xs
xsm
sm
md
lg

“อนุชา” เขินตอบถูกดันขึ้นนั่งว่าการ ย้ำอำนาจปรับ ครม.อยู่ที่นายกฯ ชี้กระแสแลกกระทรวงเป็นปกติการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เขินตอบถูกดันขึ้นนั่งว่าการ ย้ำ อำนาจปรับครม. อยู่ที่นายกฯ ชี้ กระแสวิ่งเต้น-แลกกระทรวง เป็นเรื่องปกติทางการเมือง เดินเข้าโอบ “ท็อป” ถูกแซวให้แลกกระทรวง

วันนี้ (1 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้อาจจะถูกผลักดันให้ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ว่า ยังไม่มีการพูดถึงและยังไม่มีสัญญาณเรื่องการปรับ ครม.จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังเป็นข่าวตามปกติที่มักจะเกิดขึ้นก่อนการปรับ ครม. ก็จะมีการคาดการณ์อะไรกันไปต่างๆ ก็คาดเดากันไป

นายอนุชากล่าวว่า ในการประชุมกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค พปชร. ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ หากมีการเสนอเป็นวาระหารือในที่ประชุมก็คงต้องพูดคุยกัน แต่ถึงอย่างไรในเวลา 16.30 น.ของวันที่ 2 มี.ค.ก็มีการประชุม กก.บห. อย่างแน่นอน ข่าวก็เป็นข่าว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. และ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะดำเนินการ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไร มีแต่ข่าว และตนในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ก็ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเห็นทุกครั้งว่าก่อนปรับ ครม.ก็มักจะมีสถานการณ์เช่นนี้ คือมีอย่างนั้นอย่างนี้ออกมาจนจะกลายเป็นเรื่องปกติ เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกฯ โดยตรงที่จะคิดและตัดสินใจเพื่อประโยชน์ในการทำงานของรัฐบาล และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน นายกฯ คงคิดในแง่มุมเหล่านี้มากกว่า

เมื่อถามถึงกรณีที่ ส.ส.พรรค พปชร.ร่วมกันลงลายมือชื่อเสนอให้หัวหน้าพรรค พปชร.พิจารณาคนในมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแทนมากกว่าที่จะเลือกคนนอก เลขาธิการ พปชร.กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบและไม่รู้ว่ามีหนังสือดังกล่าวที่ไปถึงหัวหน้าพรรคจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การจะเลือกคนในหรือคนนอก อยู่ที่นายกฯ จะตัดสินใจเอง ว่าอะไรคือประโยชน์สูงสุดต่อการทำงานของรัฐบาล และต่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งมั่นใจในจุดนั้น เพราะข่าวที่ออกมาถือเป็นข่าวปกติที่จะเกิดขึ้นในช่วงจะมีการปรับ ครม. ไม่น่าจะมีอะไรเป็นข้อวิตกกังวล

“การเคลื่อนไหวในพรรคเป็นเรื่องปกติ ก่อนปรับ ครม.ทุกครั้งก็มักจะมีเหตุการณ์อย่างนี้ ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่เคยเป็นมาในอดีตแม้แต่น้อย ส่วนกรณีที่มี ส.ส.ภาคใต้แสดงเจตจำนงอยากให้มีรัฐมนตรีจากภาคใต้ด้วยนั้น ทุกอย่างอยู่ที่ กก.บห.พรรค พปชร. และนายกฯ เชื่อว่าคงไม่มีใครมาต่อรองตำแหน่ง ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับใครในเรื่องทำนองอย่างนี้ และยังไม่มี ส.ส.ใต้คนไหนมาพูดคุยอะไร มีเพียงกระแสข่าว และก็ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมืองทุกครั้ง ที่จะมีกระแสข่าว และขอย้ำว่าทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของนายกฯ คนเดียวว่าช่วงเวลาเหมาะสมอย่างไร จะเร็วหรือช้า ใครที่เหมาะสมอยู่ที่ความคิดของนายกฯ เพียงคนเดียว แต่เชื่อว่าการตัดสินใจทุกอย่างอยู่ที่การทำหน้าที่ของรัฐบาล เพื่อทำงานให้ประชาชนและประเทศชาติได้ต่อไป ซึ่งเป็นหลักคิดของผู้นำรัฐบาลอยู่แล้ว”

เมื่อถามย้ำว่า ส่วนตัวหากได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ให้ไปดำรงในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง นายอนุชากล่าวว่า แล้วแต่ผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะให้ไปทำงานในส่วนไหนก็ทำอย่างเต็มความสามารถ ไม่มีการต่อรองหรือเรียกร้องใดๆ ตนไม่เคยพูดเรื่องเหล่านั้น แล้วโดยส่วนตัวชอบทำงาน ขอให้เป็นตำแหน่งเชิงสร้างสรรค์ หากผู้ใหญ่มอบหมายก็ทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติก็จะทำ แม้กระทั่งอยู่ตำแหน่งปัจจุบันนี้ก็ทำอย่างเต็มความสามารถให้เกิดประโยชน์ต่อรัฐบาลสังคมและประเทศชาติ

เมื่อถามถึงผลการสอบสวน 7 ส.ส.พรรค พปชร.ที่โหวตสวนมติพรรค นายอนุชากล่าวว่า ยังไม่ครบกำหนดการสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตนไม่ลงไปยุ่งไม่เข้าไปก้าวก่าย ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยระบุว่ายังไม่พอใจนั้น นายอนุชากล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน รอให้คณะกรรมการสอบก่อน ยังมีขั้นตอนการทำงานของพรรค ให้คณะกรรมการได้พิจารณา ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องพา 7 ส.ส.ไปขอโทษหัวหน้าพรรค ภท.หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ก็ต้องเป็นขั้นเป็นตอนว่าจะทำถึงจุดไหนอย่างไร แต่ยังที่ตนได้กล่าวไปแล้วก็ขอย้ำอีกครั้งว่าตนเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะในทางการเมืองถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเรื่องของส่วนรวม

เมื่อถามย้ำว่า แต่ดูแล้วทางพรรค ภท.ยังไม่รับคำขอโทษ นายอนุชากล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ก็ไปว่ากัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตนต้องทำ จะรับหรือไม่รับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในฐานะเลขาธิการพรรคจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ควรทำ เพราะเป็นเรื่องของการอยู่ร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายอนุชาให้สัมภาษณ์สักพักหนึ่ง นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ได้เดินทางถึงหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ทันใดนั้นนายอนุชาได้เข้าสวมกอดและจับมือกับนายวราวุธ จนกระทั่งถูกกลุ่มผู้สื่อข่าวแซวว่าแลกกันกระทรวงกันหรือไม่ ระหว่างพรรคพ ปชร.และพรรค ชทพ. เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของวงสนทนา ก่อนนายอนุชาจะยกมือไหว้ และตบบ่านายวราวุธ ก่อนจะแยกย้ายกันไปประชุม โดยนายอนุชาได้เดินไปที่ตึกภักดีบดินทร์ เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 1/2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม


กำลังโหลดความคิดเห็น