xs
xsm
sm
md
lg

งานนี้แววออก จับ “เสี่ยโป้” ตัดตอน “หลงจู๊”?? เมื่อ “ผบ.ตร” ปัดแค่เคยได้ยินชื่อ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง **การเมืองไทยก็เป็นแบบนี้แหละ “หมากแลกหมาก” จากธนาธร ถึง ปารีณา-สิระ-เสรีพิศุทธ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว








**งานนี้แววออก จับ “เสี่ยโป้” ตัดตอน “หลงจู๊”?? เมื่อ “ผบ.ตร” ปัดแค่เคยได้ยินชื่อ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง

คดี “เสี่ยโป้” โป้ อานนท์ ที่ถูกจับกุมด้วยข้อหาพนันออนไลน์ กำลังได้รับความสนใจจากสังคม เฝ้าติดตามคดีกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการทำงานของตำรวจ

ประกอบกับ คนใกล้ชิดตัวติดกันกับ “เสี่ยโป้” อย่างอดีตนายตำรวจเก่า “สันธนะ ประยูรรัตน์” ออกมาแฉถึงเบื้องหลัง ทำไมตำรวจถึงจับ “เสี่ยโป้” อ้างว่า มาจากการที่เมื่อปี 2563 เสี่ยโป้ เคยถูก “พ่อบ้านโญ” เรียกเงินจำนวน 10 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเรียกรับผลประโยชน์รายเดือนอีก แต่ เสี่ยโป้ ไม่ยอมจ่ายเลยถูกข่มขู่ แล้วก็เป็นที่มาของการจับกุมในเวลาต่อมา
งานนี้ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ออกตัวว่า การสืบสวนขยายผลคดี “เสี่ยโป้” นั่นไม่ง่าย ต้องใช้เวลา เพราะว่าการตรวจสอบเส้นทางการเงืนที่ผ่านมา ผู้ต้องหาที่มีเงินจำนวนมากจะเรียนรู้ว่า อะไรที่เป็นพยานหลักฐานให้เขาติดคุก เขาจะไม่ทำ และก็จะเห็นว่ามีความพยายามจะสร้างกระแสว่า ทำไมไม่จับคนนั้นคนนี้ ซึ่งเป็นการทำลายน้ำหนักของเจ้าหน้าที่
พอพูดถึงเรื่องสร้างกระแส “ผบ.ตร.” ไม่บอกให้ชัดว่าใคร แต่คนเขาก็รู้ว่าย่อมต้องหมายถึง “สันธนะ” ที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ “เสี่ยโป้” ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ บอกว่า เป็นรุ่นพี่ที่รักใคร่ชอบพอกันมาหลายปี แต่ทุกคนทำอะไร เรื่องสร้างกระแสทั้งหลายก็ทำเพื่อผลประโยชน์ตนเอง และพวกพ้องทั้งนั้น ไม่มีปัญหากับ “สันธนะ” จะมีปัญหาก็แต่ “เป็นคู่รักกันมานาน” เวลาพี่เขาออกมาพูดอะไรก็เหมือนเป็นแฟนคลับคนหนึ่ง ถ้าเรามองในมุมหนึ่งว่าอย่างน้อยก็มีคนคิดถึงเราตลอดเวลา

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
ส่วนกรณีที่ถูกพาดพิงเรื่อง “พ่อบ้านโญ” ซึ่งว่ากันว่า ในวงการบ่อนรู้จักกันดี มีสายสัมพันธ์อันดีกับ ผบ.ตร. “พล.ต.อ.สุวัฒน์” บอกว่า จริงๆ แล้วการที่เอาเรื่องจริงมาผสมเรื่องเท็จ มาพูดสร้างกระแสแต่การมานั่งชี้แจง บางครั้งทำไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในฐานะที่พูดได้ทุกเรื่อง
จากคำตอบนี้ เรื่อง “พ่อบ้านโญ” ตัวละครลับ จึงเป็นปริศนาต่อไป
แล้วก็มาถึงคำถามสำคัญที่สังคมต้องการรู้ “เสี่ยโป้” มีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ?
“พล.ต.อ.สุวัฒน์” ว่าเป็นกระแสที่สร้างขึ้นมาทั้งนั้นอีกเช่นกัน คนนี้เขาก็มีธุรกิจของเขา เขาอาจจะมีพวกพ้อง บริวาร มีคู่ค้า และย้ำว่า ตอนนี้เป็นเกมสู้นอกศาล มีคนพยายามสร้างเรื่องไปเรื่อย ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเองทั้งนั้น และขอยืนยันว่า ในชีวิตไม่เคยรู้จัก “หลงจู๊” ไม่เคยคุยกัน แค่เคยได้ยินชื่อ มีข่าวสารว่าเขาทำอะไร แต่ข่าวอย่างเดียวมันดำเนินคดีได้หรือไม่ ก็ต้องมีพยานหลักฐาน ว่าไปตามกฎหมาย ขอให้ดูกันไป... ใครหนีได้ก็หนีไป

เสี่ยโป้ โป้อานนท์ - หลงจู๊สมชาย
แน่นอนว่า เรื่องนี้ต้องแยกแยะ การจับ “เสี่ยโป้” ด้วยข้อหาพนันออนไลน์นั่นไม่ผิด แถมมีกระแสตอบรับจากสังคมว่า ตำรวจดำเนินการตามหน้าที่ “เสี่ยโป้” จะถูกตัดสินอย่างไร ย่อมเป็นไปตามหลักฐานต่างๆ ในการสอบสวนสืบสวน ...ก็ว่าไปตามขบวนการยุติธรรม แต่คนที่ตามเกมทันงานนี้ ก็เชื่อว่าคงดูกันออก วงการพนันออนไลน์ระดับที่มีเงินหมุนเวียนหลายพันล้าน ลำพัง “เสี่ยโป้” คนเดียวก็คงจะทำไม่ได้แน่ และ หากดูโปรไฟล์เส้นทางของ “เสี่ยโป้” และเสียงยืนยันจากคนในวงการสำทับซ้ำ เสี่ยโป้มีวันนี้ได้เพราะใคร ? ถ้าไมใช่ “หลงจู๊สมชาย” จะเป็นใครได้อีก
งานนี้ จึงย้อนกลับมาที่ “พล.ต.อ.สุวัฒน์” ผบ.ตร. ที่ก็บอกเองว่า จับเสี่ยโป้มาแล้ว “ต้องเอาให้ลงให้ได้” เชื่อมโยงถึงใครจับให้หมด ก็ต้องพิสูจน์ออกมาให้ได้ว่า จะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่ ... แต่นี่กลับย้อนแย้งในตัว กับการที่บอกว่า “เสี่ยโป้” ไม่มีคนอยู่เบื้องหลัง และ ไม่รู้จัก “หลงจู๊” นี่สิประเด็นปัญหา

แววมาแบบนี้ จะไม่ให้คิดกันว่าจับเสี่ยโป้ เพื่อ “ตัดตอน” หลงจู๊ ผู้อยู่เหนือกฎหมายได้อย่างไร ครับทั่น !!



**การเมืองไทยก็เป็นแบบนี้แหละ “หมากแลกหมาก” จากธนาธร ถึง ปารีณา-สิระ-เสรีพิศุทธ์

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ช่วงปีเศษที่ผ่านมาของรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากมองย้อนกลับไปดูการเดินเกมของทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล จะเห็นว่ามีการปะทะกัน ทั้งในสภา นอกสภา...เปรียบไปก็ไม่ต่างจากกระดานหมากรุก ที่มีการ “แลกหมาก” กันอย่างดุเดือด ยอมเสีย “เบี้ย” เสีย “โคน” เพื่อความได้เปรียบในเกม และเพื่อรักษา “ขุน”
“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกเชิดขึ้นมาเป็นตัวแทนฝ่ายค้าน ชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี กับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่แพ้เสียงโหวตไปขาดลอย แบบไม่มีลุ้น...เมื่อแพ้เกมในสภา “ธนาธร” ก็เริ่มออกมาปลุกเยาวชน คนรุ่นใหม่ นักเรียน นิสิต นักศึกษา เดินเกมนอกสภา ยกเอาเรื่อง “ต้านเผด็จการ” แก้รัฐธรรมนูญ เป็นธงนำ ขณะเดียวกัน เขาก็ถูกตอบโต้ด้วยการขุดคุ้ยคุณสมบัติ ทั้งเรื่องถือหุ้นสื่อ และปล่อยเงินกู้ให้พรรค จนสุดท้ายต้องสิ้นสภาพ ส.ส. และถูกยุบพรรค ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แถมมีคดีอาญาพ่วงมาด้วย
เมื่อ “ธนาธร” ถูกตัดเกมออกจากการเมืองในสภา เขามาตั้ง “คณะก้าวหน้า” เคลื่อนไหวนอกสภาต่อ แต่คราวนี้เดินเกมหนักขึ้นแบบ “ทะลุเพดาน” พุ่งเป้าไปที่ “ล้มล้างสถาบันฯ” จนสังคมรับไม่ได้ เกิดกระแสต่อต้านไปทั่ว ขณะเดียวกัน ผลจากการนี้ก็ทำให้มีคดีอาญา มาตรา 112 พ่วงมาด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อเป็นการ “ลอกคราบ” ให้เห็นว่า “ธนาธร” ไม่ได้เสียสละเพื่อมาเล่นการเมืองด้วยการอยากเห็นสังคมที่ดีขึ้น แต่เข้ามาเพื่อหาประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง ... คนในตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” จึงถูกขุดคุ้ยด้วย เรื่องจึงลามไปถึง “แม่และพี่สาว” ที่โดนคดีรุกป่ากว่า 2 พันไร่ ที่ จ.ราชบุรี ส่วน “น้องชาย” เจอคดี “ติดสินบนเจ้าพนักงาน” 20 ล้าน เพื่อให้ได้เข้าไปพัฒนาที่ดิน ที่เป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยไม่ผ่านการประมูล

ปารีณา ไกรคุปต์
ส่วนคนที่เปิดประเด็นเรื่อง “แม่ธนาธร” รุกที่ป่า ก็คือ “เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ก็โดนขุดคุ้ยกลับบ้าง แล้วก็พบว่า “ปารีณา” ก็รุกที่ป่า จ.ราชบุรี เหมือนกัน จึงถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้แจ้งความดำเนินคดี และส่งเรื่องมาให้ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ... ล่าสุด ป.ป.ช.มีมติชี้มูลว่า “ปารีณา” ผิดจริยธรรมร้ายแรง โทษคือต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เพียงแต่ ป.ป.ช.ไม่ได้เป็นผู้ตัดสินลงโทษ ต้องส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาตัดสิน….
อีกคู่ที่เป็นสงครามตัวแทน ฟาดฟันกันดุเดือด คือ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ กับ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และยังสวมหัวโขนเป็นประธาน กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร
“พล.ต.อ.เสรีพุศทธ์” นั้น เปิดฉากถล่ม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเรื่องนำค รม.ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วน มีการยกประเด็นนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ และยังพยายามใช้ระเบียบ ข้อบังคับของสภา เรียก “บิ๊กตู่” ไปคาดคั้นต่อในที่ประชุม กมธ.ป.ป.ช. ทำให้ฝ่ายรัฐบาลต้องส่ง “สิระ เจนจาคะ” เข้าไปนั่งใน กมธ.ป.ป.ช. เป็น “คู่หู” กับ “ปารีณา” ...ในที่ประชุม กมธ.จึงมีการปะทะคารม ออกสื่อให้เห็นกันบ่อยครั้ง
“สิระ” เมื่อได้รับการโปรโมตให้เห็นหัวหมู่ทะลวงฟัน เป็นองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล ก็เริ่มขุดคุ้ยเรื่องของ “เสรีพิศุทธ์” ก็ไปเจอกรณีบ้านพักของ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ที่ย่านบางกระบือ มีการก่อสร้างท่าเทียบเรือรุกล้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จึงได้ไปร้องที่กรมเจ้าท่า และกรมป่าไม้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส - สิระ เจนจาคะ
ขณะเดียวกัน “สิระ” ก็ถูกฝ่ายค้านเข้าชื่อ ยื่นเรื่องถอดถอนจาก ส.ส. กรณีเกี่ยวกับคุณสมบัติต้องห้าม เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวัน “กระทำความผิดอาญา ฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341” ซึ่งเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฯ ได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ถ้าถึงที่สุด ศาลฯ พิจารณาว่ามีความผิดจริง “สิระ” ก็ต้องหมดอนาคตทางการเมืองไปอีกคน
หลังจากศาล รธน. มีมติรับเรื่องของ “สิระ” ไว้พิจารณาได้ไม่กี่วัน...ล่าสุด “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ก็โดน “อธิบดีกรมป่าไม้” นำเรื่องเข้าแจงความต่อ ผบก.ปทส. ให้ดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 กรณีสร้างท่าเทียบเรือรุกแม่น้ำเจ้าพระยาโดยไม่ขออนุญาต และเชื่อว่า เรื่องนี้ก็จะต้องถูกส่งไปที่ ป.ป.ช. เพื่อสอบสวนเอาผิดทางจริยธรรม เหมือนกรณีของ “ปารีณา” เช่นกัน
ทั้งหมดทั้งมวลของตัวละครเหล่านี้ หากมองในแง่ว่าเป็นเพราะทำผิดกฎหมาย จึงถูกดำเนินคดี ถูกยื่นถอดถอน ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรมที่ตัดสินกันด้วยพยาน หลักฐาน ... แต่ถ้ามองใน “มุมการเมือง” ก็คงไม่ต่างจากที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า เหมือน “หมากรุก” เป็นการ “แลกหมาก” กันไปตามเกม ตัวไหนที่ถูกกิน ก็ต้องออกไปอยู่นอกกระดาน




กำลังโหลดความคิดเห็น