ข่าวปนคน คนปนข่าว
** โซเชียลฯ แห่ให้กำลังใจ “ฮาน เลย์” มิสแกรนด์เมียนมา หลั่งน้ำตาขอช่วยบ้านเกิดยุติความรุนแรง
เกิดปรากฏการณ์ชาวโซเชียลฯ ส่งกำลังใจให้ “ฮาน เลย์” มิสแกรนด์ตัวแทนสาวงามจากเมียนมากันอย่างล้นหลาม หลังจากเศร้าสะเทือนใจกับคำกล่าวของสาวเมียนมา ต่อเหตุการณ์รัฐประหารในแผ่นดินบ้านเกิดที่ประชาชนออกมาต่อต้าน และรัฐบาลทหารปราบปรามจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
“ฮาน เลย์” ที่เป็นสาวงามมากความสามารถ เป็นทั้งนางงาม นางแบบ นักจิตวิยา นักกีฬา ส่งสารถึงชาวโลก พร้อมหลั่งน้ำตาบนเวทีประกวดนางงาม เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังชาวเมียนมาส่งข้อความถามเธอว่า “สู้เพื่อประชาธิปไตยบนเวทีได้ไหม”
ว่ากันว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันประกวดรอบไฟนัล ก่อนขึ้นเวทีว่า มีคนเมียนมาจำนวนมากส่งข้อความมาหาดังกล่าว บอกว่าขอให้เธอช่วยเมียนมา เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทำไมประชาชนผู้บริสุทธิ์จึงต้องมาสังเวยชีวิต เธอจึงร้องไห้บนเวที และตอบไปว่าจะทำทุกๆ อย่างโดยเฉพาะเมื่อสามารถพูดบนเวทีได้ เธอจะพูดเพื่อยุติความรุนแรง ยุติสงคราม
นี่เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่คงไม่เฉพาะแต่ชาวโซเชียลฯ ในไทย แต่หมายถึงคนทั่วโลกกำลังจับตาว่า ชีวิตนับหลังจากนี้ของ “ฮาน เลย์” สาวงามเมียนมาจะเป็นอย่างไรต่อไป จะสามารถกลับเข้าประเทศได้หรือไม่
มีข่าวว่า “ฮาน เลย์” ขอใช้สิทธิอยู่ต่อในประเทศไทย อย่างน้อย 3 เดือน เนื่องจากสนามบินเมียนมาปิด ไม่สามารถเดินทางกลับได้ และว่ากันว่าการแสดงออกบนเวทีของ “ฮาน เลย์” ถือว่าผิดกฎหมายของคณะปฏิวัติ รัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งที่ผ่านมาเธอได้ร่วมเคลื่อนไหวกับประชาชนต่อต้านรัฐบาลทหารที่บ้านเกิดของเธอด้วย
งานนี้ก็ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ “ฮาน เลย์” และประชาชนเมียมาในวิกฤตครั้งนี้ ขอให้กลับมาสงบสุขโดยเร็วด้วยเทอญ
** “หญิงหน่อย” April Fools' Day ก่อนใครเพื่อน จับกระแส Fake news รัฐจะขึ้นภาษี โหนไล่ลุงตู่ ปั่นกันจนกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ว่ารัฐถังแตก เตรียมจะ “ถอนขนห่าน” รีดภาษีประชาชนเพิ่มขนานใหญ่ เล่นเอาตกอกตกใจกันไปทั่วธรณี โดยพิษบาดแผลโควิดซึมลึก เศรษฐกิจก็ยังย่ำแย่ รัฐยังจะอำมหิตไม่คิดถึงความเดือดร้อนของผู้คน และองค์กรธุรกิจ ซึ่งไปๆ มาๆ เป็นแค่เรื่อง “Fake news” ที่ปล่อยออกมาหวังโจมตีรัฐบาล
แต่กระนั้นก็ตาม “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างไทย ที่กำลังสร้างกระแส สร้างเรตติ้ง ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ผสมโรงไปว่า “แทนที่จะ #ลดภาษี #ลดภาระประชาชน นายกฯ กลับเห็นชอบข้อเสนอให้เก็บภาษีเพิ่มในช่วงที่ประชาชนเดือดร้อนจาก #Covid19 เก็บภาษีเท่าเดิมก็จะตายกันหมดอยู่แล้ว รัฐควรคิดเพิ่มรายได้ให้ประชาชนไม่ใช่มา #ขึ้นภาษีขูดรีดประชาชน ถ้านายกฯ มีปัญญาคิดได้แค่นี้ #ลาออก จะช่วยชาติได้มากกว่าเยอะค่ะ”
เมื่อระดับนักการเมืองผู้เจนเวทีอย่าง “คุณหญิงสุดารัตน์” แซะมาขนาดนี้ ชาวเน็ตจึงงงในงงว่า เจ๊ไปเอาข่าวมาจากไหน?
มาถึงบางอ้อกันก็ตรงความจริงมีอยู่เพียงว่า เมื่อวันก่อนที่ประชุม ครม. มีการรายงานเรื่องความเสี่ยงทางการคลัง ที่เป็นการรายงานประจำปี ที่ต้องรายงานตามวาระเพื่อทราบ แต่หลังประชุมกระแสถูกแปลงสารออกมาว่า ครม.ได้หารือถึงการจัดเก็บภาษีของประเทศไม่เข้าเป้า จึงสั่งให้ศึกษาที่จะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จากปัจจุบันที่จัดเก็บอยู่ที่ 7 เปอร์เซ็นต์
นี่เป็นเหตุผลที่ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ออกมาพูดในเวลาต่อมาว่าไม่มีสัญญาณใดๆ ที่บอกว่ารัฐบาลจะถังแตก ความเสี่ยงการคลังที่พูดกันใน ครม. ก็ไม่มีสาระสำคัญใดๆ ที่ต้องน่าห่วง ช่วงโควิดแน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติที่รายได้การจัดเก็บภาษีจะน้อยลงไป เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ
ว่ากันว่า งานนี้ทำเอารองนายกฯ มึนตึ้บกับข่าวไปเหมือนกัน
ขณะที่ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.การคลัง ก็ยืนยันจะไม่มีการปรับขึ้น VAT จากปัจจุบันที่จัดเก็บในอัตรา 7% โดยหลังจากครบกำหนดการลดอัตราการจัดเก็บภาษีแวตไว้ที่ 7% จากเดิมที่ 10% ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ คลังก็จะเสนอที่ประชุม ครม. ขยายเวลาการลดอัตราการจัดเก็บต่อไปอีก 1 ปี เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 64- 65 ยังอยู่ในช่วงการฟื้นตัว และประชาชนยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่
ปกติแล้ว วันที่ 1 เมษายนของทุกปี ฝรั่งเขาถือเป็น “วันโกหก” April Fools' Day หรือ “วันเมษาหน้าโง่”
งานนี้จึงถือว่า “คุณหญิงสุดารัตน์” มาก่อนกาล April Fools' Day ก่อนใครเพื่อนซะงั้น
ดรามาเรื่องขึ้นภาษี ก็เอวังไปด้วยประการฉะนี้
** “โรม” คิดอะไรอยู่! จะใช้เวทีสภาเรียกประธานศาลฎีกามาชี้แจงถึงความเป็นอิสระของศาล ตามที่ “สมศักดิ์ เจียม” กุเรื่องว่ามีบุคคลภายนอกสั่งคดี 112 ได้
หลังจากบรรดาแกนนำ “ม็อบสามนิ้ว” ถูกดำเนินคดี ม.112 แล้วศาลไม่ให้ประกันตัว ไม่ว่าจะยื่นไปกี่ครั้งศาลก็ยกคำร้อง ด้วยเหตุผลที่ว่าคนกลุ่มนี้ไม่เคารพกฎหมาย ละเมิดเงื่อนไข ท้าทายอำนาจศาลได้ประกันตัวออกมาแล้วก็ยังทำผิดซ้ำซาก
ปฏิบัติการ “ดิสเครดิตศาล” จึงเริ่มขึ้น และมีการรับลูกกันเป็นทอดๆ โดยเมื่อวันก่อน “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” ผู้ต้องหาคดี 112 ที่หลบหนีไปอยู่ประเทศฝรั่งเศส แล้วทำตัวเป็น “ผู้ใหญ่อีแอบ” คอยเสนอแนวความคิดและอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว “ล้มเจ้า” ของม็อบสามนิ้ว ก็ออกมากุข่าวบิดเบือนผ่านโซเชียลฯ ว่าสาเหตุที่บรรดาแกนนำม็อบสามนิ้วไม่ได้ประกันตัว เพราะมี “เสียงสวรรค์” สั่งลงมาที่ประธานศาลฎีกา
เมื่อหัวขบวนอย่าง “สมศักดิ์ เจียม” โพสต์มาอย่างนี้ บรรดา “ติ่งสามนิ้ว” ก็ช่วยกันโหมกระพือแชร์ต่อ สร้างกระแส เรียกคอมเมนต์ว่าศาลสองมาตรฐาน รับใบสั่งมากลั่นแกล้งแกนนำม็อบ
เรื่องนี้ “สุริยัณห์ หงษ์วิไล” โฆษกศาลยุติธรรม ออกมาอธิบายอย่างชัดเจนแล้วว่า ในการประชุมใหญ่ศาลฎีกาครั้งล่าสุดนี้ มีวาระการประชุมเพียง 2 วาระ คือ การพิจารณาคัดเลือกกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่ง กสทช. กับการพิจารณาข้อกฎหมาย ในคดีที่จะต้องอาศัยการลงมติของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และเป็นการประชุมลับ โดยไม่มีการพูดคุย หรือหารือกันเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวแต่อย่างใด...ดังนั้น เรื่องที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลฯ จึงเป็นการบิดเบือน ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ หวังให้เกิดความเข้าใจผิด และเป็นการดึงศาลมาเป็นคู่กรณีกับฝ่ายต่างๆ
แม้โฆษกศาลฯ จะชี้แจงแล้ว แต่ “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็ยังคงนำข้อความของ “สมศักดิ์ เจียม” มาตอกย้ำ ขยายความต่อว่า ในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ประธานศาลฎีกาถูกตั้งคำถามว่า ...เหตุใดจึงยังมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวแกนนำม็อบสามนิ้ว เพราะถือว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ไม่มีพฤติการณ์จะยุ่งเหยิงต่อพยาน หลักฐาน แล้วจะไม่ให้ปล่อยตัวได้อย่างไร โดยประธานศาลฎีกาตอบว่า “มีบุคคลภายนอกสั่งมาอีกที” ... และยังบอกว่าที่โฆษกศาลฯ ออกมาแถลงชี้แจงนั้น ไม่มีเหตุผลรองรับเพียงพอ จึงยังไม่เคลียร์ว่า ศาลทำหน้าที่เป็นอิสระหรือไม่!!
ดังนั้น ในฐานที่เป็น ส.ส. และเป็นกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร จะเชิญประธานศาลฎีกามาชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ พร้อมอ้างว่าคณะกรรมาธิการสามารถเรียกมาชี้แจงได้ เพราะรัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจไว้
“รังสิมันต์ โรม” นอกจากรับลูก “สมศักดิ์ เจียม” แล้วยังถือโอกาส “ตีกิน” ไปเสร็จสรรพ ทั้งที่ตามขั้นตอนกระบวนการแล้ว การจะเชิญใครมาชี้แจงข้อเท็จจริงนั้นจะต้องตั้งเรื่องเข้าที่ประชุม กมธ.เพื่อพิจารณาก่อน หากที่ประชุมมีมติเห็นชอบจึงจะเชิญมาได้ ไม่ใช่เป็นอำนาจของ “ทั่นโรม” ที่คิดจะเชิญใครมาก็ได้ โดยเฉพาะผู้ที่จะเชิญมานี้เป็นถึงประธานศาลฎีกา
ไม่ว่าเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร แต่เห็นเจตนาได้ชัดว่า คนกลุ่มนี้พยามสร้างกระแสดิสเครดิตกระบวนการยุติธรรม โดยดึงศาลมาเป็นคู่ขัดแย้ง ขณะเดียวกันก็กระทบชิ่งไปถึงเบื้องสูง ชนิดที่เรียกได้ว่าเหิมเกริมหนัก!!