ผู้นำฝ่ายค้านห่วงท่าที ส.ว.บางส่วนที่จะไม่ผ่านร่าง รธน.วาระ 3 ลั่นถ้าสภาแก้ รธน.ไม่ได้จะให้ใครแก้ หรือจะรอรัฐประหาร พร้อมรับหลักฐานเอาผิด รมว.ศึกษาฯ เพิ่ม เตรียมยื่น ป.ป.ช. มองปรับ ครม.ก็คงแบบเดิมๆ
วันนี้ (4 มี.ค.) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กรณีที่ ส.ว.เหมือนจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 ว่า รู้สึกกังวลใจ และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคอนโทรลได้ ต้องยอมรับว่า รัฐธรรมนูญถือเป็นกฎหมายแม่บทที่จะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ หากแก้ไขไม่ได้ก็คิดว่าคงไปแก้ไขปัญหาอื่นรวมถึงเศรษฐกิจไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องไปด้วยกัน ดังนั้น หากจะไม่ผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะต้องมีเหตุผล พร้อมถามกลับว่า หากสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นที่ออกกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ แล้วจะแก้ไขด้วยวิธีใดหรือจะต้องรอให้มีการรัฐประหาร
“อยากถามกลับว่ารัฐธรรมนูญเดิมดีที่สุดแล้วหรือ ถ้าไม่รับร่างก็ต้องมีเหตุผล เพราะหมายถึงว่าไม่มีทางแก้ไขได้หรือไม่ แล้วจะรอให้รัฐประหารอีกทีหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ ผมเป็นผู้แทนมา 30 กว่าปี สภาผู้แทนราษฎรเป็นที่ออกกฎหมาย หากแก้ไม่ได้เชื่อว่าจะทำให้เกิดปัญหา” นายสมพงษ์กล่าว
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น นายสมพงษ์ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่าควรเป็นอย่างไร โดยมองว่า แม้จะปรับอย่างไร บุคลากรต่างๆ ก็อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลและเห็นว่าคงจะเป็นแบบเดิมๆ จึงไม่อยากมีข้อคิดเห็นอะไร
นายสมพงษ์ยังกล่าวถึงกรณีที่สมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทยมาพบว่า ได้นำข้อมูลหลักฐานความไม่โปร่งใสในการทำงานของรัฐมนตรีมามอบให้ ซึ่งบางส่วนพรรคมีอยู่แล้ว และจะได้รวบรวมเพื่อยื่นไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ต่อไป โดยในวันพุธ ที่ 10 มี.ค.นี้ จะไปยื่นให้เอาผิดในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (4 มี.ค.) สมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย ได้เข้าพบนายสมพงษ์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย เพื่อมาขอบคุณและให้กำลังใจฝ่ายค้าน หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับข้าราขการครู และระบบการศึกษาไทย ขณะเดียวกันยังได้นำข้อมูลการทุจริตในวงการศึกษามามอบให้ฝ่ายค้านไว้เป็นข้อมูลเพื่อจะได้เป็นประโยชน์ในอนาคต พร้อมฝากไปถึงรัฐบาลขอให้พิจารณารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ที่มีความเหมาะสมใส่ใจเรื่องการศึกษา เข้าใจว่าครูต้องการอะไร มุ่งมั่นทำหน้าที่ตามกฎหมาย ทำงานโปร่งใส ตรวจสอบได้ เข้าใจระบบการศึกษาไทย เข้าใจความต้องการครูในระบบ ใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารงานด้านการศึกษา เพราะตลอดทั้ง 7 ปีที่ผ่านมาไม่เคยที่รัฐมนตรีว่าการที่เข้าใจระบบการศึกษา และครูอย่างแท้จริง