“ประวิตร” สั่งเร่งปรับปรุงกฎหมายการค้ามนุษย์ เป็นความเสียหายทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ป้องกันการล่อลวงการละเมิดทางเพศต่อกลุ่มเปราะบาง เด็กและสตรีในสื่อออนไลน์ มอบสำนักงาน ปปง.ยึดอายัดทรัพย์ไปเยียวยาผู้เสียหายให้โดยเร็ว
วันนี้ (24 มี.ค.) พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมกับคณะกรรมการประสานและกำกับติดตามการดำเนินงานทั้งสองคณะต่อเนื่องกัน ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี รมว.ยุติธรรม รมว.แรงงาน และ รมว.พัฒนาสังคมฯ พร้อมส่วนราชการต่างๆ เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลด้านป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
ที่ประชุมรับทราบการดำเนินงานที่สำคัญในการเร่งทบทวนแก้ไขและปรับปรุงกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 ที่ให้น้ำหนักความสำคัญต่อการลดอุปสงค์การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก การบังคับใช้แรงงาน หรือการบริการและการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบมากขึ้น รวมทั้งการกำหนดให้มีแนวทางการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิด เข้ากองทุนเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน พร้อมกับรับทราบความร่วมมือการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์กับออสเตรเลีย รวมทั้งรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ปี 63 (Progress Report) เพื่อประกอบการพิจารณาจัดระดับประเทศในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์
พล.อ.ประวิตรได้ย้ำถึงการค้ามนุษย์เป็นความเสียหายทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ จึงถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและความมุ่งมั่นร่วมกันที่ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ร่วมขับเคลื่อนเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่มุ่งความยั่งยืน จึงต้องพิจารณาให้รอบด้านและครอบคลุมในทุกมิติ โดยเฉพาะการป้องกันการล่อลวงการละเมิดทางเพศต่อกลุ่มเปราะบาง เด็กและสตรีในสื่อออนไลน์ รวมทั้งการเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์มากขึ้น จึงขอให้เร่งปรับปรุงกฎหมายที่ยังไม่เสร็จสิ้น โดยเฉพาะการมอบหมายให้ สตม.ติดตามการลักลอบผู้โยกย้ายถิ่น และมอบสำนักงาน ปปง.ติดตามนำเงินที่ได้จากการยึดอายัดทรัพย์ไปเยียวยาผู้เสียหายให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
พล.อ.ประวิตรยังได้กำชับการบริหารจัดการกองทุนเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยคณะกรรมการบริหารกองทุน ต้องให้โปร่งใสและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ขณะเดียวกัน ต้องให้ความสำคัญต่อความสมบูรณ์ของการจัดทำรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ปี 63 และให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างประเทศควบคู่กันไป โดยเฉพาะความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ และไทย-ออสเตรเลีย ทั้งนี้ ขอให้พิจารณาปรับแผนปฏิบัติการ ปี 64 รองรับสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ทางสังคม เพื่อมิให้เป็นอุปสรรคการปฏิบัติงาน พร้อมย้ำกับทุกส่วนราชการเอาผิดเด็ดขาดต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้อง