นายกฯ วอนนักพนันเข้าสู่ระบบการคัดกรองโรคเพื่อรับผิดชอบต่อสังคม ครอบครัวและตัวเอง ขอความร่วมมืออย่าค้านตั้ง รพ.สนาม ลั่นยังไม่ล็อกดาวน์ 5 จังหวัด ขู่วันหน้าแก้ไม่ได้ก็อาจจะต้องล็อกดาวน์ บอกสื่อดูแลตัวเองกันด้วยนะจ๊ะ
วันนี้ (5 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในเรื่องบ่อนการพนันได้พูดไปแล้ว ทุกคนรู้ตัวอยู่แล้วว่าใครได้เข้าไปเล่นพนันในบ่อน และเราไม่ได้ติดตามเพื่อไปลงโทษ ดังนั้น ขอให้ทุกคนเข้าไปพบแพทย์เพื่อเข้าสู่ระบบการตรวจคัดกรองเนื่องจากตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง และสังคม ครอบครัวควบคู่ไปด้วย ไม่ว่าจะเข้าไปแอบเล่นในบ่อนวิ่งหรือบ่อนในต่างประเทศก็ตาม ทุกคนรู้ตัวดีอยู่แล้ว วันนี้ได้ตั้งคณะกรรมการติดตามการทำงานในเรื่องนี้ซึ่งยังต้องใช้กฎหมายอีกหลายฉบับที่เกี่ยวข้อง ไม่เช่นนั้นก็จะตามผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สักที และเจ้าหน้าที่ก็ต้องถูกลงโทษ วันนี้เราต้องเข้มงวดทุกอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีประชาชนคัดค้านการตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ตัวเอง อย่างที่ จ.ราชบุรี เพื่อรองรับคนติดเชื้อโควิดจากสมุทรสาคร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้ามีความจำเป็นก็ต้องตั้ง และต้องสร้างความเข้าใจกับชุมชนและท้องถิ่นให้ดี เรื่องนี้ต้องคิดถึงส่วนรวมด้วย รวมทั้งมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด โรงพยาบาลสนามมีมาตรการควบคุมชัดเจนเช่นเดียวกับโรงพยาบาลทั่วไป ไม่เช่นนั้นโรงพยาบาลอื่นก็อันตราย การตั้งโรงพยาบาลสนามก็เพียงแต่ต้องการกระจายไปอยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดจำนวนมาก โรงพยาบาลที่มีอยู่เดิมอาจไม่เพียงพอ และอาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่เข้ารับบริการโรคอื่นๆ จึงขอความร่วมมือจากทุกคนไม่ต้องห่วงเพราะมีระบบการตรวจสอบคัดกรองอย่างดี ไม่ได้ปล่อยให้ไปเกี่ยวข้องกับส่วนอื่นๆ อยู่แล้วขอฝากไปถึงท้องถิ่นด้วย
เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ เพดานสูงสุดที่จะตัดสินใจล็อกดาวน์ทั้งประเทศอยู่ที่จำนวนเท่าไหร่ หรืออะไรคือปัจจัยที่จะล็อกดาวน์ทั้งประเทศ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาทั้งด้านของสุขภาพ เศรษฐกิจ จะต้องไปด้วยกันให้ได้ เราต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่กับโควิดได้อย่างไร ทุกคนต้องช่วยกันรัฐบาลพร้อมดูแล ถ้าเราไม่ช่วยกันก็จะไปด้วยกันไม่ได้ทั้งหมด เราพร้อมรับผิดชอบอยู่แล้วในเรื่องเหล่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงเทศกาลที่ผ่านมาพบว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่ประชาชนจองที่พักไว้ก่อนประกาศเป็นพื้นที่สีแดง สีส้ม ไม่สามารถเลื่อนการเข้าพัก หรือขอคืนเงินมัดจำ 60% ได้ ผู้ประกอบการบางรายต้องให้จ่ายอีก 40% จึงจะเลื่อนได้ ทำให้เกิดปัญหาทิ้งจอง และถูกริบเงินค่ามัดจำ รัฐบาลจะเยียวยากลุ่มนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องการขอคืนเงินมัดจำต่างๆ ก็ขอความร่วมมือกับบรรดาสมาคมที่พัก โรงแรมต่างๆ รวมทั้งการริบเงินค่ามัดจำ
ส่วนความสับสนโครงการคนละครึ่ง โดยมีข่าวเรื่องการเก็บภาษีนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้มาจากไหน เป็นคนละเรื่องและไม่เกี่ยวข้องกัน เราช่วยเหลือเพื่อผ่อนภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ไม่เกี่ยวกับภาษีอะไรทั้งสิ้น จะไปเก็บได้อย่างไร
ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนช่วยกันทำความเข้าใจให้ดีเราต้องร่วมมือกันให้ได้วันนี้เราต้องเข้าใจตรงกันว่าวันนี้เรากำลัง รวมไทยสร้างชาติ ร่วมต้านโควิด-19 ขอให้ทุกคนระลึกถึงคำนี้เสมอว่ามีความสำคัญอย่างไร วันนี้เราต้องสร้างประเทศของเราให้เข้มแข็ง มั่นคง ยั่งยืน บังเอิญมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เข้ามา เราจึงต้องร่วมกันว่าเราจะอยู่กับโควิดได้อย่างไร โดยทุกคนต้องระมัดระวัง และซื่อสัตย์กับตัวเองในการเข้าสู่ระบบการตรวจสอบคัดกรอง รัฐบาลไม่เคยคิดที่จะลงโทษใกล้ทั้งสิ้น เว้นแต่ผู้ที่ทำผิดกฎหมาย
“ทุกคนไม่ต้องปิดบัง ไปไหนมาไหนก็ให้ไปรายงานต่อเจ้าหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะมีการแพร่ระบาดในสถานที่รักษาพยาบาล และสถานที่คัดกรอง ต้องรับผิดชอบต่อคนอื่นด้วย สงสารเจ้าหน้าที่หน้างาน แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน บางคนนอนเค้เก้อยู่ในห้องทำงาน ไม่ได้กลับบ้าน ต้องทำงาน 24 ชั่วโมง มีความอ่อนเพลียร่างกายอ่อนแอ น่าเป็นห่วง ทุกอย่างจะสำเร็จได้ด้วยน้ำมือของพวกเรา ถ้าเราทำดีช่วยกันก็จะแก้ได้ทุกเรื่อง แต่ถ้าไม่ร่วมมือกัน ปกปิดแอบพรางอยู่อย่างนี้ ทุกอย่างก็จะแก้ไขไม่ได้ทั้งหมด เพราะเราต้องบริหารคนถึง 66 ล้านคน ตามยอดประชากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น การที่จะทำให้คนทั้งหมดไปในทิศทางเดียวกัน เข้าใจตรงกัน คือต้องฟังมาตรการของรัฐซื่อสัตย์ต่อตนเอง ครอบครัว สังคม รวมไทยสร้างชาติต้านโควิด-19
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลี่ยงใช้คำว่าล็อกดาวน์ในพื้นที่ 5 จังหวัด เพราะเกรงว่าจะต้องจ่ายเงินเยียวยาตามที่มีบางกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พูดไปหมดแล้ว ก่อนหันมาบอกกับสื่อมวลชนว่าดูแลตัวเองกันด้วยนะจ๊ะ
