สถ.เวียนย้ำ! “อาสาดูแลคนชราท้องถิ่น” ของ มท.จากโครงการเงินกู้สู้โควิด ไร้ปัญหาเป็น “ผู้สมัครนายกเล็ก-ส.ท.ทั่วประเทศ” ได้ หลัง กกต.ยันลักษณะงาน-ค่าตอบแทนมิใช่งานประจำ-เงินเดือนในทำนองเดียวกัน กับ จนท.รัฐอื่น คาดใช้มาตรฐานเดียวกับสมัคร อบต.ในอนาคต
วันนี้ (24 ก.พ.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) มีหนังสือเวียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ แจ้งข้อหารือกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น ของกระทรวงมหาดไทย มีความประสงค์จะสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาล
โดย สถ.ได้รับการสอบถามจากสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรณีดังกล่าวซึ่งอาจเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 40 (14) หรือไม่
“กกต.ได้ตอบข้อหารือต่อกรณีดังกล่าวแล้ว สรุปว่า ลักษณะงานและค่าตอบแทนของอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น มิใช่งานประจำ และมีเงินเดือนในทำนองเดียวกันกับพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ จึงไม่เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกกสภาเทศบาล ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 40 (14)
สำหรับอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นฯ เป็นหนึ่งในโครงการเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 พ.ศ. 2563 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้รับงบประมาณวงเงินไม่เกิน 1,080.59 ล้านบาท
ทั้งนี้ คุณสมบัติของผู้สมัครเข้าอบรมตามหลักสูตรนี้ก่อนได้ค่าจ้าง ระบุว่า จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ไม่เป็นจ้าหน้าที่รัฐ หรือบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายโดยได้รับค่าตอบแทนประจำ โดยจะได้ค่าตอบแทน 5,000 บาท/เดือน หากเข้าอบรมครบ 70 ชั่วโมง
โดยล่าสุดพบว่ามีอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นฯ ในบางพื้นที่ “ลาออก” ไปประกอบอาชีพอื่น ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย ประสานขอให้รายงานข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น (อสม.ดูแลคนชรา) ทั่วประเทศ และจำนวนอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นที่ยื่นหนังสือลาออกเป็นรายเดือน
ข้อหารือดังกล่าวจะเป็นมาตรฐานในการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารสว่นตำบล (อบต.) ในอนาคตด้วย