ข่าวปนคน คนปนข่าว
**โถๆๆ...ผบ.ตร.หน่อมแน้ม ขอโทษม็อบที่รุนแรง แบบนี้ก็ได้หรือ ?
อึ้งกิมกี่กันไปทั้งบาง เมื่อ "บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เอ่ยปากขอโทษ "ม็อบ3นิ้ว" ในนามกลุ่ม REDEM หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมจนเกิดเหตุปะทะกันวุ่นวาย แถมยังตักเตือนตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ปรับวิธีปฏิบัติกับหน่วยผู้ปฏิบัติไม่ให้มีความรุนแรงอีก
งานนี้ชาวโซเชียลฯ แสดงปฎิกิริยาไม่เห็นด้วยกับ ผบ.ตร. และต่อว่า หน่อมแน้มไปหน่อยหรือไม่ เพราะเหตุที่ปะทะกันความจริงปรากฏอยู่แล้วว่า ฝ่ายผู้ชุมนุมที่หลงเหลือจำนวนไม่มากนั้นพยายามยั่วยุ บีบให้ตำรวจที่คุมสถานการณ์ไม่มีทางเลือกให้ต้องปฏิบัติหน้าที่ เมื่อโดนทั้งปาระเบิดขวด ขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ ปรี่เข้ามากลุ้มรุมทำร้าย มิหนำซ้ำบางคนพยายามทำลายพระบรมฉายาลักษณ์
เรียกว่า ผู้ชุมนุมต้องการให้มีเรื่อง เห็นได้จากมีการเตรียมการมาพร้อมสรรพ ทั้งอาวุธ และวิธีการแบบป่าเถื่อน ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ สันติ จึงยากที่จะหลีกเลี่ยงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาของ"บิ๊กปั๊ด" ต้องเลือกที่จะตอบโต้ อย่างที่ตำรวจบอกว่า เป็นหลักสากลที่ต้องกระทำเพื่อรักษากฎหมาย
แน่นอนว่า ไม่มีใครสนับสนุนให้เกิดความรุนแรง และผลจากการปะทะ ย่อมมีทั้งผู้ชุมนุมและตำรวจต่างได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย และครั้งนี้ สื่อที่รายงานข่าวในพื้นที่ก็บาดเจ็บไปด้วยจากปฏิบัติการดังกล่าว
เรื่องนี้ต้องแยกแยะ ที่ควรขอโทษ และไม่ควรปกป้องตำรวจก็ตรงกระทำความรุนแรงกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือกำลังทำหน้าที่ เช่น สื่อที่บาดเจ็บจากกระสุนยาง หรือคนที่มาชุมนุมแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่มีส่วนร่วมกับการลงมือทำรุนแรง และที่ ผบ.ตร.ควรเห็นใจ และให้กำลังใจไม่ใช่ตักเตือน ก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ทำตามคำสั่ง จนตัวเองถูกทำร้ายจากม็อบบาดเจ็บต่างหาก
การที่ ผบ.ตร. ออกมาขอโทษม็อบที่ทำรุนแรงครั้งนี้ ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ หรือจะเป็นมิติใหม่แสดงการสนับสนุนเชื้อเชิญให้ม็อบกระทำการรุนแรงได้ตามอำเภอใจ จะเผาบ้านป่วนเมือง ก็เชิญตามสบายตำรวจก็พร้อมจะให้อภัย และพร้อมขอโทษ...แบบนี้ก็ได้หรือ ?
**ตรรกะ"ณัฐพล ใจจริง" ใช้โต้ "ไชยันต์ ไชยพร" ต่อกรณี "วิทยานิพนธ์" ฉาว วิญญูชนดูออกแหละว่าเลี่ยงบาลี
หลังเป็นข่าวร้อน กรณีวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก เรื่อง “การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)” ของ "ณัฐพล ใจจริง" ที่สำเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ.2552 และ หนังสือของสำนักฟ้าเดียวกันที่อื้อฉาว ถูกเปิดโปงจาก "ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร" อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่ามี "การอ้างอิงคลาดเคลื่อน" รวม 31 จุด ในวิทยานิพนธ์ ตามด้วยถูก ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ในฐานะหลานของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ยื่นฟ้องศาลแล้วนั้น กระทั่งโดยรวมแล้ว ว่ากันว่าในขณะนี้วิทยานิพนธ์ของ ณัฐพล เป็น "Deepfake" ที่กำลังสร้าง"ปัญหาใหญ่" ในแวดวงวิชาการ
เฟซบุ๊ก“ฟ้าเดียวกัน”ของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ได้โพสต์ข้อความมาล่าสุด ในหัวข้อ“ตอบไชยันต์ ไชยพร เรื่องวิธีวิทยาทางประวัติศาสตร์”เขียนโดย ณัฐพล ใจจริง โดยเนื้อหาร่ายยาว แต่สรุปได้ว่า อ.ไชยันต์ ไม่เคยถกเถียงในประเด็นหลักของผลงานดังกล่าว แต่กลับโจมตีซ้ำๆ ในเรื่องการอ้างอิงหลักฐาน
"ณัฐพล" ที่ปัจจุบัน เป็นรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา อ้างว่า ขอบเขตวิทยานิพนธ์เป็นการศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ และหลักฐานที่ใช้เป็นเอกสารทั้งจดหมายเหตุ และสิ่งพิมพ์ต่างๆ วิธีวิทยาที่ใช้ คือ "การตีความทางประวัติศาสตร์" ซึ่งเป็นวิธีการที่นักประวัติศาสตร์ใช้กันทั่วไป
"ณัฐพล"ยังเรียกร้องให้ "ศ.ดร.ไชยันต์" แสดงหลักฐานสนับสนุนการตีความของตัวเองที่ต่างกัน เกี่ยวกับบทบาทของ "กรมพระยาชัยนาทนเรนทร" ในการรัฐประหาร ปี 2490 โดยอ้างว่า ถ้าการตีความน่ารับฟัง ก็จะเกิดประโยชน์แก่วงวิชาการประวัติศาสตร์ไทยและสาธารณชน แต่หากผลิตซ้ำความเชื่อเดิมๆ จะไม่หาทางลงโทษ หรือเอาเรื่องทางกฎหมาย เพราะไม่ใช่จริยธรรมของนักวิชาการพึงกระทำ ต่อความรู้ที่แตกต่างจากที่ตนเชื่อ และไม่ควรเป็นวิสัยที่วิญญูชนกระทำต่อความรู้ที่ไม่พึงใจตน
นอกจากนี้ "ณัฐพล" ยังกล่าวว่า ความผิดปกติในวิทยานิพนธ์กว่า 30 จุดนั้น บางจุดเป็นการตีความที่แตกต่างกัน หรือเป็นเพราะอาจารย์ไม่ได้นำบริบทเข้ามาตีความด้วย แต่กลับโจมตีว่าอ้างผิดทำนองเดียวกับจุดนี้ ทั้งที่หลายจุดเป็นความผิดพลาดของผู้กล่าวหา เช่น ใช้เอกสารที่ไม่ตรงวัน เดือน ปี และแผ่น ใช้เอกสารผิดชิ้น ใช้เอกสารไม่ครบถ้วนตามที่ระบุในวิทยานิพนธ์ ดังที่ได้เคยชี้แจงต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปแล้ว
เรื่องนี้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันตามมาว่าเหตุผลที่ "ณัฐพล" หยิบยกมาใช้โต้ตอบ "ศ.ดร. ไชยันต์" ก็ยังไม่ตรงประเด็นอยู่ดี พูดง่ายๆว่า วิญญูชนส่วนใหญ่มองออกละว่า ตอบแบบ เลี่ยงบาลีหรือไม่
เนื่องเพราะ สิ่งที่ "อ.ไชยันต์"พบว่า วิทยานิพนธ์ มีปัญหามาจาก "การอ้างอิงคลาดเคลื่อน" รวม 30 จุดนั้น และบางส่วนที่อ้างก็มาจากเอกสาร-หลักฐานที่ไม่มีอยู่จริง
ทั้งที่อ้างจาก "บางกอกโพสต์" ฉบับวันที่ 18 ธ.ค. 2493 และเอกสารจากหอจดหมายเหตุของสหรัฐฯ (NARA )ลงวันที่ 26 ธ.ค. 2493
ยกตัวอย่างที่อ้าง "บางกอกโพสต์" ข้อความตอนหนึ่งว่า "ผู้สำเร็จราชการฯได้เสด็จเข้ามานั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ประหนึ่งกษัตริย์เป็นประธานประชุมคณะเสนาบดีในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์..."
ต่อมา นสพ.บางกอกโพสต์ ชี้แจงกรณีนักประวัติศาสตร์อ้างอิงข่าว วันที่ 18 ธ.ค. 2493 ว่า ผู้สำเร็จราชการฯ เข้าร่วมประชุม ครม. สมัยจอมพล โดยระบุว่า "ไม่เคยรายงานข้อมูล" ตามที่มีการอ้างอิงในวิทยานิพนธ์และหนังสือขอฝันใฝ่ฯ ของณัฐพล
นี่ก็เป็นประเด็นที่"ณัฐพล" ไม่เคยตอบให้ชัด ขณะที่"อ.ไชยันต์" ยืนยันชัดๆ หลายรอบว่า การตาม "จับโป๊ะ" วิทยานิพนธ์ของณัฐพลนั้น ต้องการพิสูจน์ หาฟุตโน้ต (เชิงอรรถ) ที่ณัฐพลอ้างเท่านั้น
ตรวจสอบความผิดถูกทางวิชาการ โดยที่นักวิชาการฟ้าเดียวกันบอกว่ามีหลักฐาน
งานนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ของแวดวงวิชาการ มีผลต่อการนำข้อมูลไปอ้างอิง หากนำไปใช้อย่างผิดๆ ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมอย่างที่กำลังดำเนินอยู่
เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ ก็ต้องโปรดติดตามกันต่อไป.
** "เพนกวิน"จำนนต่อหลักฐาน สารภาพละเมิดอำนาจศาล แต่ไม่วายแถ ไม่อยากให้ศาลทำผิดพลาดซ้ำรอยประวัติศาสตร์โลก ที่ "โซเครติส"ถูกประหาร "กาลิเลโอ" ถูกขังลืม
กรณี"เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำม็อบสามนิ้ว จำเลยคดี ม.112 กับพฤติกรรมอุกอาจ "ละเมิดอำนาจศาล" อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ...ฝ่าฝืนข้อห้ามด้วยการลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ แล้วอ่านแถลงการณ์ วิพากษ์วิจารณ์ว่า "ศาลสองมาตรฐาน" จนเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในห้องพิจารณาคดี ผอ.ศาลอาญา จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ดำเนินคดีในข้อหาละเมิดอำนาจศาล...
แม้จะจำนนด้วยหลักฐาน เนื่องจากศาลมีภาพจากกล้องวงจรปิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นมายืนยัน แต่ "เพนกวิน" ก็ไม่วาย "แถ" ก่อนรับสารภาพ
"เพนกวิน" แถลงแก้ข้อกล่าวหาโดยเท้าความว่า เมื่อ 2,000 ปี ก่อนหน้านี้ "โซเครติส" ถูกประหารชีวิตด้วยยาพิษ เพราะศาลเมืองเอเธนส์ บอกว่าเขามอมเมาคนรุ่นใหม่ เป็นอาชญากรร้ายแรงทางความคิด ... ต่อมา"กาลิเลโอ" ก็ถูกกักขังจนตาย จากการเสนอทฤษฎีว่า โลกไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ดังนั้นจึงไม่อยากให้ศาล ทำผิดพลาดซ้ำรอยประวัติศาสตร์โลก
ช่วงนี้ศาลต้องปรามว่า ขอให้แถลงให้ตรงประเด็น เพราะการไต่สวนครั้งนี้ เป็นคดีละเมิดอำนาจศาล ถ้าแถลงไม่ตรงประเด็นศาลจะสั่งงดไต่สวน ... แต่ "เพนกวิน"อ้างว่า เรื่องที่ยกมานั้นเกี่ยวข้องกับคดีที่ตนเองถูกกล่าวหา ก่อนจะแถลงต่อว่า ตนเองถูกปฏิเสธสิทธิในการประกันตัว ทั้งที่ยังไม่ถูกตัดสินคดีใดๆ การที่ศาลให้เหตุผลว่า กลัวกลับไปกระทำผิดซ้ำ ทั้งที่ยังไม่มีการตัดสินว่าตนเองได้ทำความผิดนั้น เท่ากับว่าศาลได้ตัดสินให้มีความผิดแล้ว จึงขัดรัฐธรรมนูญ เพราะผู้ที่ยังไม่ถูกพิพากษา ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องไม่ถูกปฏิบัติแบบนักโทษ
จากนั้นศาลได้เปิดภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพในห้องพิจารณาคดีขณะเกิดเหตุ แต่ "เพนกวิน" ไม่สนใจ ขอกระดาษจากผู้สื่อข่าวแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนจดหมายบันทึกข้อความ เตรียมให้ทนายยื่นอุทธรณ์คดี
หลังเปิดภาพกล้องจากวงจรปิดได้ราวๆ 5 นาที ทนายความได้เข้าไปปรึกษากับเพนกวิน ก่อนแถลงต่อศาลว่า "เพนกวิน" ยอมรับว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง
ศาลจึงตัดสินให้ลงโทษจำคุก 1 เดือน ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 15 วัน ... เมื่อพิจารณาถึงอายุ การศึกษาอบรม สภาพความผิด ประกอบกับโทษจำคุกที่จะลงแก่ผู้ถูกกล่าวหา มีกำหนดไม่เกิน 3 เดือน และไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้ลงโทษกักขัง แทนโทษจำคุก มีกำหนด 15 วัน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ควบคุมตัว "เพนกวิน" กลับเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปอดอาหารต่อไป