ปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน เตรียมเชิญ ศบค.-สธ.-มท.แจงเรื่อง “หน้ากาก-วัคซีน” 22 ม.ค.นี้ หาข้อเท็จจริงรัฐเอื้อประโยชน์เอกชน พร้อมนำทีมแจกหน้ากาก-แอลกอฮอล์ 12 ตลาดสังกัด กทม.
วันนี้ (14 ม.ค.) พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้บริหารสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จัดกิจกรรม “ถึงห่างแต่ยังห่วง ปี 2 : ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งความห่วงใยต้านภัยโควิด-19” ส่งมอบหน้ากากอนามัยแบบผ้า และสเปรย์แอลกอฮอล์ จำนวนกว่า 1 หมื่นชิ้น ให้ น.ส.อำภา นรนาถตระกูล ผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะตัวแทนกรุงเทพมหานคร และผู้แทนผู้ประกอบการจาก 12 ตลาดในสังกัดกรุงเทพมหานคร คือ ตลาดประชานิเวศน์ 1 ตลาดรัชดาภิเษก ตลาดธนบุรี ตลาดบางกะปิ ตลาดเทวราช ตลาดหนองจอก ตลาดสิงหา ตลาดราษฎร์บูรณะ ตลาดพระเครื่องวงเวียนเล็ก ตลาดบางแคภิรมย์ ตลาดนัดจตุจักรมีนบุรี และตลาดนัดจตุจักร เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนที่เดินทางไปจับจ่ายใช้สอยในตลาดหรือพื้นที่แออัด รวมถึงประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ กทม.
พล.อ.วิทวัสกล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ผู้ตรวจการแผ่นดินมีความห่วงใยประชาชน และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงได้จัดกิจกรรมดังกล่าวโดยวันนี้ได้ส่งมอบหน้ากากอนามัยแบบผ้า และสเปรย์แอลกอฮอล์ จำนวน 3,000 ชิ้น ให้แแก่ตลาดในสังกัดกรุงเทพมหานคร 12 แห่ง คือ ตลาดประชานิเวศน์ 1 ตลาดรัชดาภิเษก ตลาดธนบุรี ตลาดบางกะปิ ตลาดเทวราช ตลาดหนองจอก ตลาดสิงหา ตลาดราษฎร์บูรณะ ตลาดพระเครื่องวงเวียนเล็ก ตลาดบางแคภิรมย์ ตลาดนัดจตุจักรมีนบุรี และตลาดนัดจตุจักร เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนที่เดินทางไปจับจ่ายใช้สอยในตลาดหรือพื้นที่แออัด รวมถึงประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ กทม.
นอกจากนี้จะทยอยจัดส่งหน้ากากอนามัยแบบผ้าให้แก่ประชาชนที่ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนมายังสำนักงาน ในปี 2563 ทั่วประเทศ อีกกว่า 7,000 ชิ้น หวังเป็นอีกกำลังที่ช่วยให้ประชาชนพร้อมรับมือและก้าวผ่านสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ไปด้วย
“การแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงทั่วประเทศ แม้รัฐจะมีมาตรการเฝ้าระวัง ติดตาม ควบคุมการแพร่ระบาดของโรค อีกทั้งยกระดับมาตรการในการตรวจสอบและเฝ้าระวังการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามแดนที่ผิดกฎหมายอย่างเข้มข้น แต่ประชาชนต้องตระหนักและร่วมกันป้องกันตนเองโดยการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ การล้างมือ และการเว้นระยะห่างทางสังคม ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัดมีคนจำนวนมาก งดเข้าบ่อน ผับบาร์ สถานบันเทิงทุกชนิด เป็นหูเป็นตาช่วยเจ้าหน้าที่สอดส่องดูแลการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย”
พล.อ.วิทวัสยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นร้องให้ตรวจสอบเรื่องการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ล่าช้า รวมถึงการผลิตหน้ากากของบริษัท ซีพี ที่ถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ว่า ที่ผ่านมา ศบค.ก็ทำงานเข้มแข็ง มีการประชุมแก้ไขปัญหาทุกวัน ประเด็นที่นายศรีสุวรรณร้องนั้น ทางผู้ตรวจจะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ศบค. สธ. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงมหาดไทย ในวันที่ 22 มกราคมนี้ เพื่อสอบถามข้อมูล แต่ในระหว่างนี้จะให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พูดคุยกับบริษัทเอกชนที่มีการผลิตหน้ากากเมื่อปี 2563 ว่าผลิตแล้วส่งไปที่ไหน ขายได้เท่าไหร่ บริจาคเท่าไหร่ คิดว่าในวันที่ 24 มกราคมน่าจะได้ข้อมูล
ส่วนในเรื่องการจัดซื้อวัคซีนของไทยล่าช้า เท่าที่ทราบรัฐบาลมีการเตรียมการว่าใน 3 เดือนแรกจะมีการนำเข้าวัคซีน 2 แสนโดส ส่วนที่มองว่าบริษัทที่ขายวัคซีนมีหลายแห่ง แต่ประเด็นสำคัญคือวัคซีนที่นำเข้ามานั้นต้องได้รับการรับรองคุณภาพ โดย 2 บริษัท คือ ได้รับการรับรองมาตรฐาน จึงทำให้มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าจะเกิดความปลอดภัย และหากนำมาฉีดให้กับประชาชนแล้วเกิดหาก็ยังสามารถที่จะตรวจสอบได้ แต่ไม่อยากให้ไปเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับวัคซีนแล้ว
แต่ที่มองว่าการจัดซื้อวัคซีนจากบริษัทของจีนเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนไทยที่เข้าไปถือหุ้นหรือไม่ พล.อ.วิทวัสกล่าวว่า เรื่องการเข้าไปถือหุ้นของบริษัทเอกชนเป็นเรื่องยากเพราะเป็นสิทธิของเขา เป็นแข่งขันทางการธุรกิจของเขา ส่วนตัวมองว่าเรื่องวัคซีนถึงอย่างไรราคาก็เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วโลกอยู่แล้ว แต่ควรเน้นในเรื่องของมาตรฐานวัคซีนที่ อย.ต้องรับรอง ซึ่งในส่วนที่ อปท.จะจัดซื้อวัคซีนฉีดให้กับประชาชนในท้องถิ่นเองนั้นก็ขอให้ดูว่าวัคซีนที่ซื้อได้มาตรฐานหรือไม่
ส่วนที่มีการ้องเรียนว่าไม่ควรปิดตลาดนัดชุมชนโดยที่ไม่ปิดห้างสรรพสินค้า ส่วนตัวมองว่าหน่วยงานไม่อยากให้มีการปิดตลาด แต่หากพบผู้ติดเชื้อก็คิดว่าควรจะต้องมีการปิด ซึ่งจากที่ได้พูดคุยกัน ผอ.ตลาดในพื้นที่ กทม. คิดว่าอยู่ที่มาตรการในการคัดกรอง หากเข้มงวดเรื่องการเข้าออก การล้างมือ ใส่หน้ากาก และเว้นระยะห่าง การติดเชื้อไม่เกิด ก็ไม่ต้องนำไปสู่การปิดตลาด