ก็ทำแบบลูบหน้าปะจมูก ต้องไม่ลืมว่าสถานบันเทิงในอีกด้านหนึ่งก็เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ “ส่วย” สีกากี มาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะที่ทองหล่อ
ถ้าจะสังคายนากัน ก็ฝากไว้ด้วยให้ช่วยๆ ขจัดที่ต้นตอของการเปิดเกินเวลา แหล่งมั่วสุม พวกผับเส้นใหญ่ ไม่รับผิดชอบสังคมเพราะว่าได้ตำรวจคุ้มครองนั่นแหละ
ว่ากันว่า นอกจากผลประโยชน์จากส่วยแล้ว ตำรวจยังเป็นลูกค้าขาประจำของสถานบันเทิงเหล่านี้ ดื่มกินเที่ยว มีส่วนลดพิเศษเหนือลูกค้าทั่วไป... เรื่องนี้วาน “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร. ลองเช็กกำลังพลของ สตช.สักนิดว่า มีตำรวจติดโควิดจากสถานบันเทิงระลอกนี้แล้วกี่คน
แว่วว่า เฉพาะที่ “คริสตัล คลับ” ที่เดียวก็ติดกันหลายคน ทั้งที่ไปเที่ยวเอง และติดตามดูแลผู้ใหญ่ที่ไปเที่ยว
โควิดระลอกใหม่ ถึงวันนี้เรียกว่าลามไปทั่วทุกหัวระแหง ตั้งแต่ประชาชน คนบันเทิง คนทุกวงการ เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่เว้นแม้แต่ คณะรัฐมนตรีของลุงตู่ เห็นว่า มี รมต.เริ่มกักตัวเพื่อรับผิดชอบกับสังคม หลังสงสัยตัวเองจะสัมผัสกับคนอยู่ในข่ายเสี่ยง
ดังเช่น “ตรีนุช เทียนทอง” รมว.ศีกษาฯ ที่ประกาศขอกักตัวเป็นคนแรกๆ เพราะมีคนติดเชื้อโควิด มาอวยพรกับตำแหน่งรัฐมนตรี ขณะที่ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯที่ร่วมประชุมกับ “รมว.ตรีนุช” ก็ขอกักตัวด้วย ตามด้วย “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม ที่หน้าห้องติดเชื้อ แม้ผลตรวจของตัวเองจะไม่พบเชื้อ แต่เพื่อความสบายใจจึงขอกักตัวตามมาตรฐาน ศบค.
งานนี้ เละตุ้มเป๊ะ จริงๆ
** ดรามา “ลุงป้อม” แจกขัน “โอ๊ค” โดดงับ สุดท้ายย้อนกลับไปโดน “แม้ว-ปู” เต็มๆ
ต้นเรื่องมาจากที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันก่อน ที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เตรียมขันน้ำพลาสติก 2 แสนใบ ให้กับ ส.ส.เขตของพรรคนำไปแจกประชาชนในพื้นที่ ไว้รดน้ำดำหัว เป็นที่ระลึกในช่วงเทศกาลสงกรานต์...ขันน้ำที่ว่านี้ พิมพ์ชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” และข้อความ “สุขสันต์วันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย” มีทั้งหมด 3 สี เขียว น้ำเงิน ม่วง
เรื่อง “บิ๊กป้อม” แจกขันกลายเป็นประเด็นดรามาในโซเชียลฯ เพียงชั่วข้ามคืน วิพากษ์วิจารณ์กันหลายแง่มุม บ้างก็มองว่าอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง บ้างก็ค่อนแคะว่าคิดใหม่ไม่เป็น คอยทำเลียนแบบ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่เคยแจกขันสีแดงเมื่อหลายปีก่อน
ในแง่ของกฎหมายเลือกตั้งนั้น ลุงป้อมแจกขันถือว่า “ไม่ผิด” เพราะขณะนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงที่มีการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง จะแจกเสื้อ แจกปฏิทิน ก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่าถ้าแจกในนามพรรค ให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ต้องลงบัญชีแจ้ง กกต.ด้วยเท่านั้นเอง ... ประเด็นที่ว่าด้วยเรื่องผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็เลยซาลง
แต่คนที่มาเพิ่มความร้อนแรง “เรื่องลุงป้อมแจกขัน” ในมุกใหม่ ไอเดียกระฉูด คือ “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ที่โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ว่า...เทศกาลสงกรานต์ลุงถือโอกาสแจกขัน แนะนำอาชีพใหม่ให้คนไทย #เนียนนะลุง คนไทยเคยทำมาค้าขาย พอลุงยึดอำนาจ เปลี่ยนเป็นขายรถ ขายบ้าน ขายที่ ขายสมบัติเก่ากินกันเป็นแถว... อยู่มา 7 ปี ลุงแจกขันทีนึง 2 ล้านใบ หากอยู่จนครบเทอม คนไทยถือขันกันทั้งประเทศ แล้วใครจะเป็นคนหยอดเงินครับลุง !!
แบบว่าตั้งใจกระแหนะกระแหน “ลุงป้อม” แจกขันให้คนไทยไว้ใช้ “ขอทาน” แถม “โอ๊ค” กลัวคนไม่เก็ต เลยโพสต์ภาพตัดต่อจากหนังจีน ที่มี “โจว ซิงฉือ” แต่งตัวเป็นขอทาน ถือขันลุงป้อมประกอบไปด้วย
คราวนี้ “ทัวร์” เลยมาลงที่ “โอ๊ค” อย่างจัง บ้างก็ว่าอิจฉาลุงป้อม หาประเด็นมาสร้างความแตกแยก ดูถูกคนไทยว่าเป็นขอทาน ทั้งที่ยุค “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ก็เคยแจก “ขันแดง” ในช่วงสงกรานต์ด้วยเช่นกัน
คราวนั้น “ขันแดง” ยุคทักษิณ พิมพ์ข้อความข้างขันว่า “สุขสันต์วันสงกรานต์ปีใหม่ 2559” และ “แม้สถานการณ์จะร้อน ขอให้พี่น้องได้รับความเย็นจากน้ำ ผ่านขันใบนี้ด้วยครับ” กำกับด้วยลายเซ็นของ ทักษิณ ชินวัตร
ถ้าอย่างนั้น ที่ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” แจกขัน ก็คงมองคนไทยเป็นขอทานเหมือนกัน !!
นอกจากนี้ ยังมองว่า “ขันแดง” ก็เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง ที่สร้างความแตกแยกเหมือนกัน เนื่องจากครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มทบ.33 ได้เชิญตัวชาวบ้าน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ที่ได้รับแจกขันแดง มาสอบ แล้วส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ปิง อ.เมืองเชียงใหม่ แจ้งข้อหาผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา116 "ยุยง ปลุกปั่น" นำตัวส่งศาลทหาร มีการขยายผลยึด “ขันแดง” จาก ส.ส.ภาคเหนือ ภาคอีสาน อีกเป็นหมื่นใบ
ช่วงนั้น “ทักษิณ” ถึงกับควันออกหู โพสต์ข้อความในอินสตาแกรมว่า ... ขันน้ำอันไม่กี่บาท เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกวันสงกรานต์ ผมจะต้องทำของมาแจกทุกปีอยู่แล้ว แจกมาเป็นสิบๆ รอบ ไม่เห็นเคยมีปัญหาทำให้ความมั่นคงของชาติ จะสั่นคลอนไปแต่อย่างใด...”
ดรามาแจกขัน ที่ “โอ๊ค” โดดลงมาร่วมปั่นกระแส หวังแขวะ “ลุงป้อม” เลยกลายเป็นเรื่องขบขัน แกมสมเพช เพราะสุดท้ายคนที่โดนไปเต็มๆ กลับเป็น “พ่อและอา” ของตัวเอง