อำมหิตเกินบรรยาย “ดร.อานนท์” เล่าเรื่อง ใช้ “ศพ” พวกกันเองทรยศแผ่นดิน “ปวิน” ปั่นกระแส “ภาพสุดท้าย” แดงล้มเจ้าก่อนถูกเก็บ มีนัยสำคัญ สั่ง “อีแอบ” ออกมาร่วมขบวน นศ.ต่อสู้ “สุวินัย-อัษฎางค์” ทันเกมสหาย “3 นิ้ว”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (15 ธ.ค. 63) เฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความระบุว่า
“เรื่องที่มีนักเคลื่อนไหว ถูกฆ่า เอาปูนยัดท้องถ่วงแม่น้ำที่ร่ำลือกัน ศพก็ยังหาไม่เจอเลยนั้น แล้วเอาเรื่องนี้มาใส่ร้ายป้ายสี เอามายุยงปลุกปั่น เออ หากินรับจ้างทำม็อบด้วยการใช้ศพจริงๆ นะครับ
ผมได้รับทราบเรื่องราวมาอีกแบบ จะขอเล่าให้ฟัง ส่วนจริงเท็จแค่ไหน ก็ขอให้ไปพิจารณาวิเคราะห์กันเอง
โบราณนานมา หนอนบ่อนไส้ คนทุรยศแผ่นดิน ไปอยู่แผ่นดินไหน ใช่ว่าใครเขาจะชอบ
เขาย่อมหวาดระแวง ว่าคนทุรยศเช่นนี้จะไปปลุกปั่นประชาชนของประเทศเขาให้มาก่อความวุ่นวายได้ เป็นเรื่องปกติ
มีการสอบถามมาที่ทางการของเราหลายปีว่าจะให้จัดการอย่างไร เขาไม่ต้องการให้มันมีชีวิตไปเคลื่อนไหวทางการเมืองในแผ่นดินเขา เพราะเขากลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แปลง่ายๆ ว่า ไอ้นี่น่าจะถูกเก็บ
มันทรยศประเทศบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองได้ ทำไมมันจะทรยศแผ่นดินอื่นไม่ได้
พูดง่ายๆ เสี้ยนหนามแผ่นดินเรา ไปอยู่แผ่นดินเขา เขาก็เห็นว่าเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินเขาเช่นกัน น่ารำคาญใจ และก็คงจะถูกกำจัดไปแล้วในแผ่นดินเขา โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย
เท่าที่ผมได้สืบทราบมา การข่าวความมั่นคงก็ได้ทราบมาเช่นนี้เช่นกัน
จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไปพิจารณากันเอง
สิ่งที่ต้องระวังคือ มีคนหากินทำม็อบรับจ้างล้มเจ้าโดยอาศัยศพ และมีความมุ่งหมายจะฆ่าพวกเดียวกันเองให้เป็นศพ เพื่อปลุกปั่นยุยงบนแผ่นดินของเรา
จงรู้เท่าทันคนพวกนี้.”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ลี้ภัยคดี ม.112 (หมิ่นสถาบันฯ) ในประเทศญี่ปุ่น โพสต์ข้อความพร้อมภาพ ระบุว่า
“ภาพคุณสุรชัย แซ่ด่าน ภาพสุดท้าย เสื้อขาวใต้พุ่มไม้ หลังจากปาร์ตี้นี้ คุณสุรชัยได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่จะถูกอุ้มในเวลาต่อมา”
ก่อนหน้านี้ ไม่กี่ชั่วโมง เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ก็โพสต์ภาพ และข้อความว่า
“ภาพสุดท้ายของภูชนะ กำลังเผาข้าวหลามอยู่ก่อนถูกอุ้มในวันเดียวกัน กาสะลองเป็นคนถ่ายภาพนี้ พอเห็นภาพศพถึงรู้ทันทีว่าเป็นภูชนะ เพราะเห็นกางเกงที่เค้าใส่คือตัวเดียวกับในรูปนี้ค่ะ”
นอกจากนี้ พสิน วิริยะไพศาลกิจ ได้แชร์ข้อมูลอ้างอิงจากเฟซบุ๊กอื่นมาให้เห็นว่า
“อุ้มฆ่า 3 ศพผู้ลี้ภัยคดี 112 ที่โดนอุ้มฆ่าผ่าท้องยัดเสาปูนถ่วงแม่น้ำโขงลอยมาจากฝั่งลาว
1. ไกรเดช ลือเลิศ (สหายกาสะลอง) อายุ 47 ปี
2. ชัชชาญ ปุผาวัลย์ (#สหายภูชนะ) อายุ 56 ปี
3. สุรชัย แซ่ด่าน อายุ 78 ปี
ปล. ศพทั้ง 3 ยืนยันด้วย DNA
คนสั่งยังลอยหน้า
คนฆ่ายังลอยนวล...☠️⤵️💀
https://www.facebook.com/100003542572417/posts/3399988456795873/?d=n
ไม่เพียงเท่านั้น วันนี้เช่นกัน เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ยังโพสต์ด้วยว่า
“ได้มีโอกาสคุยกับบุคคลคนหนึ่งที่เคยใกล้ชิดกับวัง แต่ถูกเขี่ยไปแล้ว แต่ยังหวังกลับมามีบทบาททางการเมือง ดิชั้นแนะนำไปสั้นๆ ว่า ตอนนี้ ไม่ว่านักการเมืองคนไหน พรรคการเมืองไหน บุคคลสำคัญคนใด อดีตเจ้าคนไหน ถ้าอยากมีอำนาจทางการเมืองในอนาคต คุณต้องไปไกลกว่านักศึกษา-ผู้ชุมนุม หรืออย่างน้อยต้องไปให้ทัน เพราะถ้าคุณไปไม่ทัน คุณจะตกขบวนรถไฟ อย่างที่นักการเมืองหลายคนที่ตกรถไฟไปแล้ว ทั้งทักษิณและยิ่งลักษณ์ ดิชั้นได้บอกคนๆ นั้นว่า “timing” คือเรื่องสำคัญที่สุด หมายความว่า ถึงจุดหนึ่ง คุณต้องออกมาร่วมกับผู้ชุมนุมได้แล้ว อย่ารอให้สายเกินไป เพราะถ้ารอจนวันที่ผู้ชุมนุม-นักศึกษาชนะ แล้วคุณจะมาตีกินแบบเนียนๆ จะมาทำเป็นพวกเค้า มายินดีกับเค้า เพื่อหวังอำนาจทางการเมือง พวกเค้าจะถีบมึงค่ะ
เอาจริงๆ นักการเมืองอย่างปิยบุตรก็ถือว่าผิด timing ไปแล้ว สายเกินไปแล้ว เพราะคุณรอให้นักศึกษา-ผู้ชุมนุมเปิดประเด็น แล้วมาตีกินทีหลัง คือที่พูดก็เพื่อจะบอกว่า ไม่มีการได้อำนาจทางการเมืองมาโดยไม่มีการลงทุน คุณจะมาเอากำไรโดยที่คุณไม่ลงทุนไม่ได้ พูดจบ คนๆ นั้นถามว่า แล้ว “timing” คือเมื่อไหร่ ดิชั้นตอบว่า อีดอก it's now!”
ด้าน ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“อ่านเพจเยาวชนปลดแอกอธิบายเรื่องคอมมิวนิสต์ เหมือนได้ฟัง อ.ใจ อึ๊งภากรณ์ มาเลกเชอร์เองเลยนะ
ถ้าเพจเยาวชนปลดแอกเลื่อมใสลัทธิคอมมิวนิสต์ขนาดนี้ ก็ตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยให้คืนชีพขึ้นมาอีกครั้งเลยไม่ดีกว่าหรือ
แต่ผมว่าดีนะที่เพจเยาวชนปลดแอกแสดงตัวทางความคิดอย่างล่อนจ้อนออกมาแบบนี้ ในฐานะที่เป็นแกนนำม็อบคณะราษฎร
จะได้ไม่คลุมเครืออีกต่อไปว่า ขบวนการปฏิวัติคณะราษฎร 2563 ที่แท้ก็คือขบวนการคอมมิวนิสต์ที่ชู “ประชาธิปไตย” บังหน้าเท่านั้นเอง
คนที่จะไปร่วมม็อบคณะราษฎรในต้นปีหน้า จะได้ชัดเจนว่า กำลังเข้าร่วมขบวนการอะไรกันแน่
ก่อนพูด เราเป็นนายของคำพูดก็จริง
แต่หลังจากที่เปล่งวาจาออกไปแล้ว คำพูดที่พูดออกไป มันจะเป็นนายเรานะ เพจเยาวชนปลดแอก!”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “เบิกเนตรเยาวชนปลดแอก”
โดยระบุว่า “โดนแกนนำแหกตาว่าเป็นม็อบเรียกร้องประชาธิปไตย ทั้งที่ความจริงอยากเป็นคอมมิวนิสต์
..........................................................................
เห็นและตอบไปเถือกเลย
ปวดหัว มึนตึบครับ
คนพวกนี้ไม่เรียนหนังสือ
หรือเรียนก็จบมาแบบลอกการบ้าน ลอกข้อสอบเพื่อน
คนพวกนี้ไม่รู้จริง หรือรู้แบบครึ่งๆ กลางๆ แต่ชอบพูด
**ซึ่งมันชี้ให้เห็นถึงปัญหาการศึกษาของไทย
จีน กับเกาหลีเหนือ ไม่ใช่คอมมิวนิสต์
กลายเป็น เยอรมัน ที่เป็น คอมมิวนิสต์
เพราะคอมมิวนิสต์ คือ รัฐสวัสดิการ
แปลว่า คอมมิวนิสต์ดีไปฉิบ
ดีเพราะเป็นรัฐสวัสดิการ
..........................................................................
เยาวชนที่ออกมาเดินตามม็อบ ล้วนมีการศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่ถูกแกนนำที่เรียนหนังสือไม่จบ หรือไม่เรียนหนังสือ แหกตา ด้วยคำว่า เบิกเนตร
ที่แสบกว่านั้นคือ เยาวชนที่เป็นปัญญาชน โง่กว่าแกนนำที่ไม่ได้เป็นปัญญาชน โง่เพราะโดนเขาหลอก โดนเขาแหกตา ด้วยคำว่า เบิกเนตร
ประชาธิปไตยที่ไหนในโลก คือ ความเท่าเทียมกัน เท่าเทียมกันคือ ถึงแม้จะเรียนเก่งแค่ไหน ทำงานหนักเพียงใด ก็ได้เงินเดือนเท่ากับคนไม่เรียนและไม่ขยันทำงาน นี่หรือคือสิ่งที่พวกเธอเรียกร้อง
เธอโดนคนที่เรียนไม่จบ และไม่ยอมเรียนหนังสือ หลอกให้ออกมาประท้วง เพื่อให้พวกเขาซึ่งเรียนไม่จบ หรือไม่เรียนหนังสือ มีกินมีใช้ มีเงินเดือนเท่ากับเธอ ที่เรียนเก่ง และขยันทำงาน
น่าอนาถ
ไม่ต้องรอให้ไอ้อาจารย์ 3 นิ้ว ประท้วงหยุดสอน ลาออกหรอก
พวกเธอนักศึกษา เลิกเรียนหนังสือไปเสียเถอะ ถ้าเรียนแล้วโง่กว่าคนไม่เรียนหนังสือ.”
และ เพจเฟซบุ๊ก The METTAD ก็โพสต์หัวข้อ “วาทกรรม-วิธีการคอมมิวนิสต์”
โดยระบุว่า
- ไพร่-ทาส ชนชั้น
- ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎรจงเจริญ
- ปลดแอก
- ปลุกระดม กรรมาชีพ แรงงาน เกษตรกร
- คนเท่ากัน ความเท่าเทียม
- ไม่มีอาวุโส ไม่มีลำดับชั้น ทุกคนคือสหาย
- ความเหลื่อมล้ำ
- ดึงฟ้าให้ต่ำ
- สาธารณรัฐ (สปป.) Republic
- วันเสียงปืนแตก
- ปฏิวัติประชาชน
- ปลุกความเกลียดชังชนชั้นนำ
- ทำให้เสื่อมศรัทธาต่อศาสนา
- ยึดสมบัติชนชั้นสูงมาแบ่งกัน
เป็นวาทกรรมคอมมี่ตั้งแต่ยุคเก่าครับ
ถ้าไม่มีก็สบายใจได้ว่าไม่ใช่คอมมิวนิสต์ 😘
แน่นอน, ดูเหมือน หลายคนเริ่มมีข้อสรุปแล้วว่า แท้จริงแล้ว อุดมการณ์ม็อบ 3 นิ้ว หรือ ม็อบเยาวชนปลดแอก ที่นำโดยคณะราษฎร 2563 ก็คือ “คอมมิวนิสต์” นั่นเอง
ส่วนที่ต้องเอาอุดมการณ์ “ประชาธิปไตย” บังหน้านั้น ก็เพราะว่า ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบการปกครองที่เป็นสากลนิยมเท่านั้นเอง และเป็นการสร้างเป้าหมาย “ลวง” ขึ้นมา เพื่อไม่ให้คนไทยรู้สึกต่อต้านในทันทีทันควัน ซึ่งหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พวกเขาอาจตั้งใจที่จะเปิดเผยต่อคนไทย และผู้หลงผิด หลงเชื่อในภายหลัง ซึ่งถึงตอนนั้น ก็คงต้องตกบันไดพลอยโจนไปแล้ว
และเป็นที่น่าสังเกตเหมือนกัน ว่า มีบางคนที่พวกเขาเลื่อมใสศรัทธา และยึดถือเป็น “ศาสดา” ถือว่า เป็นพวก “คลั่งคอมมิวนิสต์” หรือ ซ้ายอกหัก มาก่อน ส่วนจะเป็นใคร เวลานี้เริ่มมีบางคนออกมาแฉแล้วว่า อาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังม็อบเด็กตัวจริง
เหนืออื่นใด ข่าวล่ามาแรง ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในเวลานี้ ก็คือ ความพยายามที่จะสร้างเงื่อนไขปลุกระดมครั้งใหญ่ และเล็งเห็นผลชนิดฟ้าถล่มแผ่นดินสะเทือนเลยทีเดียว ด้วยการฆ่ากันเอง เพื่อให้มี “ศพ” ในการใช้เป็นเครื่องมือปลุกระดมระดับโลก จริงหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาตั้งคำถามกันให้เสียเวลา เสียโอกาสที่จะหาทางแก้ไข
ประเด็นก็คือ ในเมื่อเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องระดับประเทศ ที่เป็นแค่เกมการเมืองภายในของคนไทย แต่เป็นเรื่องระดับโลก และมีประเทศมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง อะไรก็เกิดขึ้นได้ อย่าลืม กระแสนี้ไม่ได้มาจากภายในประเทศ แต่มันถูกปั่นมาจากต่างประเทศ ที่ไม่แน่ว่า อาจมีแผนที่จะหาเหยื่ออยู่ก็เป็นได้
สิ่งที่น่าเป็นห่วง ไม่เพียงเยาวชนและแกนนำม็อบ ที่เป็นลูกหลานคนไทย หากแต่คนไทย ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ก็พลอยรับกรรมไปด้วย ถ้าประเทศไทยเสียหาย ไม่ว่ามากน้อยแค่ไหน เพราะการซ่อมแซม ฟื้นฟูในทุกด้าน จะไม่ใช่ปีสองปีอย่างแน่นอน จะยอมได้หรือไม่ ก็ลองคิดดูก็แล้วกัน!