อยู่เฉยไม่ได้แล้ว! “โบว์” ประณามใคร? ชาติชั่วแค่ไหน หมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถามพวกนัก ปชต.ไปไหนหมด “ดร.เสรี” ด่าไม่ยั้ง “ไม่ใช่คิดต่าง มันคือ คิดชั่ว ต่ำช้า ถ่อยสถุล วันๆ เอาแต่แซะ แขวะ ด้อยค่าสถาบัน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 ก.พ. 64) น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“คนเราต้องชาติชั่วขนาดไหน จึงเอาภาพจากการแอบถ่ายที่เป็นอาชญากรรมทางเพศที่เกิดขึ้นกับเรามาเกินสองปี มาเผยแพร่ในแอกเคานต์กลุ่มด่าเจ้า บนทวิตเตอร์ พร้อมกล่าวหาว่า ถ่ายเองปล่อยเอง เรียกเราว่า ดาวโป๊ เมื่อถูกนักข่าวต่างชาติเขียนประณาม ก็ลบออก เพราะกลัวจะถูกแบนในสังคมวิชาการ แล้วรีทวีตข้อความตั้งคำถามว่า จะถ่ายไว้เองทำไม ให้คนที่เพิ่งตื่นมาสนใจการเมืองไม่กี่เดือนเข้ามารุมถากถางเรา
คนชั่วนั้นชั่วจนเป็นที่ประจักษ์ในสังคมอยู่แล้ว เพราะเราไม่ใช่คนแรกที่ถูกกระทำแบบนี้ และชั่วได้ไม่สิ้นสุด ปั้นแต่งเรื่องได้ทุกอย่าง เพราะรู้ตัวว่า กระบวนการยุติธรรมในประเทศเอื้อมไม่ถึง และเราไม่มีทรัพยากรพอจะเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมในต่างประเทศ
แต่ขอบันทึกไว้ว่า การดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เหล่านี้ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับคนมากมายท่ามกลางความเงียบกริบของกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า นักปกป้องสิทธิและนักประชาธิปไตยในเมืองไทย เพราะคิดว่าพฤติกรรมแบบนี้จะนำมาซึ่งชัยชนะทางการเมืองได้
การต่อสู้โดยไม่เลือกวิธีการไม่ใช่วิถีประชาธิปไตย
และเราไม่เคยต่อสู้เพื่อสังคมอนาธิปไตย”
ก่อนหน้านี้ น.ส.ณัฏฐา ได้โพสต์ข้อความว่า “สุดท้ายคนที่ปกป้องสิทธิเราคือคนที่ไม่เคยเรียกตัวเองว่านักประชาธิปไตย นักสิทธิมนุษยชน หรือ นักสิทธิสตรี .. และสื่อที่สนับสนุนการต่อสู้แบบไม่เลือกวิธีการก็จะแกล้งทำเป็นไม่เห็นทุกความเลวร้ายต่อไป”
ทั้งนี้ นายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชล อดีตนักข่าวอดีตนักข่าวรอยเตอร์ นักเคลื่อนไหวโจมตีสถาบันฯ ได้ออกมาโจมตี นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ว่า รู้สึกผิดหวังที่เห็นปวิน ละเมิดคุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา อีกครั้ง ด้วยการเผยแพร่ภาพที่ถูกแอบถ่ายโดยปราศจากความยินยอมของเธอ และกล่าวหาเธอด้วยความเท็จ
พร้อมระบุวลีเด็ดว่า “เสรีภาพในการพูดไม่ได้หมายความว่า ปวินจะสามารถกลั่นแกล้งละเมิดใครได้อย่างลอยนวล...”
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 64 นายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชลล์ ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Andrew MacGregor Marshall ว่า
“ความเงียบที่คุณได้ยิน คือ การที่ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ตระหนักแล้วว่า เขาจะไม่สามารถไปเป็นอาจารย์รับเชิญในมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ยุโรป หรือออสเตรเลีย ได้อีกต่อไป นอกเสียจากว่า เขาจะรับผิดชอบต่อพฤติกรรมละเมิดผู้อื่นและการเผยแพร่ภาพความสัมพันธ์ที่ถูกแอบถ่ายโดยปราศจากความยินยอม แล้วชดใช้แก้ไขความผิดต่อบุคคลที่เป็นเหยื่อจากการกระทำของเขา”
อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ลี้ภัยในญี่ปุ่น โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า
“อีโบว์ ณัฏฐา นี่กล้าชี้หน้าคนอื่นนะ ว่าทำ Fake News ทั้งๆ ที่ตัวเอง Fake News เรื่องคลิปโป๊ตัวเอง ที่ถ่ายเอง ปล่อยเอง แล้วมั่นหน้ามาถามหาความซื่อสัตย์สุจริตจากคนอื่น ก่อนจะด่าใคร หยิบกระจกขึ้นดูเงาหัวตัวเองนิดนึง #ชั่วบริสุทธิ์ #ขยะเปียก #เจ้าแม่FakeNews #กระหายแสง”
ด้าน ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“คุณหาว่า มาตรา 112 ละเมิดสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นของคนคิดต่าง
แล้วที่สร้างวาทกรรมด้วยความเท็จหมิ่นในหลวงล่ะ ไม่ละเมิดอย่างนั้นหรือ
แล้วที่สาวกของคุณเอาทัวร์ไปลงด่าคนคิดต่างด้วยข้อความหยาบคายล่ะ ละเมิดไหมล่ะ
ที่พวกคุณคิดและแสดงออกนั้น มันไม่ใช่คิดต่างค่ะ แต่มันคือคิดชั่วที่ทำให้พวกคุณแสดงออกที่ต่ำช้า หยาบคาย ถ่อยสถุล วันๆเอาแต่แซะ แขวะ ด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์
คนไทย 99% เขาไม่เอากับคุณหรอก คิดใหม่ แล้วเลิกชั่ว ทำดีไม่เป็น ก็เริ่มต้นปรับปรุงตัวด้วยการหยุดทำชั่วได้แล้ว ระวังคุณจะไม่มีที่ยืนในสังคมไทย เขาจะร้องเพลงหนักแผ่นดินไล่คุณทุกแห่งทุกหนที่คุณไปนะ”
แน่นอน, ประเด็นของ “โบว์” และ “ดร.เสรี” มีความคล้ายอย่างหนึ่ง ก็คือ พุ่งเป้าโจมตีไปที่คนบางคน บางกลุ่ม และเครือข่ายเดียวกัน หรือที่เรียกว่า “สาวก” ที่ใช้วิธีการสกปรก แบบไม่เลือกวิธี เพื่อให้ได้ชัยชนะ คือ ด้อยค่าสิ่งที่ตัวเองต้องการโจมตี หรือ ทำลายล้าง ต่อให้สร้างเรื่องเท็จ บิดเบือน แซะ แขวะ เสียบประจาน ก็ไม่รู้สึกผิด หรือ มีสำนึกรับผิดชอบแต่อย่างใด แถมคนจำพวกนี้ ก็ยังกล้าเรียกตัวเองว่า เป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” และอวดอ้างว่า ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
เพียงแต่กรณีของ “โบว์” ถูกละเมิดอย่างหนักหนาสาหัส ถึงขึ้นนำเอาคลิปแอบถ่ายมาประจานด้วย และเขาคนนั้น ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ทุกคนรู้ดีว่า คือ “ตัวแม่” ในการยุยงปลุกปั่น ให้การเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้ว หรือ ม็อบล้มเจ้าในไทยเป็นไปอย่างดุเดือดร้อนแรง เพราะตัวเองลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ รัฐบาลยากที่จะจัดการได้
ยิ่งกว่านั้น ที่เห็นได้ชัดก็คือ ใครก็ตามที่คิดต่างและเห็นต่างจากนางในแนวทางการต่อสู้ หรือ ทำตัวขัดแย้งกับนาง เมื่อนั้น ให้เตรียมพบกับวิบัติที่จะตามมาได้เลย ไม่ว่าจะถูกทัวร์ลง หรือ ถูกนำเอามาเสียบประจานชนิดกัดไม่ปล่อย และขุดเอาเรื่องราวฉาวโฉ่ขึ้นมาเล่นไม่หยุด อย่างที่ “โบว์” และหลายคนโดนเข้าไป แถมไม่เลือกว่า จะเป็นฝ่าย “ล้มเจ้า” ด้วยกันหรือไม่ด้วย
เรื่องนี้ นายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชลล์ น่าจะรู้ดีกว่าใครเพื่อน
เหนืออื่นใด นั่นไม่เพียงสะท้อนให้เห็นว่า การต่อสู้ทางการเมืองในประเทศไทย เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ สันติ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย อย่างที่กล่าวอ้าง เพราะมีอะไรแอบแฝงอยู่มากมาย ทั้งกลเกมหลอกลวง ยุยงปลุกปั่นจากบุคคลที่กล่าวมาแล้ว
หากแต่สะท้อนให้เห็นด้วยว่า “ผู้นำ” ทางความคิดในการต่อสู้ ที่มาจากคนซึ่งถูกแฉพฤติกรรมเลวร้ายออกมาอย่างนี้ ประเทศไทยจะมีอนาคตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างไร คนไทยพร้อมที่จะเสี่ยงด้วยหรือไม่ มันอาจเป็นแค่ “เตะหมูเข้าปากหมา” หรือไม่ ก็ลองคิดแล้วกัน