xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ฟันม็อบ6มี.ค.แยก6กลุ่ม-ฟ้อง‘ฟ้าเดียวกัน’เรียก50ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน 360 - ม็อบนัดแต่งดำชุมนุมหน้าศาล-เรือนจำ จัดกิจกรรมวางพวงหรีดไว้อาลัย ไม่ให้ประกัน "รุ้ง-ไมค์-ไผ่" อ้างศาลไม่ยุติธรรม นายกฯ ไม่ขอก้าวล่วง ชี้เป็นอำนาจศาล รองผบช.น. เตรียมดำเนินคดีม็อบหน้าศาลอาญา 6 มี.ค. จำนวน 6 กลุ่ม รวมถึงม.112 และความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน “ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต” หลานสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เรียกค่าเสียหาย “ณัฐพล ใจจริง” และ “สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน” 50 ล้านบาท ระบุวิทยานิพนธ์และหนังสือที่แต่ง ปั้นแต่งความเท็จ ใส่ความ เจตนาให้ร้ายสถาบันกษัตริย์ ขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราว ห้ามเผยแพร่

จากกรณี ที่ศาลอาญาไม่อนุญาตการประกันตัว น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒกุล หรือรุ้ง แนวร่วมธรรมศาสตร์ และการชุมนุม, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน รวมถึงนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ กลุ่มแกนนำได้นัดหมายการชุมนุมในหลายจุด โดยกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดหมายเวลา 16.00 น. หน้าศาลอาญา รัชดาภิเษก ทำกิจกรรมผูกโบดำ วางพวงหรีด ขณะที่กลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี นัดหมายหน้าเรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ 16.00 น. นัดแต่งดำ ผูกโบดำอาลัยประเทศไทย โดยที่หน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมเดินทางมาทำกิจกรรม "ร่วมไว้อาลัยหน้าศาล" ขณะที่ภายในศาล มีตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนจำนวน 1 กองร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจพหลโยธิน ตำรวจศาล และเจ้าหน้าที่เทศกิจของ กทม. เข้ามาดูแลความปลอดภัยบริเวณศาล

น.ส.เบนจา อะปัญ แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กล่าว่า วันนี้ เรามีดอกไม้ กระดาษ ปากกา ทำกิจกรรมวางพวงหรีด ดอกไม้ ผูกริบบิ้นที่รั้วศาล เขียนข้อความ และสวมเสื้อดำ โดยการจุดเทียนไว้อาลัยต่อความยุติธรรม และอ่านแถลงการณ์ และได้ยุติการชุมนุมเมื่อประมาณเวลา 18.20 น.

ส่วนที่บริเวณด้านหน้าประตูเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังกลุ่มแดงก้าวหน้า 63 กลุ่มแดงรุ่นใหม่นนทบุรี และกลุ่มราษฎรภาคีแดงใหม่ 4 ภาค ประกาศชุมนุมจัดกิจกรรมติดโบดำไว้ทุกข์ประเทศไทย ไว้อาลัยให้ความยุติธรรม และในเวลา 19.00 น. ทางมวลชนได้ร่วมกันจุดเทียนไว้อาลัย และเรียกร้องให้มีการปล่อยแกนนำ วางพวงหรีดหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก่อนยุติการชุมนุม

นายกฯ ไม่ขอก้าวล่วงอำนาจศาล

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่กระทำผิดตามมาตรา 112 ว่า ต้องไปดูข้อกฎหมาย ซึ่งเมื่อกระทำความผิดก็ต้องต่อสู้คดี และรัฐบาลจะดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน

"ต้องนึกถึงว่า หากเป็นรัฐบาล เป็นศาล หรือเป็นเจ้าหน้าที่เอง คิดว่าจะทำได้หรือไม่ และต้องนึกถึงคดีอื่นๆ ด้วยว่าทำได้หรือไม่ เพราะจะเป็นการทำให้ข้อกฎหมายเสียหายไปทั้งหมด ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วจะทำอย่างไรได้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คืออย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้น" นายกรัฐมนตรีกล่าว

พร้อมยืนยันว่า เมื่อศาลพิจารณาแล้วว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณา ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ก็เป็นดุลยพินิจของศาลจะพิจารณาเช่นกัน ตนคงไม่สามารถก้าวล่วงได้

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า ไม่ได้ต้องการใช้กฎหมายไปทำร้ายใคร เพราะกฎหมายเป็นของประชาชนทุกคน

รองผบช.น. เตรียมดำเนินคดีม็อบ6 มี.ค. เป็น 6 กลุ่ม

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.(จต.) ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวถึงกรณีการประกาศชักชวนชุมนุมในหลายสถานที่ โดยเฉพาะศาลอาญารัชดาฯและสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ว่า บช.น.เตือนกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ขณะนี้กรุงเทพฯเป็นพื้นที่ประกาศห้ามชุมนุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค หากมีความเสี่ยงแพร่ระบาดเชื้อโรคจะมีความผิดตามกฎหมาย

สำหรับเหตุการณ์ชุมนุมที่ศาลอาญาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา บช.น.ได้แบ่งการดำเนินกับกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมด 6 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มของ นายปิยรัฐ จงเทพ อายุ 31 ปี หัวหน้าการ์ดอาสาวีโว่ รวม 18 ราย จะถูกดำเนินคดีข้อหา "สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อเตรียมการกระทำผิด, เป็นอั้งยี่และซ่องโจร, พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค"

2. กลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับและหลบหนีไปได้ 3. กลุ่มบุคคลทุบทำลายรถของทางราชการ 4. กลุ่มบุคคลทุบทำลายแนวรั้วทรัพย์สินของทางราชการศาลอาญา มีการนำสิ่งต่างๆ มาเผารวมถึงพระบรมฉายาลักษณ์ บุกรุกเข้ามาในสถานที่ราชการศาลอาญา และสำนักงานอัยการสูงสุด จะถูกดำเนินคดีข้อหา "บุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืน และละเมิดอำนาจศาล" นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาในฐานความผิด "มาตรา 112"

5. กลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆ จะถูกดำเนินคดีข้อหา "ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค" และ 6. กลุ่มบุคคลใช้อาวุธปืนยิงใส่รถตำรวจ กก.ตชด.ที่ 31 ได้รับความเสียหาย 6 คัน พิจารณาในฐานความผิด "พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน"

“หลานกรมพระยาชัยนาทฯ”ฟ้อง“ณัฐพล ใจจริง-ฟ้าเดียวกัน”

วันนี้ (8 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต หลานสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้มอบหมายให้นายสมผล ตระกูลรุ่ง ทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เมื่อวันที่ 5 มี.ค. เพื่อดำเนินคดีต่อนายณัฐพล ใจจริง รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ผู้แต่งหนังสือ “ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ” และ “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี”, นางกุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ หุ้นส่วนสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน, ห้างหุ้นส่วนจำกัด สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน และนายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ในฐานความผิดละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท กรณีที่นายณัฐพลเขียนวิทยานิพนธ์หัวข้อ “การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)” รวมทั้งหนังสือ “ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ. 2475-2500)” และหนังสือ “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี” มีข้อความบางตอนที่โจทก์อ้างว่าบิดเบือนทำให้ได้รับความเสียหาย

ความบางตอนในการบรรยายฟ้องของโจทก์ ระบุว่า วิทยานิพนธ์เรื่องการเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ล้วนเป็นสิ่งที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าไม่เป็นความจริง เป็นการปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ในขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่า ทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันกษัตริย์ การกล่าวหรือไขข่าวด้วยข้อความอันฝ่าฝืนความจริงของจำเลย ได้กระทำทั่วราชอาณาจักร รวมถึงนอกราชอาณาจักร เพื่อทำลายชื่อเสียงของต้นราชสกุลรังสิต

“จึงใคร่ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามจำเลยทั้งหกกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิด โดยให้จำเลยทั้งหกหยุดเผยแพร่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อไป ขอศาลโปรดอนุญาต ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด” ในตอนท้ายของคำฟ้องระบุ


กำลังโหลดความคิดเห็น