นายกฯ เผยรัฐบาลกำลังประเมินสถานการณ์ระบาดโควิดรอบใหม่เพื่อกำหนดมาตรการดูแลเศรษฐกิจ คาดสิ้น ม.ค.ชัดเจน แต่เบื้องต้น ครม.ไฟเขียวช่วยเสริมสภาพคล่องเอสเอ็มอี ลดเงินสมทบประกันสังคม ลดค่าน้ำ-ไฟ-อินเทอร์เน็ต ยันเรื่องเงินไม่มีปัญหา กู้ 1 ล้านล้านยังเหลือ 4.9 แสนล้าน บวกงบกลางอีก 1.3 แสนล้าน
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.19 น. ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความว่า “การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นมาได้ประมาณ 3 สัปดาห์ (ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2563) จนถึงวันนี้ ณ ปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อแม้จะยังสูง คือ 200-300 คนต่อวัน แต่เป็นการเพิ่มที่ค่อนข้างคงที่ ไม่ได้สูงขึ้นต่อเนื่องทุกวันอย่างที่เราวิตกในตอนแรก และผู้ติดเชื้อระลอกใหม่นี้ ใช้เวลารักษาหายเร็วขึ้นมาก
ในรอบ 4 วันที่ผ่านมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 มกราคมจนถึงวันนี้ เรารักษาหายรวมกันเกือบ 1,500 คน การระบาดรอบใหม่นี้เรามีความพร้อมมากกว่าเมื่อปีที่แล้วมาก ทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ ป้องกัน โรงพยาบาล บุคลากร ความรู้ความเข้าใจในการป้องกัน ที่สำคัญมากคือ ความร่วมมือ ความรับผิดชอบของพี่น้องประชาชน ช่วยกันจำกัด การแพร่ระบาด
อย่างไรก็ตาม การที่ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 หลักต่อวัน การตรวจหาเชื้อเชิงรุกยังพบผู้ติดเชื้อมากบ้างน้อยบ้างในแต่ละวัน แสดงว่าแม้เราจะควบคุมการระบาดระลอกใหม่ได้ในเบื้องต้น แต่ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ทำให้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศให้ลดลงมาเหลือสองหลัก หลักเดียวจนควบคุมได้ในที่สุด
“ผมมั่นใจว่าเราจะทำได้แน่นอน เหมือนที่เราเคยทำได้มาแล้ว เรื่องวัคซีนผมได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เร่งรัดกระบวนการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ให้เร็ว วัคซีนมาถึงแล้ว ฉีดให้ประชาชนได้ทันที โดยเฉพาะวัคซีนของแอสตราเซเนกา ที่ประเทศไทยได้รับสิทธิให้เป็นผู้ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย กระทรวงสาธารณสุขได้ทำแผนการฉีดวัคซีนไว้เรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นไปตามหลักสากลที่ใช้กันอยู่ คือ เรียงตามลำดับความเสี่ยง กลุ่มบุคลการทางการแพทย์ ผู้สูงวัย ผู้มีโรคประจำตัว คนที่พื้นที่ที่มีการระบาดสูง จะได้รับก่อน เรื่องนี้เตรียมไว้หมดแล้ว
การระบาดระลอกใหม่ แม้จะไม่มีการปิดสถานที่ต่างๆ เป็นวงกว้าง ไม่มีการจำกัดการเดินทาง การออกนอกเคหสถาน เป็นวงกว้าง เหมือนการระบาดเมื่อต้นปีก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางส่วนยังดำเนินต่อไปได้ ยอดค่าใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่ง ยังอยู่ในระดับเดียวกับก่อนการระบาด แต่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงที่มีการควบคุมระดับสูงสุด ส่งผลต่อรายได้ของผู้ประกอบการ และพนักงาน ลูกจ้าง
รัฐบาลกำลังประเมินสถานการณ์การระบาด เพื่อกำหนดมาตรการดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเรื่องการช่วยเหลือเงินเยียวยาค่าครองชีพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการะบาดรอบนี้ ผมคาดว่าภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ เราจะมีความชัดเจนและจะมีมาตรการออกมาได้
ในระหว่างนี้ มาตรการดูแลเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้ายังคงมีอยู่ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน การเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ มีมติอนุมัติมาตรการบรรเทาผลกระทบในระยะเร่งด่วน ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ 1. มาตรการเสริมสภาพคล่อง บรรเทาภาระหนี้สินของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและประชาช2. มาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงาน การลดหย่อนเงินสมทบ นายจ้างและผู้ประกันตน เพิ่มสิทธิประโยชน์การว่างงาน ฯลฯ 3. มาตรการลดค่าใช้จ่ายประชาชน โดยการลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และค่าอินเทอร์เน็ต
อีกเรื่องที่ผมจะต้องขอย้ำ คือ เรื่องที่รัฐบาลมีเงินเพียงพอสำหรับการดูแลเศรษฐกิจ ในรอบการระบาดใหม่นี้ เพราะเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ตามพระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา ฟื้นฟู เศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา เราใช้ไป 5 แสนกว่าล้านบาท ยังเหลือ ประมาณ 4.9 แสนล้านบาท
“นอกจากนี้ เรายังมีงบกลางของงบประมาณ ปี 2564 อีกประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งใช้ในกรณีฉุกเฉิน และเร่งด่วน รวมกันแล้ว 6 แสนล้านบาท เรื่องเงินเราไม่มีปัญหา จะใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพตรงจุด และทันการณ์นั่นคือสิ่งสำคัญกว่า ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าเรารับมือโควิดได้ รอบแรกนั้นเราไม่มีประสบการณ์ความรู้ แต่เราก็รับมือได้จนเป็นต้นแบบของโลกมาแล้ว ครั้งนี้ด้วยประสบการณ์บวกกับความเชี่ยวชาญของทีมสาธารณสุข และที่สำคัญที่สุดคือ เราทุกคนต้องร่วมมือกัน เราจะผ่านมันไปได้อีกครั้งเหมือนที่เราร่วมมือกันทำสำเร็จมาแล้ว ขอบคุณครับ”