ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เมื่อผลสอบชุด “มนู เมฆหมอก” ขั้นตอนไม่ปกติ ทั้งปมสัมพันธ์สนิท “พล.ต.ท.” กรณีข้อเท็จจริง “บิ๊กต่อ-รองต๊ะ” คงต้องมีคำถามที่ “บิ๊กปั๊ด” ต้องตอบอีกเยอะ
เรื่องสะท้านวงการสีกากี กรณีปรากฏชื่อสองนายตำรวจใหญ่ จากเอกสาร “คำสั่งด่วนที่สุด” ของ “บิ๊กใหม่” พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ทวงถามตำรวจภาค 6 ให้รายงานความคืบหน้า คดีจับกุมยาไอซ์ 1,500 กิโลฯ ที่แม่สอด จ.ตาก เมื่อปี 62 ที่ภายหลังมี “เกิดชนะ มินา” ผู้ต้องหา
และ พยานซัดทอดบุคคลกว่า 8 คน ซึ่งรวมถึง “บิ๊กต่อ” พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ “รองต๊ะ” พ.ต.อ.เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ รอง ผบก.อก.บชภ.6
มีรายงานว่า ในวันนี้ (5 มี.ค.) เวลา 10.30 น. “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ คณะ จะแถลงข่าวชี้แจงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว หลังจากก่อนหน้าที่ เป็นข่าวครึกโครม และถูกฝ่ายค้านนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โจมตีการทำงานของตำรวจ ที่ดูแล้วอาจเกิดความไม่โปร่งใส จนทำให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.อดรนทนไม่ไหว เรียกตัว ผบ.ตร.เข้าพบถึง 3 ครั้ง ก่อนที่ “บิ๊กปั๊ด” จะมีคำสั่งได้ตั้ง “พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก” รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ
วันนี้ ผลสอบจะออกมาอย่างไร เป็นเรื่องที่สังคมเฝ้าติดตามกัน เพราะเกี่ยวพันกับ บิ๊กตำรวจชื่อดัง และศรัทธาของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม แต่ก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างทำนายผลไว้ล่วงหน้าว่าผลการสืบสวนของคณะกรรมการสืบสวนที่มี “พล.ต.อ.มนู” เป็นหัวหน้าคณะ น่าจะออกมาในทำนอง นายตำรวจทั้ง 2 นาย ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวแต่อย่างใด
นี่ก็ต้องติดตามกันว่าจริงเท็จแค่ไหน? ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ผบ.ตร. ก็คงต้องเตรียมคำตอบให้สังคมให้ดีจะได้สิ้นสงสัยกันเยอะแน่ๆ
เพราะมีปมหลายปมที่ค้างคาใจ เอาตั้งแต่แรก เอกสารคำสั่งด่วนที่สุด ปรากฏต่อสาธารณะนั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนปกติ ที่ผู้บังคับบัญชาซึ่งรับผิดชอบคดี ณ ขณะนั้น ซึ่งก็คือ “บิ๊กใหม่” ต้องติดตามสอบถามภาค 6 เจ้าของพื้นที่อยู่แล้ว
มีคำถามหลายคำถามในเอกสารที่ยังไม่มีคำตอบ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ผบ.ตร. ก็รับทราบเรื่องจาก “บิ๊กใหม่” มาตลอด ทำไมอมพะนำไว้ ไม่สั่งการ ไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนส่วนกลางดำเนินการ หรือเรียก สองนายตำรวจ ดังมาชี้แจง
รวมไปถึงคำถามสำคัญ ทำไมในสำนวนส่งอัยการ ของคณะสอบสวนจึงได้มีการตัดประเด็นสำคัญที่พยานซัดทอด “บิ๊กตำรวจ” ออกไป ควรหรือไม่ควร ที่จะต้องจัดการทำความจริงให้ปรากฏตามเอกสารคำสั่ง “บิ๊กใหม่” รอง ผบ.ตร
แต่สิ่งที่ ผบ.ตร. ดำเนินการคือ “นับหนึ่งใหม่” สั่ง พล.ต.อ.มนู และคณะขึ้นไปภาค 6 ไปสอบใหม่
ดังนั้น คำสั่งที่ตั้ง พล.ต.อ.มนู ให้ไปลงพื้นที่ตรวจสอบ จึงมีเสียงครหากันในแวดวงสีกากีว่า เป็น “ขั้นตอนที่ไม่ปกติ”
เมื่อไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น ผลก็คือ ภาค 6 ย่อมสอบกันเองแล้วรายงานต่อพล.ต.อ.มนู ซึ่งก็มีประเด็นอีกว่า มีความสนิทสนมเป็นส่วนตัวกับ “บิ๊กต่อ” พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ แล้วข้อเท็จจริงที่จะได้มานั้นจะเพียงพอให้ “น่าเชื่อถือ” หรือไม่ หรืออาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวตัดสินใจกันแบบโอนเอียง หรือไม่ อย่างไร?
ต้องไม่ลืมว่า คดีนี้กลายเป็นประเด็นร้อนที่จะพิสูจน์การทำงานของ ผบ.ตร. ที่ทั้งชีวิตการรับราชการอยู่กับการ “สืบสวนสอบสวน” มาตลอดนั้น ว่าจะตรงไปตรงมาหรือไม่
แว่วว่า ตั้งแต่เกิดเรื่อง มีข้อมูลทางลับจากตำรวจชั้นผู้น้อยในภาค 6 ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต หลั่งไหลมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึง ผบ.ตร.ขอให้ตรวจสอบ “นายตำรวจดัง” ที่ยังไม่คืนบ้านพักที่แม่สอด แม้จะพ้นจากตำแหน่งในแม่สอด ออกมาแล้ว และทั้งๆ ที่มีคฤหาสน์หรู ภายในมีทั้งน้ำตกจำลอง ห้องใต้ดินเก็บไวน์ชั้นดี สนามไดร์ฟกอลฟ์ ไว้รองรับแขกเหรื่อ
เรื่องร้องเรียน มีกระทั่งว่า นายตำรวจคนดังได้เลื่อน 2 ขั้นทุกปี ยังมีอิทธิพลต่อการโยกย้ายตำรวจในพื้นที่ภาค 6 จนมีตำรวจระดับสูงหลายคนสมัครใจติดตามเป็นกลุ่มใหญ่ พากันข้ามไปข้ามมาระหว่าง “เมียวดี-แม่สอด” ในเวลาราชการแทบทุกวัน จนตำรวจผู้น้อยสงสัยกันว่า สามารถกระทำได้หรือ ? น้อยอกน้อยใจกัน
เสียงสะท้อนเหล่านี้ก็ต้องถามกันว่า ผบ.ตร. เคยรับรู้ หรือได้หยิบขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ อย่างไร
แถมท้ายกันด้วยเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันในปทุมวันว่า มี “มือลึกลับ” พยายามจะกดดัน “พยาน” เกิดชนะ มินา ให้กลับคำให้การ ก่อนที่ผลสอบของชุด พล.ต.อ.มนู จะได้ผลสรุป ซึ่งก็ไม่รู้ว่า จริงเท็จประการใด
ทั้งหมดทั้งมวล นี่เป็นคำถาม ที่ บิ๊กปั๊ด คงต้องตอบแก่สังคมให้กระจ่าง คลายสงสัยกัน.
**“ลูกไม้-ญาณิศา” ที่พ่อแม่วาดหวังในอนาคตอันสดใส อาจอนาคตวูบ เมื่อถูกโซเชียลฯขุดว่าเป็นสาวคนสนิทของ “แอมมี่” มือเผา “แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์” ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ นักร้องอินดี้ที่มาดังกับการชุมนุม “ม็อบสามนิ้ว” ผู้ต้องหาคดีวางเพลิงหน้าเรือนจำคลองเปรม ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษธนบุรี ไปเรียบร้อยแล้ว หลังพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขัง แล้วศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงว่าจะหลบหนี
ที่สังคมกำลังติดตามเป็นลำดับต่อไปก็คือ “หญิงสาว” ที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด ขณะที่ “แอมมี่” ทำการเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ที่หน้าเรือนจำคลองเปรม ซึ่งว่ากันว่าเป็น “สาวคนสนิท” ของแอมมี่
แล้วชาวเน็ตก็ไปขุดออกมาว่าหญิงสาวคนดังกล่าวน่าจะเป็น “ลูกไม้” ญาณิศา นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกมายืนยันว่า ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา หรือออกหมายจับ หรือจับกุมใครเพิ่ม หลังจากมีกระแสข่าวว่าหญิงสาวที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิดรายนี้ถูกจับกุม ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะกำลังจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น
แต่เชื่อว่า ขณะนี้พ่อแม่ของน้อง “ลูกไม้” ต้องกำลังทุกข์หนัก กินไม่ได้ นอนไม่หลับเป็นแน่ ที่อนาคตของลูกสาวอาจจะต้องมาดับวูบลง เมื่อพัวพันกับเรื่องนี้
สำหรับ “ลูกไม้-ญาณิศา” เกิดปี 2544 ที่กรุงเทพฯ จบมัธยมปลายจากเตรียมอุดมศึกษา แผนการเรียนภาษา-เยอรมัน เป็นสมาชิกชมรมวงดนตรีสากล ขับร้องเพลง Vilja ในงานวันคัดเลือกตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันภาษาเยอรมันโอลิมปิกวิชาการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ณ เมืองโบว์โกร์ ประเทศอินโดนีเซีย ... เป็นตัวแทนประเทศไทยชนะการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการภาษาเยอรมัน ระดับเอเชียแปซิฟิก 2562 โดยชนะผู้แข่งขันที่เก่ง และมากความสามารถจากหลายประเทศ คว้ารางวัลชนะเลิศ ในระดับภาษา A2
นอกจากความรู้ความสามารถด้านวิชาการระดับหัวกะทิแล้ว “ลูกไม้” ยังเป็น “เด็กกิจกรรม” ในแถวหน้าของโรงเรียน เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม “เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ” นำชูสามนิ้วในโรงเรียนเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมือง และเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงภายในโรงเรียนมาแล้ว
เมื่อมาเป็นเป็นนิสิตชั้นปีที่ 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ หลักสูตรการเมืองและโลกสัมพันธ์ศึกษา (Politics
and Global Studies) ก็ทำให้มีโอกาสมาร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับเยาวชนคนรุ่นใหม่มากขึ้น และจัดว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงในกลุ่มการเมือง “ฝ่ายประชาธิปไตย” มีนิตยสารดังมาขอสัมภาษณ์ ได้รับเชิญไปร่วมเสวนาทางการเมืองบ่อยครั้ง
และประโยคที่เธอมักจะใช้ในการปลุกเร้าผู้ร่วมรับฟัง เพื่อแสดงจุดยืน เพื่อเป้าหมายในเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเมือง ก็คือ... “เราไม่ได้ต้องการออกมาเคลื่อนไหวเพื่อจะเปลี่ยนผู้เล่นในเกม แต่เราต้องการจะเปลี่ยนเกม”...
แต่แล้วชีวิตของ “ลูกไม้” ก็มาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อได้รู้จัก และใกล้ชิด สนิทสนมกับ “แอมมี่” และถูกชักนำให้ทำอะไรแบบขาดสติ ขาดการแยกแยะ ยั้งคิด
ดูจากคำสารภาพของ “แอมมี่” ที่โพสต์ผ่านโซเชียลฯ หลังถูกจับกุมก็พอจะบ่งบอกถึงตัวตนของเขาเป็นอย่างดี...
...“การเผา...ในครั้งนี้ เป็นฝีมือของผม และผมขอรับผิดชอบไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเคลื่อนไหว หรือการเรียกร้องใดๆ การเผา...ในครั้งนี้ ผมยอมรับว่าเป็นความคิดที่โง่เขลา และทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย...”
แม้ว่า “แอมมี่” จะขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว แต่ในทางกฎหมาย การดำเนินคดีย่อมไม่เป็นเช่นนั้น และถ้าผู้หญิงที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดเป็น “ลูกไม้” ก็ย่อมกลายเป็นคนที่ต้องตกอยู่ในอันตราย อาจต้องถูกดำเนินคดีไปด้วย ซึ่งคนที่เป็นพ่อ แม่ ย่อมทุกข์หนักแน่นอน
ต้องติดตามกันต่อไปว่า “หญิงสาว” คนนั้นคือใคร