“บิ๊กตู่” สั่งตั้ง คกก.สอบกวาดล้างขบวนบ่อน-ค้าแรงงานเถื่อน งัด กม.ทุกฉบับเอาผิด เข้มชายแดนกวดขันห้ามคนไทยข้ามแดนเล่นพนัน ยัน 5 จังหวัดไม่ได้ล็อกดาวน์ ชี้ถ้าไม่ดีขึ้นต้องล็อกดาวน์ ยัน “คนละครึ่ง” ไม่มีเก็บภาษี เปิดไทม์ไลน์ทยอยฉีดวัคซีนทั่วประเทศ เริ่มปลายเดือน ก.พ.นี้
วันนี้ (5 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านไลฟ์สดเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าว่า วันนี้เป็นการประชุม ครม.ที่ใช้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อระมัดระวังป้องกันโควิด-19 และเพื่อให้ทุกคนตระหนักใช้หน้ากากอนามัย หรือการที่จะอยู่ใกล้ชิดกันของคนหมู่มาก ขอให้หน่วยงานต่างๆ พิจารณาตามเหตุผลและความจำเป็น โดยประเด็นแรกที่อยากทำความเข้าใจประชาชน คือ เรื่องการขจัดขบวนการทำผิดกฎหมาย บ่อนการพนันต่างๆ วันนี้เราทราบดีว่าบ่อนการพนันมีทั้งในประเทศและนอกประเทศ บ่อนขนาดใหญ่ บ่อนวิ่ง บ่อนอะไรก็แล้วแต่จะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดมากที่สุด ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่ยังมีการเล่นการพนันอยู่ ฉะนั้น ตนไม่อยากไปโทษประชาชน เป็นเรื่องของทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนต้องร่วมมือกัน สถานที่ใดก็ตามที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อ แพร่ระบาดในประเทศไทยต้องขจัดให้มากที่สุด
“ขณะนี้ผมได้มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สอบสวนสืบสวนอยู่ และรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้ จะได้ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทั้ง 2 เรื่องนี้เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม ประกอบไปด้วย หน่วยงานตรวจสอบของทางตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มีทั้งการดำเนินคดีความผิดเฉพาะหน้า ตรวจสอบจับกุมขบวนการเหล่านี้ ในส่วนที่จับกุมไม่ได้ก็จะติดตามนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง ผู้อำนวยความสะดวก ผู้ละเว้น หรือปล่อยปละละเลย พวกนี้ต้องถูกลงโทษ โดยใช้มาตรการทางกฎหมายทุกฉบับที่มีอยู่ อันนี้ขอย้ำเตือนไว้ด้วย รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และวันนี้สำคัญคือการออกเล่นการพนันในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีบ่อนอยู่รอบบ้านเราเป็นจำนวนมาก อันนี้ได้สั่งจุดตรวจต่างๆ ตามแนวชายแดนช่องทางเข้าออก ได้มีการกวดขัน ห้ามมิให้มีการไปเล่นการพนันนอกประเทศโดยเด็ดขาด”
นายกฯ กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจกับมาตรการที่ ศบค.ได้ให้มีการดำเนินการเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ขอเรียนว่าทุกอย่างที่ประกาศออกไป หรือมีมาตรการออกไปได้มีการปรึกษาหารือกับหลายหนวยงานและทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน ต้องรับฟังฝ่ายเศรษฐกิจด้วย สมาคมหอการค้า สมาคมอุตสาหกรรม สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมโรงแรม เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมดำเนินการในปัจจุบัน เพราะเราต้องบริหารคนหมู่มาก บริหารความเข้าใจ บริหารการตื่นตระหนกของสังคม ของประชาชน หลายอย่างไม่ได้คิดง่ายๆ ต้องเอาทุกอย่างมาประมวลและหาหนทางปฏิบัติที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ ที่อยากย้ำเตือน เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ได้แบ่งพื้นที่ตามระยะแรกที่ได้กำหนดไปแล้ว ทุกพื้นที่ต้องปฏิบัติ คือ การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ ตรวจอุณหภูมิร่างกาย ใช้แอปพลิเคชันไทยชนะที่ใช้กับสถานที่ประกอบการต่างๆ ที่คนหมู่มากเข้าไป จะต้องโหลดแอปพลิเคชันพวกนี้ อีกส่วนคือแอปหมอชนะ อันนี้เป็นเรื่องของการควบคุมดูแลการเดินทางเพื่อติดตามตัวได้ วันนี้จะเห็นว่ามีด่านตรวจระหว่างทางเพิ่มมากขึ้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และจะมีความเข้มงวดบานปลาย เป็นเรื่องของท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัด วันนี้สิ่งสำคัญต้องระมัดระวังตัวให้มากที่สุด กักกันตัวเองหากไปในพื้นที่ควบคุมสูงสูด การเดินทางจะต้องมีการลงทะเบียน และต้องเจอมาตรการแต่ละพื้นที่ ถ้าสามารถระมัดระวังตัวเองได้ ถ้ายังไม่เดินทางจะเป็นสิ่งที่ดี
สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด เรื่องของการศึกษา เป็นเรื่องของโรงเรียนและสถาบันการศึกษา การงดใช้อาคารเรียน ให้เรียนออนไลน์ ตนได้ให้กระทรวงสาธารณสุขไปดูในโรงเรียนที่ไม่สามารถใช้การสอนออนไลน์ได้ ให้หาวิธีอื่น ตรงนี้ฝากทุกคนช่วยกันคิดด้วย ตอนนี้กระทรวงศึกษาธิการกำลังดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ ห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยง เช่น การประชุมสัมมนา จัดเลี้ยง เป็นต้น เว้นแต่ได้รับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ซึ่งมีมาตรการที่ดีอย่างที่เคยทำมาแล้วในครั้งแรก สำหรับสถานบันเทิง คลับ บาร์ คาราโอเกะ ปิดทั้งหมด ส่วนร้านอาหารจำเป็นต้องปรับเพื่อเศรษฐกิจเดินไปได้ โดยทางสมาคมภัตตาคารไทยได้รับรองที่เรามีข้อกำหนดไป ถือเป็นการกำกับดูแลช่วยเราอีกทางหนึ่ง เราต้องช่วยกันแบบนี้ การที่เราปลดล็อกให้ถึงเวลา 21.00 น.ก็ต้องดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบมากขึ้น สถานประกอบการต้องมีมาตรการควบคุม ไม่ให้มีการแพร่ระบาด
ส่วนการดื่มสุราเป็นบ่อเกิด 2 อย่าง คือ ความประมาท และผลกระทบบาดเจ็บสูญเสีย รวมถึงการใช้ยานพาหนะซึ่งจะเห็นได้ว่าช่วงหยุดหลายวันสถิติสูงขึ้น ทั้งที่น่าจะลดลงเพราะลดการเดินทาง แต่กลับสูงกว่าปีที่แล้ว ดังนั้นต้องระวังให้มากขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว โดยใช้คนเกือบ 6 หมื่นคนในการตั้งด่านต่างๆ ซึ่งการสูญเสียอยู่ในพื้นที่สายรอง ตรงนี้ตนได้เน้นไปแล้ว
ส่วนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดได้ แต่ต้องมีมาตรการเคร่งครัดอย่างที่เคยทำมาแล้วในระยะที่ 1 ส่วนสถานที่อื่นๆ ผู้ว่าฯ กทม. และผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถพิจารณาปิดเพิ่มเติมได้ตามสถานการณ์ และขณะนี้ได้ให้ ศบค.ติดตามแล้วว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้างมากขึ้น ทั้งผลกระทบและเศรษฐกิจ
สำหรับ 28 จังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้งดหรือชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัด เว้นต้องมีเหตุจำเป็น โดยต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานตามด่านจุดตรวจต่างๆ ทั้งระหว่างทางและในพื้นที่ที่จะเข้าไปในแต่ละจังหวัด ต้องดำเนินการเข้มข้น ต้องมีการลงทะเบียนใช้แอปเพิ่มเติม
“ในกรณี 5 จังหวัดที่ยังสับสนกันอยู่ การให้ข่าวต่างๆ ยังไม่ค่อยตรงกัน ฉะนั้น ผมขอยืนยันตรงนี้ว่า 5 จังหวัดที่ว่ามาไม่ใช่การล็อกดาวน์ การล็อกดาวน์ที่เคยทำมาก่อนคือการห้ามเดินทาง อยู่แต่ในบ้าน และบ้านเมืองเหมือนบ้านร้าง แต่เรายังไม่ไปถึงตรงโน้น เพราะเรามีมาตรการระหว่างทาง และมาตรการเดินทางเข้าพื้นที่ ไม่ใช่การล็อกดาวน์ แต่วันหน้าถ้ายังแก้ไม่ได้ก็คงต้องล็อกดาวน์ จึงต้องพูดให้ชัดเจน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 นั้น วันนี้ ครม.ได้อนุมัติงบประมาณให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเตรียมเงินสำหรับรองรับวัคซีน โดยจะเข้ามาในระยะแรก 2 ล้านโดส ปลายเดือน มี.ค.ประมาณ 8 แสนโดส สำหรับประชาชน 4 แสนคน เดือน เม.ย.จะได้อีก 1 ล้านโดส เพียงพอสำหรับประชาชน 5 แสนคน ปลายเดือน พ.ค.อีก 26 ล้านโดส สำหรับประชาชน 13 ล้านคน ทั้งหมดจะต้องผ่านมาตรฐานองค์การอาหารและยา (อย.) ของเรา และ อย.ต่างประเทศด้วย และวันนี้ได้มีการสั่งจองเพิ่มบริษัท AstraZeneca อีก 35 ล้านโดส ฉะนั้น รวมทั้งหมดจะมีประชาชนประมาณเกือบ 60 ล้านคนที่จะได้รับการฉีควัคซีนตามระยะเวลาที่วัคซีนเข้ามา จากข้อมูลสาธารณสุขคิดว่าเพียงพอ ต้องฉีดคนละ 2 โดส ห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ คือทยอยฉีด
ส่วนการจะให้กลุ่มใดเป็นไปตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่สำคัญผู้ที่อยู่หน้างาน ใกล้ชิดการตรวจคัดกรอง และผู้เจ็บป่วยโควิด ต้องให้ความสำคัญส่วนนี้ก่อน และผู้ที่จะมีความเสี่ยงเกิดโรครุนแรง หรือการแพทย์ด่านหน้า ประชาชนผู้สูงอายุ ประชาชนที่มีโรคเรื้อรัง และอื่นๆ ที่มีความจำเป็น ส่วนล็อตที่ 2 จำนวน 26 ล้านโดส จะเริ่มส่งมอบเดือน มิ.ย. สำหรับวัคซีนล็อตต่อไปๆ เราจะมีการติดตามแสวงหาจากประเทศอื่นๆ อีกด้วย เพื่อให้รวดเร็วตามความต้องการของเรา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของวัคซีนแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตั้งไว้ในสถานการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ พระองค์ได้มีพระราชานุญาตให้ใช้ในการผลิตวัคซีนได้ คาดว่าจะผลิตได้ประมาณปีละ 200 ล้านโดสในระยะต่อไป ฉะนั้นน่าจะเพียงพอในการให้วัคซีนได้ทั่วทั้งประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อความรวดเร็วได้เปิดให้ภาคเอกชนรัฐบาลจัดหาได้ แต่ต้องผ่านการรับรองมาตรการของ อย.และอยู่ในการควบคุมการใช้ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลเอกชน หรือธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ เรื่องผลข้างเคียงวันนี้จากการติดตามสัดส่วนอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ซึ่งต้องติดตาม เพราะนี่คือความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในการรับวัคซีนในระยะนี้ วันนี้มีการฉีดในหลายประเทศ หลายยี่ห้อ เราต้องติดตามทุกประเทศ เพราะเราต้องการให้คนไทยปลอดภัยมากที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ต้องให้ความสำคัญต่อการจำกัดการแพร่ระบาดให้ได้โดยเร็ว เอาคนที่ติดเชื้อมาควบคุม รักษาพยาบาลให้ได้โดยเร็ว ส่วนผู้ที่เป็นแล้วก็ใช้ยารักษาอีกตัวหนึ่งซึ่งมีการจัดหาไว้อย่างเพียงพอ
