“จักรพล” รองเลขาฯ เพื่อไทย ไม่สนนายกฯใช้อำนาจตีตกร่าง กม.อากาศสะอาดฯ ประกาศดันฉบับใหม่เข้าสภาสมัยประชุมหน้า วาง 5 กรอบ จัดการปัญหาหมอกควันเพื่อความยั่งยืน ใครได้รับผลกระทบต้องเยียวยา ใครสร้างมลพิษต้องจ่าย
วันนี้ (6 เม.ย. 64) ที่พรรคเพื่อไทย นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ให้การรับรองร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาดเพื่อประชาชน พ.ศ… ที่พรรคเพื่อไทยเสนอ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 63 ว่า นายกฯให้เหตุผลว่า สาระของร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ไปเสริมใน พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ แทน แต่พรรคเพื่อไทย เห็นว่า พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ยังมีความจำเป็นเพื่อเป็นหลักประกันสิทธิอากาศสะอาดของประชาชน โดยพรรคเพื่อไทยจะรวบรวมรายชื่อ ส.ส.เพื่อนำเสนอร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ นำเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการเปิดสมัยประชุมสมัยสามัญช่วงเดือน พ.ค. 64 ที่จะถึงนี้
“เราจะผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ อย่างสุดความสามารถเพื่อขับเคลื่อนการจัดการปัญหาหมอกควันอย่างเป็นรูปธรรม รวดเร็ว ครบถ้วน ตรงประเด็น เพื่อความยั่งยืนของการจัดการปัญหาสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนไทย” นายจักรพล กล่าว
นายจักรพล กล่าวต่อว่า ปัจจุบันปัญหาหมอกควันเป็นปัญหาใหญ่ที่ภาครัฐควรหยิบยกขึ้นมาถกในระดับชาติ เพราะปัญหานี้มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง ไม่เพียงเฉพาะประชาชนในเขตภาคเหนือ กระทั่งในพื้นที่ภาคใต้ก็ประสบปัญหาหมอกควันมาแล้วหลายครั้งเช่นกัน ดังนั้น พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคการเมืองของประชาชน ยืนยันจะจัดทำร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ฉบับพรรคเพื่อไทย โดยมีหลักการสำคัญ 5 ประการคือ 1. เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิอากาศสะอาดของประชาชนไทย 2. เน้นการคิดและขับเคลื่อนจากความร่วมมือและสร้างอำนาจของภาคประชาชนอย่างเต็มที่ ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม และรับทราบข้อมูลรวมถึงการแก้ไขปัญหา 3. กำหนดบทบังคับให้มีการทดแทน ชดเชย และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม 4. หลักการผู้ก่อมลภาวะต้องชดใช้ราคา โดยมีสาระผู้สร้างมลพิษเป็นผู้จ่าย และผู้สร้างอากาศบริสุทธิ์เป็นผู้ได้รับสิทธิประโยชน์ และ 5. สร้างกลไกในการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน
“พรรคเพื่อไทยมีความห่วงใยในภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ของพรรคเพื่อไทยจะมีการกำหนดบทบาทในภารส่วนต่างๆ ให้ครอบคลุมต่อการเปลี่ยนแปลงต่อทุกๆ ภาคธุรกิจ ไม่ใช่แค่เพื่อให้ประชาชนชาวไทยมีอากาศและสุขภาพที่ดีขึ้น แต่เพื่อรายได้ครัวเรือน การประกอบอาชีพที่มั่นคง และความสุขมวลรวมที่สูงขึ้นอย่างยั่งยืน” นายจักรพล ระบุ.