มองข้อดี! “เทพมนตรี” กระตุก “ประยุทธ์” เวลามีน้อย รีบทำตามสัญญา “ดร.เสรี” เย้ยม็อบรวมสี แดงไม่เอา ส้มเป้าต่าง “ไพศาล” ชี้ 3 ปัจจัย “ไล่ลุงตู่” จุดติด ประมาทไม่ได้ “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” หวด “คนหนีคุก” งงเสื้อเหลืองคนเคยรักเข้าร่วม?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (5 เม.ย. 64) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ ด้านประวัติศาสตร์ และนักเทววิทยา โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ “เขียนถึงลุงตู่”
โดยระบุว่า “ถ้าไม่นับเรื่องปราสาทพระวิหาร ในสมัยที่ลุงตู่เป็น ผบ.ทบ. หรือเรื่องลุงป้อมที่ลุงตู่สงวนรักษาเอาไว้ข้างกาย ก็นับว่าลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ดีในระดับต้นๆ ของประเทศ อย่างน้อยๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ข้าพเจ้านับถือสูงสุด ก็รับรองอย่างแข็งขันว่าลุงตู่เป็นคนดี และแม้แต่ตัวข้าพเจ้าเองก็ได้ประสบพบมากับตนเอง ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คดโกง และเห็นปัญหาของคนอื่นเป็นปัญหาของตนเอง ลุงตู่เคยสั่งการเรื่องสำคัญการทุจริตในกระทรวงศึกษาฯที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ร้องเอง แม้เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ลุงตู่ก็ทำทันที
ที่เขียนมานี้ มิใช่จะเป็นการโปรลุงตู่ออกหน้าออกตาแต่ประการใด เพราะเป็นเรื่องจริงที่มีหลักฐานชัดแจ้ง
แม้ข้าพเจ้าจะติดใจลุงตู่เรื่องการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ตามคำสั่งของ นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ที่เคยไปซูฮกสมเด็จฮุนเซนก็ตาม
เรื่องพรรคพลังประชารัฐกับลุงตู่นั้น เราจะเห็นมี ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ย้ายไพร่พลมาอยู่เป็นจำนวนมาก จนได้เป็นรัฐมนตรี และเมื่อได้ดูรายชื่อคณะรัฐมนตรีก็มี รมต.ในรัฐบาลทักษิณ ยิ่งลักษณ์ อยู่เยอะ เรื่องนี้แหละที่ทำให้คนไม่ค่อยสบายใจนักกับลุงตู่ แต่เมื่อพิจารณาดูปัญหาที่เกิดจากรัฐมนตรีในฟากพลังประชารัฐมีน้อยกว่ารัฐมนตรีในพรรคร่วมรัฐบาล กระนั้นเราต้องดูกันต่อไปอีกสัก 6-7 เดือนนี้ คงได้เห็น คือ ก่อนปี 2565 เราอาจเห็นอะไรบางอย่างเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยทีเดียว
ประเทศไทยของเรายังโชคดีกว่าประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ ที่มีชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็น 3 เสาหลักคอยค้ำชูความเป็นไทย ไม่มีใครจะทำลายแบ่งแยกได้ แม้มีความพยายามมาทุกยุคทุกสมัยที่ต้องการจะทำลายให้ย่อยยับ แต่พอถึงเวลาทุกอย่างก็ผ่านไปได้
ส่วนใหญ่ที่เราเห็น คือ ใครก็ตามที่คิดคดทรยศชาติ หรือทำลายสถาบัน ก็มีอันเป็นไปทุกรายจะมากน้อยต่างกัน จะได้อยู่อาศัยในแผ่นดินนี้หรือแผ่นดินอื่น ก็เป็นเรื่องที่ตัวได้กระทำไปเองทั้งสิ้น
บางคนเข็ดหลาบเก็บตัว บางคนยังโลดแล่นก่อกรรมทำเข็ญกับประเทศตัวเองต่อไป เป็นสัมภเวสีเร่ร่อนไปทั่วทั้งโลก แต่น่าอายที่ไม่กล้ากลับประเทศแผ่นดินเกิด คอยยุยงปลุกปั่นเปลี่ยนหน้าไพ่เปลี่ยนตัวแสดงไปเรื่อยๆ บางทีก็ดีถ้าคิดเสียว่าคนชั่วคนเลวที่รกแผ่นดิน มันจะได้เผยทาสแท้สันดานดิบของมันออกมา
ยุคนี้ที่มีลุงตู่เป็นนายกฯคู่บุญบารมีเป็นข้าแผ่นดินถวายการรับใช้เบื้องพระยุคลบาท มันจึงเห็นได้ชัดแจ้งว่า ใครดีเลว เหมือนพวกในวังที่ทุจริตคอร์รัปชั่นฝังรากก็ถูกปรับเปลี่ยน ถูกลงโทษมากมายมาแล้ว
ลุงตู่อาจไม่ใช่นายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ที่ดีที่สุด แต่ลุงตู่ก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีกว่าอีกหลายคนในความทรงจำของข้าพเจ้า อย่างน้อยก็ไม่ใช่นายกฯสัมภเวสีสองคนนั่น
แต่ลุงตู่ต้องเผชิญกับเหลือบไรที่กัดกินรัฐบาลอยู่ จะคนไหน อย่างไร ลุงตู่เองก็ต้องจัดการ อะไรที่พูดไว้ เขียนไว้เป็นนโยบายก็ต้องรีบทำ ปฏิรูปการเมือง ตำรวจ และอื่นๆ ยังมีงานมากมาย แต่เวลามีน้อยนะครับ”
ขณะเดียวกัน จากกรณีการชุมนุมของกลุ่ม “สามัคคีประชาชน” วานนี้ (4 เม.ย.) นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น
ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
“สู้ไปยังไงก็ไม่ชนะ จะออกมาสร้างความวุ่นวายให้ประเทศทำไม อายุก็มากแล้ว ทำไมไม่รู้จักคิด พวกเดิมก็ไม่เอาด้วย พวกใหม่ก็คิดต่างจากแนวของแดง ส้มกับแดงรวมกันยากนะคะ
จะไล่ลุงตู่ ต้องหาความผิดเชิงประจักษ์ให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม ไม่ใช่วาทกรรมว่า เป็นเผด็จการบ้าง เป็นต้นตอปัญหาบ้าง ทำลายเศรษฐกิจประเทศบ้าง พูดลอยๆ ไม่มีบทพิสูจน์ จะให้คนเขาเป็นแนวร่วมได้อย่างไร
ส้มชู 3 นิ้ว มุ่งเน้นการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน แดงมุ่งเน้นไล่ลุงตู่ ไม่แตะสถาบัน แล้วสองกลุ่มนี้จะผนึกเป็นแนวร่วมกันได้อย่างไร มีจำนวนแค่นี้เลิกเหอะ บอกว่าไทยไม่ทน จำนวนคนไม่ทนมีเท่าไหร่ ที่มาชุมนุมไม่ถึงหมื่น ถ้าจะให้ถึงหมื่นต้องเอาอายุแกนนำและคนที่มาชุมนุมมารวมกันพอจะได้ เห็นจำนวนคนที่มาแล้ว เลิกเถอะนะ
เสื้อแดงก็ไม่เอาด้วยแล้ว
เสื้อส้มก็มีเป้าหมายแตกต่าง”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol ของนายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ต้องประเมินม็อบรวมสีกันใหม่!!! การชุมนุมของม็อบรวมสี 4-4-4 เมื่อวานนี้
1. ลบล้างคำปรามาสจากหลายฝ่ายที่ว่าจุดไม่ติดและไม่มีคนเข้าร่วม เพราะต้องบอกว่า จุดติดแล้ว สภาพการณ์หลอมรวมทุกสี ปรากฏชัดเจน!!! ผมไม่เคยไปสังเกตการณ์ม็อบกาเหว่า แต่จากการสังเกตการณ์จิตวิญญาณการชุมนุมของม็อบนี้ ชัดเจนว่าความร่วมมือร่วมใจระหว่างคนสีต่างๆ กลมกลืนกันอย่างยิ่ง
2. ม็อบนี้ชูธงการเมืองสามัคคีประชาไทยไล่ประยุทธ์ ไม่แตะต้องสถาบัน จะทำให้ทุกหมู่เหล่า สามารถเข้าร่วมได้โดยง่าย จะเกิดกระบวนการไม่มีสู่มี เล็กสู่ใหญ่ อ่อนสู่แข็ง ตามหลักการ กองทัพที่ดีต้องเติบโตท่ามกลางสงคราม
3. จะทำให้กองหนุน พลเอก ประยุทธ์ ไม่สามารถอ้างสถาบันมาปกป้องได้อีก
4. นับตั้งแต่ คสช.เรืองอำนาจ ได้ใช้สถานการณ์ความขัดแย้งเป็นประโยชน์อย่างเต็มที่
ดังนั้น พื้นฐานของม็อบนี้ ที่ชูธงสามัคคีประชาชนไทย จึงเท่ากับรื้อรากฐานแห่งอำนาจของ คสช.นั่นเอง ม็อบนี้จึงประมาทไม่ได้เด็ดขาด”
ด้าน เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ของ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ทำไมต้องไล่ลุงตู่
4/4 หน้าเก่าขาเก่ากลับออกมาไล่ลุงตู่ ให้ตู่ลาออก หรือให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวออกจากรัฐบาล ทำไงก็ได้ให้ลุงตู่ออกไป
ไล่ลุงตู่ทำไม ข้ออ้างคือ เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ที่ลุงตู่ไม่สนใจ ให้เป็นประชาธิปไตย
นักการเมืองสนใจแต่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ประชาชนเดือดร้อนอะไรจากรัฐธรรมนูญนี้ ตอบไม่ได้
แท้จริง ลุงตู่เป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ จะล้มสถาบันได้ ต้องล้มลุงตู่ก่อน หลายปีก่อน รวมศูนย์ตีป๋าเปรม เพราะเป็นกำแพงค้ำบัลลังก์ หมดป๋าเปรมเหลือลุงตู่
หากลุงตู่เลวร้าย คอร์รัปชัน อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ฝ่ายค้านต้องเปิดโปง ตีตายไปแล้ว ไม่ปล่อยไว้หรอก
ที่น่าสนใจคือ คนที่เคยรัก ทำไมสิ้นเยื่อใย หันไปร่วมมือกับเสื้อแดง เสื้อส้ม ทำไมหมางเมิน ?
คนหนีคุกเคลื่อนไหว รุกหนักมาก แอบช่วยสามนิ้ว ก็ผิดหวัง หันกลับมาหาลูกน้องเก่าทั้งคนเดือนตุลา ทั้งเสื้อแดงดีกว่า แต่ทำไมคนเสื้อเหลืองหันไปร่วมมือด้วย
ลุงตู่ไม่ถนอมน้ำใจแนวร่วม ไม่สนใจคนเคยรัก ไม่สนใจคนสู้กับนักโทษหนีคุก อย่างนั้นหรือเปล่า
กับศัตรูต้องยอมหักไม่ยอมงอ กับมิตรต้องสามัคคี ใช่มั้ย”
แน่นอน, แม้วันนี้ม็อบรวมสีจะยังมองไม่ออกว่า จะไล่ “ลุงตู่” ได้อย่างไร เพราะทั้งจำนวนคนเข้าร่วม และประเด็นแหลมคม ก็ยังไม่เห็นว่า จะเอา “ลุงตู่” อยู่หมัด รวมทั้งจะมีสายป่านยาวนานแค่ไหน ท่อน้ำเลี้ยงจากแดนไกลหรือ คนใกล้มีหรือไม่ แต่หลายคนก็ยังเชื่อว่า ไล่ “ลุงตู่” มีประเด็นร่วมมากกว่า ม็อบ 3 นิ้ว ที่มุ่งเน้น “ปฏิรูปสถาบัน” สำหรับคนที่ไม่ทน
รวมทั้งถ้าจะรวม 2 ม็อบ ผนึกกำลังไล่ “ลุงตู่” ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างที่ ดร.เสรี ว่า เพราะเป้าหมายต่างกัน แถมฝ่าย “3 นิ้ว” ยังแคลงใจว่า ม็อบรวมสี จงใจมาลดเพดานทะลุฟ้าของพวกเขาลง
ดังนั้น ที่หวังได้ ก็แค่ความบอบช้ำของรัฐบาล “ลุงตู่” ที่ถูกตีรอบด้าน ในที่สุดอาจเมาหมัด จนเผลอ หรือ ผิดพลาด ทำอะไรที่เป็นการฆ่าตัวตายได้? นอกนั้นตราบใดที่คนเข้าร่วมยังไม่ “มืดฟ้ามัวดิน” อย่างราคาคุยของ “จตุพร” ตราบนั้น ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร กับรัฐบาลลุงตู่
แต่ที่เป็นประเด็น อย่าง “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” สนใจ ก็คือ การเปลี่ยนมิตรเป็นศัตรู เกิดจากอะไรกันแน่ เกิดจากไม่รักษาน้ำใจ ไม่ทำตามสัญญา ทำท่าว่าจะสืบทอดอำนาจ เอื้อประโยชน์ทุนใหญ่ รวมทั้งเอื้อต่อคนในรัฐบาลในการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งหมดอาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนมิตรเป็นศัตรูได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะมิตรที่ตั้งความหวังเอาไว้สูง และถ้าประเด็นเหล่านี้เป็นปัญหาจริง ก็นับว่าน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง อย่าลืมว่า ม็อบที่ทรงพลังที่ผ่านมา เกิดจากประเด็นที่ขุดคุ้ยกันในม็อบทั้งสิ้น ไม่เชื่อลองย้อนกลับไปดู
เหนืออื่นใด ที่ประมาทไม่ได้ก็คือ ความเชื่อมั่นของประชาชน ที่มีต่อรัฐบาล เพราะประชาชนคือ คนตัดสินเกมเสมอ ไม่ว่า ม็อบจะสำเร็จหรือไม่ รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ รวมถึงหากมีการยุบสภา การเลือกตั้งจะได้ชัยชนะหรือไม่ ไม่เชื่อคอยดู!!!