ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ปูด “ก๊วนฉลาม” เจ้าเก่า กุนซือ “หลงจู๊สมชาย” เบื้องหลังทำคดีเบาหวิว-ไหวตัวย้ายทรัพย์สินหนี
ว่าด้วยการเข้าตรวจค้นและจับกุม สมชาย จุติกิติ์เดชา หรือ “หลงจู๊สมชาย” เจ้าพ่อบ่อนภาคตะวันออกที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เดินทางไปสอบสวนด้วยตัวเอง แต่ยังคงมีปมค้างคาใจให้ได้ติดตามกันต่อ
เริ่มต้นกันที่กองปราบปราม “พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น” ผกก.2 บก.ป. เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ออกมาเปิดเผยความคืบหน้า ว่า จากการตรวจค้นบ้านของ “หลงจู๊สมชาย” พบว่า ภายในบ้านไม่มีทรัพย์สินของมีค่าหลงเหลืออยู่ ทั้งในห้องลับใต้ดิน รวมทั้งตู้เซฟในห้องนอนของหลงจู๊สมชาย เมื่อให้เปิดดูพบว่า มีแค่ธนบัตร 100 บาท กับ พระอีก 1 องค์เท่านั้น คาดว่า เจ้าตัวน่าจะรู้ตัวล่วงหน้า และมีการขนย้ายออกไปก่อนที่ตำรวจกองปราบปรามจะเข้าค้น
นอกจากนี้ พบว่า เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดก็ถูกถอดออกไปแล้วเช่นกัน
ตามด้วยจากการตรวจค้นทั้งหมด 10 จุด ต่างเป็นบ้านที่เป็นเครือข่ายของ “หลงจู๊สมชาย” สามารถตรวจยึดทรัพย์สินที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับคดี ได้ 7 จุด โดยที่บ้านหลงจู๊ ยึดได้รถเบนซ์ อเนกประสงค์ และ รถโตโยต้า เซียนต้า เท่านั้น
เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ผู้ต้องหาอีก 4 ราย ที่เป็นเครือข่ายถูกออกหมายจับน่าจะรู้ตัวล่วงหน้า และขนย้ายทรัพย์สินมีค่าออกจากบ้านก่อนหน้าที่ตำรวจจะเข้าไม่กี่วัน เพราะบางบ้านยังมีการเปิดไฟห้องนอนและห้องน้ำ
ทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่ตำรวจตามพบ จะเป็นที่บ้านของ “ดำรงค์ แซ่โง้ว” น้องชายหลงจู๊สมชาย ที่ตรวจค้นได้มากหน่อย โดยมีทองรูปพรรณ เครื่องเพชร พระเครื่อง รถเรนจ์โรเวอร์ อีโวค สีดำ และ รถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ ระบุชื่อคนที่เป็นของเครือข่ายหลงจู๊ อีกเกือบ 100 เล่ม โฉนดที่ดิน และคอนโดมิเนียมกว่า 30 โฉนด มีทั้งในจังหวัดระยองและใกล้เคียง
นี่น่าจะสะท้อนให้เห็นว่า “หลงจู๊สมชาย” นั้น ไม่ธรรมดาจริงๆ มีตำรวจเป็น “หนอนบ่อนไส้” คอยเป็น “พรายกระซิบ” จึงรู้ทันความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่อย่างที่หลายคนตั้งข้อสงสัยกันแต่แรก
แน่นอนว่า “หลงจู๊สมชาย” มีเวลาและเตรียมตัวล่วงหน้ามานานกว่า 2 เดือนแล้ว ตั้งแต่ “โป๊ะแตก” บ่อน บขส.เก่าระยอง ถูกระบุว่า เป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิดระลอกใหม่ เขาก็เริ่มเคลื่อนไหวหาทางหนีทีไล่ไว้ล่วงหน้า เพราะประเมินว่าไม่ช้าก็เร็ว เมื่อผู้มีอำนาจรัฐถูกแรงกดดันจากสังคมบีบคั้นหนักๆ โอกาสที่จะถูก “จับ” นั้นก็สูง
เมื่อจะถูกจับอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น คนที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังหลงจู๊จึงเริ่มวางแผน คิดอ่านหาทางออกสวยๆ เตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ
มีข่าววงในจากปฏิบัติการจับ “หลงจู๊สมชาย” ครั้งนี้ ว่า คนที่เป็น “กุนซือใหญ่” ให้หลงจู๊ไม่ใช่ใครที่ไหน หากเป็น “ก๊วนฉลาม” หรือ ทีมอดีตนายตำรวจใหญ่ ที่เคยมีอำนาจบารมีในภาค 2 นำโดย “ฉลามตาฟาง” เจ้าเก่า
อดีตนายตำรวจระดับสูงเหล่านี้ คนหนึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ปลุกปั้น “หลงจู๊สมชาย” ขึ้นมา รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี
ส่วนคนหัวขบวน “ฉลามตาฟาง” นั้น อยู่ในฐานะ “ลูกพี่ใหญ่” เพราะแม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่แล้ว แต่มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีบารมีในทำเนียบ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และด้วยเส้นสายที่วางไว้แทบจะทุก สน. จากการโยกย้ายแต่งตั้งคนของตัวเองเข้าประจำพื้นที่ภาคตะวันออกในสมัยที่ยังมีอำนาจ คอยประสานกำลังกันยังมีบทบาทกันในการที่จะปัดเป่าสำนวนคดีจากหนักให้เป็นเบาถึงเบาหวิวที่สุด ช่วยเหลือหลงจู๊อยู่ตลอดเวลา
ว่ากันว่า คดีเก่าที่ถูกงัดมาออกหมายจับหลงจู๊ครั้งนี้ ก็ผ่านกระบวนการพวกนี้ กุนซือฉลามดูในแง่กฎหมายที่อาศัยความช่ำชอง คลุกคลีในวงการพนัน และสั่งการเครือข่ายชงสำนวนคดีอ่อนๆ “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต” จนมั่นใจว่า “เบาหวิว” ได้ประกันตัวแน่ ซึ่งหากไม่ทำเช่นนี้ ว่ากันตรงไปตรงมา ข้อกล่าวหาของ “หลงจู๊สมชาย” จะหนักหนาสาหัสกว่านี้ ทั้งฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเจ้าของบ่อน ซึ่งเป็นมูลฐานที่นำไปสู่การเป็นคดี “ฟอกเงิน” จะสู้คดีก็ยาก และดีไม่ดีภัยจะลามมาถึงตัว เนื่องเพราะกฎหมายฟอกเงิน การตรวจสอบเส้นทางเงิน และผลประโยชน์ที่หากสาวกัน
จริงๆ “ส่วยบ่อน” ที่เกาะกินกันมานานจะพากันพังพาบไปทั้งขบวนการ
ทำไมหลงจู๊และเครือข่ายจึงไหวตัวทัน ยักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สิน และ คดีเบาหวิว จนได้ประกันตัวแบบไม่บอบช้ำอะไรเลย ก็เพราะมีกุนซือดี อย่างนี้นี่เอง
**ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ยุค “บิ๊กตู่” ก็มีการซื้อขายข้อมูล โดยนายหน้าถึงกับเปิดบ้านให้ “รัฐมนตรี-มือซักฟอก” ได้เจรจาเกี้ยเซียะ ติวข้อสอบกัน
ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเริ่มแล้ว โดยมี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และรัฐมนตรีอีก 9 คนเป็นเป้า
ตามญัตติที่ฝ่ายค้านยื่นไปนั้น ข้อหาของ “บิ๊กตู่” ดูจะหนักหนาสาหัสกว่าใครเพื่อน ในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล... บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่อง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต เพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก และมีการระบาดของโรคโควิด-19 เศรษฐกิจดิ่งเหว บ่อนการพนันกระจายไปทั่ว
...ไม่ยึดมั่นศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ... ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันฯเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันฯมาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลว ในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง...
วันนี้ (16ก.พ.) “บิ๊กตู่” จะโดนขึงเป็นคิวแรก ส่วนคิวที่สองเป็น “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ด้วยเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการจัดหาวัคซีนล่าช้า ...การอภิปรายจะดุเดือดแค่ไหน ฝ่ายรัฐบาลจะเบรกเกม แก้เกมอย่างไร ต้องติดตามกัน
แม้โดนตั้งข้อหาหนัก แต่ดูเหมือน “บิ๊กตู่” จะไม่เคร่งเครียดสักเท่าไร ฟังจากรายงานว่าในที่ประชุม ครม.เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) นายกฯ บอกว่า ได้เตรียมข้อมูลไว้ชี้แจงเรียบร้อยแล้ว ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ หลังจากไปติวเข้มมาแล้ว ก็ขอให้เตรียมตัวให้ดี การพูดจาชี้แจงต้องให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย ...สุดท้ายเชื่อว่าทุกคนจะรอดไปด้วยกัน
แน่นอนว่า “บิ๊กตู่” ยอมมั่นใจว่า รัฐมนตรีทุกคนจะรอด เพราะ “จำนวนมือ” ของฝ่ายรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้านเยอะ ไม่ได้อยู่ในสภาพปริ่มน้ำเหมือนช่วงตั้งรัฐบาลใหม่ๆ แล้ว ...แต่ที่น่าสนใจคือ ผลคะแนนของรัฐมนตรีแต่ละคนจะออกมาเท่ากันหรือไม่ ถ้าไม่เท่ากัน ใครจะเป็นผู้อยู่รั้งท้าย ...เพราะนั่นหมายความว่า นอกจากจะถูกมองว่าเป็นรัฐมนตรีที่ไม่มีประสิทธิภาพแล้ว อาจตกเก้าอี้หากมีการปรับ ครม.ตามมา
บรรยากาศช่วง “โหมโรง” ก่อนการอภิปราย จึงมีกระแสข่าวเกี่ยวกับคนในฝั่งรัฐบาล มีการ “แทงข้างหลัง” กันเอง แอบเอาข้อมูลไปให้ฝ่ายค้านถล่มรัฐมนตรีเป้าหมาย โดยเฉพาะรัฐมนตรีป้ายแดงที่ยังไม่เคยผ่านศึกอภิปราย อย่าง “เสี่ยตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน
นอกจากนี้ “กลุ่มพรรคเล็ก” ที่มี “ชัช เตาปูน” ชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท เป็นหัวขบวน ก็ออกมาส่งสัญญาณทวงเก้าอี้รัฐมนตรี ด้วยเงื่อนไขว่า ต้องฟังการชี้แจงของรัฐมนตรีก่อนโหวต ... ซึ่งคะแนนจากพรรคเล็กอาจจะไม่ถึงกับทำให้รัฐมนตรีตกเก้าอี้ แต่ก็ทำให้ใครบางคนผวา ด้วยไม่อยาก “ยืนอมบ๊วย” อยู่ท้ายแถว
ล่าสุด ยังมีกระแสข่าว “นายหน้าค้าข้อสอบ” ซึ่งเป็นระดับแกนนำของพรรคฝ่ายค้าน นาม “เจ๊ จ.” พยายามประสานไปยัง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ถูกวางตัวให้เป็น “มือซักฟอก” เพื่อขอข้อมูลที่จะใช้อภิปราย โดยอ้างว่าจะนำไปช่วยจัดทำสไลด์ อินโฟกราฟิก ประกอบการอภิปราย จะได้ดูน่าสนใจ เข้าใจง่าย และมีน้ำหนักมากขึ้น
ว่ากันว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “เจ๊ จ.” ถึงกับเปิดบ้านพักของตัวเองที่ย่านบางเขน ให้ “รัฐมนตรี-มือซักฟอก” ได้พบปะเจรจาเกี้ยเซียะ ซักซ้อมติวข้อสอบให้กัน...ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการจัดหาห้องในสภา ตั้งเป็น “วอร์รูม” ขนาดย่อมไว้กำกับการอภิปรายให้เป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ด้วย
อย่างว่า ไม่มีรัฐมนตรีคนใดอยากตกเป็นเป้าอภิปราย แต่เมื่อถูกจับ “ขึ้นเขียง” ก็ต้องดิ้นรนทุกวิธี หาทางผ่อนหนักให้เป็นเบา ... จึงไปเข้าทางฝ่ายค้านที่จ้องหาประโยชน์อยู่พอดี ...เหมือนอย่างการอภิปรายเมื่อครั้งที่แล้ว ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่าฝ่ายค้านล้มมวย “เสี่ย จ.” ชกไม่เต็มหมัด “ส.ส.เขียนคิ้ววาดเครา” เผาเวลา จนทำให้ “พี่น้อง 2 ป.” เต้นฟุตเวิร์กชิ่งออกจากมุมอับไปได้อย่างสวยงาม
การอภิปรายครั้งนี้ ก็ต้องจับตาว่าจะดุเดือด จริงจัง หรือ จืดชืดเป็นมวยล้ม เหมือนครั้งที่แล้วหรือไม่