ปธ.วิปฝ่ายค้าน ยกค่าโง่โฮปเวลล์-เหมืองทองอัครา อัดข้อหา “ประยุทธ์” เอื้อพวกพ้อง ไล่บี้ “สุเทพ” รับผิดชอบค่าเสียหาย ลากเวลาคดีจนเกือบครบ 2 ปี ถึงเริ่มตั้ง กก.สอบ เชื่อสู้ไปก็ไม่ชนะ ยันไม่มีใครกล้าลากสถาบันฯ มาล้อเล่น
วันนี้ (16 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ได้ระบุถึงการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องโดยหยิบยกปัญหาค่าโง่โครงการโฮปเวลล์ เรื่องที่ทำให้มีเสาตอม่อโผล่อยู่เต็ม กทม. ซึ่งนายกฯ ไปยกเลิกสัญญาปี 42 แบบประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้มีการฟ้องร้อง กระทั่งศาลปกครองสูงสุดสั่งให้รัฐบาลต้องชดใช้ 25,000 ล้านบาท โดยแนวทางที่ชดใช้คือ 1. รัฐบาลต้องชดใช้เอง 2. รัฐบาลต้องไปฟ้องร้องรัฐมนตรีที่ยกเลิกสัญญา คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในความเห็นตน ทางที่ถูกนั้นต้องทำตาม พ.ร.บ.การกระทำละเมิดเจ้าหน้าที่รัฐ รัฐบาลต้องไปตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่ามีการละเมิดร้ายแรงจริงหรือไม่ และส่งศาลเพื่อให้ผู้กระทำผิดชดใช้อย่างเช่นกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในกรณีจำนำข้าว แต่ทำไมรัฐบาลไม่ทำ
“จริงๆ แล้วรัฐบาลควรฟ้องภายใน 2 ปีตามอายุความ คือ เดือน เม.ย. 62 ถึงเดือน เม.ย. 64 ดังนั้น รัฐบาลจึงมีเวลาแค่ 2 เดือนในการฟ้องผู้ที่ละเมิด ถ้าเลย 2 เดือน รัฐบาลต้องเป็นผู้ชดใช้ ผมจึงอยากถามเพื่อจะวัดหัวใจนายกฯ และรัฐบาลว่าจะเอาเงินจากนายสุเทพ หรือจากรัฐบาล และหากผ่านพ้น 2 เดือนไปแล้วนายกฯ ไม่ทำอะไร พวกผมจะดำเนินการตามมาตรการ 157 ต่อนายกฯ ซึ่งผมเชื่อว่านายกฯ คงไม่กล้า เพราะรัฐมนตรีท่านนี้มีบุญคุณส่งเสียให้ท่านเป็นนายกฯ ขณะที่รัฐบาลใช้เทคนิคเซียนเหยียบเมฆ ด้วยการบอกว่าคดียังไม่สิ้นสุด โดยใช้กระบวนการศาลรัฐธรรมนูญยกเลิกคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด เพื่อจะได้ไม่ต้องเอาผิดต่อผู้ที่ละเมิด ผมเชื่อว่าสู้ให้ตายก็ไม่ชนะ เพราะไม่มีอะไรมากลับคำพิพากษาของศาลปกครองได้ แต่สุดท้ายรัฐบาลก็จะสู้ไม่หยุดจนหมดอายุความ”
นายสุทินยังกล่าวถึงกรณีเหมืองทองอัครา คือจุดด่างพร้อยจากการที่ใช้ ม.44 พร่ำเพรื่อ ซึ่งค่าเสียหายอยู่ที่ประมาณ 3-4 หมื่นล้าน นายกฯ ยังเคยพูดว่าจะรับผิดชอบเอง แต่เอาเข้าจริงมาถึงวันนี้กลับไม่ทำ เรากำลังรอคอยว่าสุดท้ายแล้วคำตัดสินจะไปจบที่ตรงไหน จะลงเอยแบบโฮปเวลล์หรือไม่ จะปัดความรับผิดชอบ โดยยกประโยชน์ของแผ่นดินให้บริษัท เหมืองทองอัคราแทนหรือไม่ ผลประโยชน์ที่ท่านจะยกให้มีค่ามากกว่าเหมืองทั้งหมด เป็นพื้นที่ดินกว่า 3 แสนไร่ เพื่อแลกกับการถอนฟ้อง ท้ายที่สุดท่านก็จะเป็นเบ๊ให้เขาขี่คอ ถือว่าการกระทำของท่านขาดศีลธรรมอย่างหนักในการเป็นนายกฯ ขาดภาวะผู้นำ
“ด้วยการบริหารของนายกฯ อย่างที่กล่าวมา จะปรับบุคลากรคงไม่พอแล้ว นายกฯ ต้องลาออก ผมหวังว่าการอภิปรายทั้งหมดจะเกิดประโยชน์ เกิดการปรับเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนบุคคล อย่าคิดว่าจะไม่มีใครในประเทศขึ้นมาทำตำแหน่งนี้ได้ สุดท้ายเรื่องการพาดพิงสถาบันฯ ขอให้ท่านทำใจเป็นธรรม ไม่มีใครกล้านำเรื่องนี้มาล้อเล่น สมัยก่อนไม่มีเรื่องนี้เพราะไม่มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ และถ้าเกิดขึ้นเราก็มีสิทธิ์ห่วงและจะพูดในสิ่งที่จะปกป้อง การตั้งใจมาพูดเพื่อเตือนนายกฯ จึงไม่ใช่ความผิด เรื่องที่เกิดขึ้นในม็อบ นายกฯ ก็ควรเสียสละ ตัดไฟแต่ต้นลม ให้จอดที่นายกฯ ก็จบ อย่าให้มันเลยป้าย เมื่อเลยป้ายผมก็ได้เตือน เพราะหากเป็นนายกฯ ประเทศอื่นคงลาออกไปนานแล้ว แต่กลับมาชี้หน้าด่าคนอื่น” นายสุทินกล่าว