“อดีต ส.ว.รสนา” เสนอรัฐบาลและท้องถิ่นสนับสนุนประชาชนปลูกฟ้าทะลายโจร ควบคู่ไปกับการรอคอยวัคซีน เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ชี้ ในเวลาวิกฤตใหญ่เช่นนี้ อะไรที่แก้ปัญหาได้ พึ่งตนเองได้ ต้องสนับสนุนกันเต็มที่ เพื่อประโยชน์สุขของคนไทยทั้ง 68 ล้านคน
วันนี้ (26 ม.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก
รสนา โตสิตระกูล ในหัวข้อ อะเมซิ่งไทยแลนด์! ค้นพบฟ้าทะลายโจร สมุนไพรตัวแรกในโลกที่ฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ มีเนื้อหาระบุว่า “ความจริงแล้ว เรื่องฟ้าทะลายโจรฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้นั้น เป็นข่าวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่คนไทยทั่วไปยังไม่ค่อยตื่นเต้นกันมากนัก เพราะตอนนั้นคนไทยติดเชื้อโควิด-19 ยังไม่ถึง 4,000 (ณ เดือนตุลาคม 2563 คนติดเชื้อในไทย จำนวน 3,736 ราย) ตายไม่ถึง 60 คน ด้วยซ้ำ แต่พอใกล้สิ้นปีเก่าเข้าปีใหม่ไม่ถึงเดือน เจอโควิดรอบสอง คนติดเชื้อเหยียบหลักหมื่นขึ้นไปแล้ว คนไทยตื่นตกใจ และหวังพึ่งวัคซีนมาช่วยป้องกันโควิด-19
เราควรพัฒนาทางเลือกที่หลากหลายในการต้านภัยโควิด-19 นอกเหนือไปจากการรอคอย หวังพึ่งวัคซีนอย่างเดียวทั้งที่เราสามารถพึ่งตัวเองได้โดยใช้ยาไทย เช่น ฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีการยืนยันชัดเจนจากผลการวิจัยของภาครัฐเองว่า ทั้งสารสกัดเดี่ยวและสารสกัดหยาบของฟ้าทะลายโจร สามารถฆ่าเชื้อโควิดในหลอดทดลองได้ 100% จึงได้มีการวิจัยขยายผลต่อ โดยใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยตรง
บัดนี้ ผลการวิจัยขั้นต้นก็ปรากฏชัดออกมาแล้วว่า ยาฟ้าทะลายโจรสามารถรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่ติดเชื้อน้อยและปานกลางให้หายขาดได้ภายใน 3-5 วันเท่านั้น โดยไม่ต้องใช้ยาต้านเชื้อขนานอื่น และในรายที่ติดเชื้อรุนแรง ยาฟ้าทะลายโจรก็สามารถลดเชื้อได้มากกว่า 95% ภายในเวลา 3 วัน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นรายการยาที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ที่ใช้รักษาอาการ ไข้หวัด ไข้ตัวร้อน ไอ เจ็บคอ ฯลฯ อยู่แล้ว
จริงอยู่ แม้ผลวิจัยนี้จะสรุปมาจากการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เพียง 5 รายก็ตาม แต่ในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในขอบเขตทั่วโลก มีแนวโน้มว่าจะรุนแรงมากขึ้น ลำพังวัคซีนซึ่งพัฒนามาแค่ปีเดียวอาจจะเอาไม่อยู่ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการกลายพันธุ์
ดังนั้น ในระหว่างที่รอผลวิจัยการใช้ยาฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข ควรเร่งหาแนวทางการใช้ยาฟ้าทะลายโจรและร่วมกับยากลุ่มอื่นในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างจริงจัง ซึ่งน่าจะเป็นแนวทางที่เป็นไปได้ เพราะในขณะนี้ กลุ่มยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ก็มิใช่ยาที่มีผลวิจัยว่าสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้เลยด้วยซ้ำ เช่น ยาฟาวิพิราเวียร์ ที่นำเข้าจากญี่ปุ่น หรือ ยาฟาวิลาเวีย ร์จากจีน ซึ่งมีราคาแพงมาก และยังมีปริมาณผลิตไม่เพียงพอต่อการใช้รักษาโรคระบาดในเวลานี้
ที่แปลกแต่จริง ก็คือ ยากลุ่มนี้เป็นยาที่มีผลวิจัยใช้ต้านเชื้อฟาวิไวรัสเท่านั้น เช่น ไข้เลือดออก อีโบล่า ไข้เหลือง เป็นต้น
ยังไม่เคยมีผลวิจัยว่าสามารถฆ่าเชื้อโคโรนาไวรัส ซาร์ส 2 ในหลอดทดลองได้ด้วยซ้ำ แต่ก็ยังนำมาใช้เป็นยาหลักในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ในเวลานี้
สิ่งที่รัฐบาลควรทำคู่ขนานกันไปกับการรอคอยวัคซีนเพื่อรับมือกับโรคระบาดโควิด-19 ในเวลานี้ ก็คือ เดินหน้าเต็มสูบ สนับสนุนงานวิจัยการใช้ยาฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมกับลงมือพัฒนาสูตรตำรับยาฟ้าทะลายโจร และเร่งขยายการปลูกเพื่อจัดเตรียมวัตถุดิบให้มีคุณภาพและปริมาณมากพอในการผลิตยาฟ้าทะลายโจรสำหรับคนทั้งประเทศ ซึ่งน่าจะทำได้เร็วกว่า และใช้งบประมาณน้อยกว่าการสั่งซื้อยาจากต่างประเทศที่นอกจากราคาแพงแล้ว ยังไม่มีผลวิจัยรับรองว่าฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ด้วยซ้ำ
รัฐบาลและองค์กรท้องถิ่นระหว่างนี้ควรส่งเสริมประชาชนปลูกฟ้าทะลายโจร ทั้งเพื่อใช้เอง และขายเป็นรายได้ ฟ้าทะลายโจรใช้เวลาปลูกเพียง 45 วัน จะเป็นการช่วยให้ประชาชนมีรายได้ โดยรัฐบาลและองค์กรท้องถิ่นทำระบบรับซื้อ ให้มีหน่วยส่งเสริมการปลูกฟ้าทะลายโจร จัดหาเมล็ดพันธุ์มาให้ประชาชน และจัดระบบการรับซื้อและผลิตเป็นยาจากสมุนไพรที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เพื่อนำมาใช้ในรักษาควบคู่ไปกับยาแผนปัจจุบันขนานอื่น
ชีวิตของคนแต่ละชีวิต เวลาแต่ละวินาทีนั้นมีค่ามาก เพราะเมื่อสูญเสียไปแล้วจะเอากลับคืนมาไม่ได้ ในเวลาที่เผชิญกับวิกฤตใหญ่เช่นนี้ ต้องร่วมแรงร่วมใจกันอะไรที่ทำได้ แก้ปัญหาได้ พึ่งตนเองได้ ต้องสนับสนุนกันเต็มที่ เพื่อประโยชน์สุขของคนไทยทั้ง 68 ล้านคน เป็นที่ตั้ง