ศาลปกครองสูงสุดชี้ กสทช.มีอำนาจสั่งผู้บริการมือถือยุติเก็บค่าบริการ หากแจงไม่ได้เก็บเกินจริง

ศาลปคกครองสูงสุดพิพากษา กสทช.มีอำนาจสั่งผู้ให้บริการมือถือสิ้นสิทธิเก็บค่าบริการเกินจริงได้ หากพบประชาชนร้องเรียนว่าเก็บค่าบริการสูงเกินจริง และผู้ให้บริการไม่อาจพิสูจน์ข้อเท็จจริงยืนยันความถูกต้องของการเรียกเก็บค่าบริการตาม กม.ได้ 

วันนี้ (15 ก.พ.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางที่สั่งยกฟ้องคดีที่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ยื่นฟ้องสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ เลขาธิการ กสทช. เพื่อขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติ กสทช.ในการประชุมครั้งที่ 7/2558  เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2558 กรณีให้เอไอเอสสิ้นสิทธิการในการเรียกเก็บค่าบริการในส่วนที่เกินจากรายการส่งเสริมการขาย GSM Smart 200 ค่าบริการขั้นต่ำ 200บาท โทร.ฟรีทุกเครือข่าย 200 นาที ส่วนเกินนาทีละ 1.50 บาท ตามข้อร้องเรียนของผู้ใช้บริการส่งเสริมการขายดังกล่าวว่ามีการเรียกเก็บค่าใช้บริการสูงผิดปกติไม่สมเหตุสมผลและไม่เป็นธรรม  

ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า เอไอเอสซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงเพื่อยืนยันความถูกต้องของการเรียกเก็บค่าบริการและต้องแจ้งข้อมูลให้ผู้ใช้บริการทราบตามกฎหมาย แต่ข้อเท็จจริงในคดีปรากฏว่า เอไอเอสได้มีการตรวจสอบข้อมูลการใช้บริการโดยแสดงบันทึกรายละเอียดการใช้บริการ ภายในระยะเวลา 60 วัน  นับแต่วันที่ผู้ใช้บริการส่งเสริมการขาย GSM Smart มีคำขอเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงยืนยันความถูกต้องของการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการ อันเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย  กสทช.ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจกำกับดูแล คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมิให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคม ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 จึงมีอำนาจในการพิจารณาสั่งให้ เอไอเอส สิ้นสิทธิการในการเรียกเก็บค่าบริการในจำนวนที่ผู้ใช้บริการส่งเสริมการขาย GSM Smart ได้โต้แย้งนั้นได้ การที่ศาลปกครองกลางพิจารณายกฟ้องนั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย