“สุดารัตน์” ควง “น้องต๊ะ “ ลูกชูวิทย์พร้อมทีมคนรุ่นใหม่ “กลุ่มสร้างไทย” ลุยชุมชนย่านลาดพร้าว วางแนวทางดูแลคนตัวเล็ก แนะรัฐเยียวยาทุกครอบครัว ประคองผ่านสถานการณ์วิกฤตโควิด
วันนี้ (24 ม.ค.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พร้อมด้วยนายบำรุง รัตนะ อดีต ส.ก. นำทีมคนรุ่นใหม่อาสาสมัครกลุ่มสร้างไทย ลงพื้นที่ชุมชนจันทราสุข ลาดพร้าว 87 เพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชนคนตัวเล็ก และร่วมคิดร่วมแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากให้ประชาชน โดยกลุ่มสร้างไทยย้ำถึงเป้าหมายที่จะสร้างความเท่าเทียม และให้โอกาสคนตัวเล็กในการสร้างรายได้ ตั้งแต่เกษตรกร ลูกจ้าง พ่อค้าแม่ขาย SMEs จนถึงโอกาสของคนรุ่นใหม่ อย่าง Startup
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวถึงการมาลงพื้นที่ในโครงการรวมพลังสู้ภัย COVID และได้พาทีมอาสาของกลุ่มสร้างไทย มาฝึกทำงานรับใช้ประชาชน ซึ่งแต่ละคนมีความรู้ ความสามารถ และมีจิตใจที่อาสามาช่วยสังคม มาช่วยคนตัวเล็กที่กำลังยากลำบาก น้องๆ เหล่านี้จะร่วมกันใช้ความรู้จากโลกยุคใหม่และเทคโนโลยีมาช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่คนตัวเล็กที่กำลังตกงาน กำลังขาดรายได้
ปัญหาที่ประชาชนในชุมชนจันทราสุขร้องเรียนก็คือปัญหาปากท้องที่ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ก่อน COVID จนมาถึงการระบาดรอบที่ 2 การเยียวยาไม่ทั่วถึง คนที่ยากลำบากกลับไม่ได้รับการเยียวยา หลายรายถึงกับบ่นว่ากำลังจะอดตาย บางครอบครัวตกงานทั้งบ้าน ทีมอาสาของกลุ่มสร้างไทยจะได้เข้ามาช่วยทำเรื่องการพัฒนาสินค้าชุมชน ทั้งด้านคุณภาพ การดีไซน์ ตลอดจนการขายออนไลน์
ในการเยี่ยมชุมชนครั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์พร้อมทีมอาสาได้ช่วยกันแจกข้าวสารที่ทางกลุ่มสร้างไทย ได้ช่วยซื้อมาจากชาวนาที่ถูกกดราคาข้าวเปลือก เหลือเพียงกิโลกรัมละ 6-7 บาท เป็นการช่วยชาวนาให้ขายข้าวได้ราคาแพงขึ้นและนำข้าวนั้นมาช่วยผู้ที่เดือดร้อนจากพิษโควิดใน กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมอาสาสร้างไทยที่ร่วมคณะในวันนี้ประกอบด้วย นายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยคอร์เนล และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด, น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ นักวางแผนนโยบายจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด, นายรณกาจ ชินสำราญ นักธุรกิจ เจ้าของภัตตาคารมากรูโระ, น.ส.เกณิกา ตาปสนันทน์ เจ้าของธุรกิจ Bambinista Salon, น.ส.ณิชกมล บัวงาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และ น.ส.ตระการตา หรือต๊ะ กมลวิศิษฎ์ นักเศรษฐศาสตร์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บุตรสาวของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่องดังด้วย
คุณหญิงสุดารัตน์ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาโควิด-19 หลังการลงพื้นที่ชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพมหานครว่า จากการลงพื้นที่จะได้เห็นสภาพชุมชนแออัดในกรุงเทพมหานครซึ่งมีจำนวนประชากรเป็น 1 ใน 3 ของประชากรกรุงเทพฯ ที่เป็นผู้ด้อยโอกาสเข้าไม่ถึงมาตรการของรัฐ ส่วนใหญ่ยากจน และเป็นผู้สูงอายุ บางคนไม่มีโทรศัพท์มือถือหรือมีรุ่นที่ไม่สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันจึงไม่สามารถลงทะเบียนรับการช่วยเหลือได้ ดังนั้นจึงอยากเอาใจช่วยรัฐบาลให้บริหารเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท มาสร้างเศรษฐกิจให้พลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ได้ และให้ไปถึงคนที่เดือดร้อนจริงๆ พร้อมเสนอให้เยียวยาผู้ยากไร้ทุกครอบครัว โดยใช้ข้อมูลจากสำนักงานเขตหรือชุมชนที่มีข้อมูลผู้มีมีรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อปีอยู่แล้ว แม้การเยียวยาทุกครอบครัวอาจไม่ได้ให้เงินจำนวนมาก แต่จะทำให้ชาวบ้านสามารถเลี้ยงตัวเองได้ อยากให้เยียวยาทุกครอบครัวอาจจะไม่ได้เงินเยอะ แต่เขาสามารถประคับประคองเลี้ยงตัวเองได้ ทั้งนี้ เงินกู้ 1 ล้านล้านจะต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ ให้ถึงทุกคนเดือดร้อน ใช้วิธีง่ายๆ ด้วยการแจกครัวเรือน และต้องเร่งเยียวยาให้ทันท่วงที
ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งโครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน แม้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ทันที จึงอยากให้รัฐมีโครงการที่จะใช้เงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้จริง เพราะหากใช้ไม่ถูกจุดจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจโดยรวมแย่ลง